บางคนบอกว่า”ความจน คือ สาเหตุของความโง่ และอาชญากรรม”
ผู่้เขียนคิดว่า ความคิดนี้ไม่ถูกต้องเสียทั้งหมด รวยจน ไม่ใช่มาตรวัด ของความโง่ หรือ อาชญากรรม คนรวยมากมาย ก่ออาชญากรรมก็มีมาก เช่น คดีหมอหั่่นศพภรรยาตัวเอง หรือ สินแซโชกุน หลอกลวงประชาชน และอีกหลายๆคดี
แน่นอนสถิติอาชญากรรม ไปตกอยู่กับคนจนมากกว่า ไม่ใช่เพราะจน แต่เพราะคนจนมีเยอะกว่า เอาเข้าจริงแล้ว ยิ่งคนเรารวยมาก โอกาสที่จะลำพองก็มีมาก โอกาสที่จะทำอะไรเอาแต่ใจตัวเองก็มีมาก โอกาสที่จะทำผิด แล้วไม่ถูกจับได้ ก็มีมากกว่า ในทางมนุษยธรรม มีโอกาสที่คนรวย(ส่วนหนึ่ง ไม่ใช่ทั้งหมด) จะดูถูกคนจน และจะใช้จ่ายทรัพย์สินไปกับเรื่องไร้สาระ
จากข้อตรงนี้หักล้างได้ว่า รวยจนไม่ใช่มาตรวัดของอาชญากรรม แต่เป็นเพียงปัจจัยที่ทำให้คนตัดสินใจทำผิด กล่าวคือ รวยก็มีทั้งรวยเชิงบวก และรวยเชิงลบ จนก็มีทั้งจนเชิงบวก และจนเชิงลบ เราปฏิเสธไม่ได้ว่า บางคน เพราะรวย ถึงตัดสินใจทำความดี สร้างองกรณ์ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ บริจาค รายได้ของตนเองกลับสู่สังคม ในทางกลับกัน เราก็เถียงไม่ได้ว่า บางคนเพราะรวยถึงได้ทำสิ่งผิดบาปมากมาย ความรวยของเขาส่งผลในทางร้ายต่อสังคม
สำหรับคนจนก็เช่นกัน บางคนเพราะจน เขาถึงไม่ทำสิ่งที่เลวร้าย อาจจะเพราะไม่มีโอกาสได้ทำ หรือ ไม่เอื้อให้ทำ ก็ว่ากันไปแต่ละกรณี และบางคนเพราะจน จึงตัดสินใจก่ออาชญากรรม เช่น เรื่องแม่ลูก 3 ที่ปล้นร้านขายยา เพราะติดหนี้สิน
ที่เราเห็นก็คือ ทั้งคนจน และคนรวย ต่างก็สามารถทำผิด และทำถูกได้ พอๆกัน ความรวย และ ความจน จึงไม่อาจนำมาวัดค่าที่แท้จริงของคน และไม่อาจตัดสินล่วงหน้าได้ว่า ถ้าจนแล้ว โอกาสทำผิดมีมากกว่า ถ้ารวยแล้วโอกาสทำผิดมีน้อยกว่า
ในเรื่องความโง่ก็เช่นกัน ความจนไม่ใช่สาเหตุของความโง่ แต่ความโง่ มีสาเหตุมาจาก “การตั้งใจที่จะไม่แสวงหาความรู้” แต่ถ้าหากบอกว่า เพราะจน โอกาสในการศึกษาในมหาวิทยาลัยดีๆ จึงน้อยกว่า นั่นอาจจะเป็นไปได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า นักศึกษาที่เรียนในมหาลัย ดีๆ จะเก่งกว่า นักศึกษาที่มีกำลังทรัพย์น้อยกว่า เด็กในอินเดียในสลัมมากมาย เรียนเก่งกว่า เด็กในโรงเรียนชนชั้นสูง โดยใช้หนังสือเก่าๆเปื่อยๆที่ยืมเขามาอีกที จากข้อเท็จจริงอันนี้ ทำให้เราเข้าใจได้ว่า “ความโง่ ไม่ได้มีสาเหตุมาจากความจน และความรวยก็ไม่ได้ทำให้คนฉลาดทุกคน”