อิหร่านกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นหลังจากการปฏิวัติ (ตอนที่1)

1765

การปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่านสามารถยืนอยู่ได้โดยผ่านระยะเวลามามากกว่าหนึ่งในสี่ของศตวรรษ และในช่วงระยะเวลานี้สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านได้ผ่านอุปสรรคทั้งร้อนและหนาวต่างๆมาอย่างมากมายด้วยความยากลำบาก

 

บันทึกสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านตามดัชนีแห่งความก้าวหน้าและการพัฒนา

แม้จะมีอุปสรรคต่างๆที่คอยขวางกั้นการพัฒนาของประเทศ แต่อิหร่านก็มีการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยสำคัญในหลายปีที่ผ่านมา หลังการปฏิวัติอิสลามดัชนีตัวชี้วัดเป็นหลักฐานสำคัญที่ชี้ให้เห็นถึงการเจริญเติบโตและการพัฒนาได้ดีในหลายๆพื้นที่ของประเทศ  แต่ก่อนอื่นเราจะต้องทำความเข้าใจถึงประเด็นต่างๆ เหล่านี้ก่อนว่า เนื่องจากวิกฤติความขัดแย้งภายในและสงครามจากภายนอกที่เกิดขึ้นในช่วงแรกหลังจากการปฏิวัติจึงไม่สามารถที่จะนำยุคสมัยนั้นมาอยู่ในประเด็นที่เราจะใช้พิสูจน์ให้เห็นถึงความก้าวหน้าของประเทศได้ เนื่องจากว่า ในความเป็นจริงการฟื้นฟูและการพัฒนาประเทศอย่างจริงจังนั้นเกิดขึ้นหลังจากสงคราม ด้วยเหตุนี้ ส่วนใหญ่ของหลักฐานที่ชี้ให้เห็นถึงการพัฒนาในด้านต่างๆของประเทศอิหร่านจะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากปี 1989  ค.ศ

การพัฒนาทางความรู้และการศึกษา

ในทุกๆ ปีจะเห็นได้ว่านักศึกษาชาวอิหร่านจะประสบความสำเร็จอยู่บ่อยครั้งจากการแข่งขันทางด้านวิชาการของโลกในสาขาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น วิชาการทางด้านเคมี ฟิสิกส์ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ คอมพิวเตอร์และอื่นๆ โดยการแข่งขันกับหลายๆประเทศที่มีการพัฒนาทางวิชาการ นี่คือหนึ่งในหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาทางด้านวิชาการของประเทศอิหร่านหลังจากการปฏิวัติอิสลาม

ความสำเร็จในการแข่งขันต่างๆ ของเยาวชนนักศึกษาอิหร่านตั้งแต่ช่วงแรกที่เข้าร่วมการแข่งขันก็ได้มีการพัฒนาคืบหน้ามาอย่างต่อเนื่อง ความสำเร็จของนักศึกษาอิหร่านในเวทีโลก คือ แชมป์โลกโอลิมปิกถึงสามครั้ง (แชมป์โลกวิชาการทางเคมีปี 1996,1997 แชมป์โลกทางวิทยาศาสตร์ปี 1999) ได้อันดับที่สองโอลิมปิก สองครั้ง (วิชาฟิสิกส์ปี 2000 และเคมีปี 2001) ได้อันดับสามโอลิมปิกสองครั้ง (วิชาฟิสิกส์ในปี 1996,1999)

นักศึกษาอิหร่านได้มีส่วนร่วมในการแข่งขันต่างๆในระดับนานาชาติซึ่งได้ประสบความสำเร็จอย่างสูงตั้งแต่ในช่วงปี 1988-2002 ในสาขาวิชาการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี คอมพิวเตอร์ และชีววิทยา ซึ่งพวกเขาสามารถคว้าเหรียญทองได้ถึง 57 เหรียญ และเหรียญเงิน 92 เหรียญ เหรียญทองแดงอีก 58 เหรียญ

นี่คือการพัฒนาและเจริญเติบโตทางด้านวิชาการของอิหร่านหลังจากการปฏิวัติ ก่อนหน้าที่จะเกิดการปฏิวัติอิหร่านมีนักศึกษาที่ทำการศึกษาอยู่ในมหาลัยต่างๆไม่เกิน 150,000 คน แต่ทว่าในปัจจุบันอิหร่านมีนักศึกษาในมหาวิทยาลัยทั่วประเทศกว่า 2,400,000 คน

อิหร่านเป็นประเทศหนึ่งในปี 1978 มีประชากรเพียง 33 ล้านคนแต่ยังคงต้องนำเข้าแพทย์มาจากต่างๆประเทศที่กำลังพัฒนาอย่างเช่น อินเดีย บังกลาเทศ ปากีสถาน และอื่นๆ และในขณะนี้ด้วยประชากรที่เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจึงทำให้ความต้องการทางการแพทย์เยอะขึ้นตามด้วยเช่นกัน ซึ่งในปี 1979 อิหร่านมีแพทย์เฉพาะทางอยู่แค่เพียง 7,000 คน แต่ปัจจุบันอิหร่านมีแพทย์ทั้งหมดราว 72,792 คน ซึ่งเพิ่มมามากกว่า 10 เท่าตัวจากจำนวนที่มีอยู่เดิม

การพัฒนาทางด้านคุณภาพก็เช่นกันที่ควรจะต้องกล่าวถึง ในปีการศึกษา 1980-1981 จำนวนนักศึกษาปริญญาเอกในมหาลัยของรัฐมีจำนวนเพียงแค่ 452 คน และในปีการศึกษา 2002-2003 มีจำนวนเพิ่มกว่า 23,000 คน และถ้าหากจะนับรวมกับนักศึกษาในมหาวิทยาลัยเอกชนอาจจะมีจำนวนที่เพิ่มไปกว่า 50 เท่าจากจำนวนเดิมที่เคยมีอยู่

ตามรายงานข้อมูลของสถาบันทางความรู้ระหว่างประเทศจากเอกสารที่ได้รับการตีพิมพ์จากนักวิจัยชาวอิหร่านในวาระสารระดับนานาชาติตลอดระยะเวลากว่าสิบปี (1993-2003ค.ศ) มีการพัฒนากว่า 600 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือว่าเป็นการพัฒนามากกว่าทุกประเทศทั่วโลกปัจจุบันเฉลี่ยถึง 3 เท่า

ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ศูนย์วัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ(ยูเนสโก)ได้พูดถึงประเทศอิหร่านอยู่หลายครั้งว่า เป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในการต่อสู้กับการไม่รู้หนังสือ เนื่องจากว่าอิหร่านทำให้ประชาชนเป็นผู้ใฝ่รู้และเป็นหนอหนังสือได้ในเพียงระยะเวลาแค่เพียง 6 ปี เพิ่มขึ้นมาถึง 28.7 เปอร์เซ็นต์จากปี 1977 และได้ส่งเสริมจนมีหนอนหนังสือเพิ่มขึ้นเป็น 85 เปอร์เซ็นต์ในปี 2005 และในปัจจุบันเราจะเห็นได้ว่าอิหร่านไม่ได้หยุดอยู่แค่นี้ พวกเขาไม่ใช่เฉพาะสามารถที่จะพึ่งตัวเองได้แค่เพียงทางด้านไอที แต่พวกเขากลับกลายเป็นประเทศที่ส่งออกวิศวกรรมปิโตรเลียม การเกษตร สุขภาพ เขื่อน นิวเคลียร์ รถยนต์ และอื่นๆ

ในด้านวิทยาศาสตร์สมัยใหม่,นักวิชาการอิหร่านสามารถไปถึงขอบเขตต่างๆทางความรู้ของมนุษย์และบางครั้งพวกเขายังเลยขอบเขตต่างๆเหล่านั้นด้วยเช่นกัน นักวิทยาศาสตร์อิหร่านสามารถพัฒนาไปสู่การรักษาและการแช่แข็งเซลล์ต้นกำเนิดตัวอ่อนซึ่งก่อนหน้านี้เป็นโดเมนพิเศษของ 9 ประเทศ รักษาภาวะการมีบุตรยาก โรคหัวใจล้มเหลว และพยายามที่จะซ่อมแซมตับอ่อนเพื่อผลิตอินซูลินในการรักษาโรคเบาหวานโดยนักวิทยาศาสตร์หนุ่มสาขาพันธุกรรมชาวอิหร่าน ซึ่งเป็นครั้งแรกของโลกตามบันทึกของนักวิทยาศาสตร์สมัยใหม่

ในสาขาวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์แม้จะมีอุปสรรคและการต่อต้านคว่ำบาตรจากประเทศตะวันตก ได้มีการวิจัยต่างๆ และประยุกต์ใช้กับเทคโนโลยีต่างๆอย่างสันติ วันนี้ อิหร่านสามารถเสริมสมรรถนะยูเรเนียมจนกระทั่งติดหนึ่งใน10ของประเทศต่างๆทั่วโลกแล้ว

อิหร่านกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นหลังจากการปฏิวัติ (ตอนที่ 2)