อิหร่านสามารถเลือกใช้หลายวิธี เพื่อทำการแก้แค้นไปยังไอซิส จากเหตุโจมตีกรุงเตหะรานที่เพิ่งเกิดขึ้น แต่ตัวเลือกที่อิหร่านนำมาใช้ในครั้งนี้ คือการโจมตีด้วยขีปนาวุธพิสัยกลาง นอกจากการโต้ตอบทางอาวุธดังกล่าว จะเป็นไปเพื่อทำลายล้างขบวนการก่อการร้ายแล้ว อิหร่านยังใช้การโจมตีนี้ ในฐานะสาส์น ที่ส่งไปยังเหล่าผู้สนับสนุนไอซิส แน่นอนว่าเป้าหมายของอิหร่าน ย่อมมีแรงขับเคลื่อนที่เป็นมากกว่าการแก้แค้น ทว่า คือ การส่งคำเตือนไปยังชาติผู้คุกคามอื่นๆ
แม้ว่าในยุคสมัยการปกครองของกษัตริย์ชาห์ ปาลาวีย์ อิหร่านจะเป็นชาติ ผู้ซื้ออาวุธที่ทันสมัยที่สุดจากสหรัฐอเมริกา แต่กลับกัน ในช่วงเหตุการณ์สงครามอิรัก-อิหร่าน ประชาชนผู้เป็นพยาน และเหยื่อแห่งสงครามย่อมจดจำได้ดีว่า ในวันนั้น ชาวอิหร่านจำต้องทนกับความยากลำบากมากสักเพียงไร เรียกได้ว่า แทบร้องไห้ออกมาเป็นสายเลือด เพื่อให้ได้มาซึ่งขีปนาวุธสักลูกหนึ่ง เพื่อจะใช้ตอบโต้ไปยังการยิงจรวดต่อสู้ของอิรักที่ยิงใส่เมืองต่างๆของอิหร่าน หากแต่กลับไม่มีประเทศใด เต็มใจจะหยิบยื่นความช่วยเหลือ ส่งมอบขีปนาวุธให้กับอิหร่านเลย และอาวุธต่างๆของอเมริกันที่มีอยู่ จากยุคสมัยของชาห์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เครื่องบินรบ ก็ไม่อาจใช้การได้ เนื่องจากชิ้นส่วนอะไหล่ขาดหาย
เหตุการณ์นี้เอง ที่ส่งผลทำให้อิหร่านตระหนักว่า มันถึงเวลาแล้วที่ เราจะต้องคิดค้นและผลิตอาวุธป้องกันตนเองเท่าที่มีความจำเป็น จากภายในประเทศโดยไม่ต้องอาศัยอำนาจภายนอก
ณ วันนี้ ความฝันของอิหร่าน ไม่ได้หยุดอยู่แค่การส่งขีปนาวุธไปสู่กรุงแบกแดดเท่านั้น ทว่าขีปนาวุธของอิหร่านสามารถผ่านน่านฟ้าของอิรักได้อย่างง่ายดาย และถล่มสู่เป้าหมายถัดจากนั้นอีกหลายร้อยกิโลเมตรได้อย่างแม่นยำ
การเลือกจังหวัดเคริด์ดิสถานเป็นฐานในการโจมตีนั้นก็ย่อมมีเหตุผล
ผู้ก่อการร้ายจำนวนหนึ่งที่ดำเนินการโจมตีเตหะราน มาจากเขตพื้นที่ดังกล่าว อีกทั้งบรรดาศัตรู ก็มีความพยายามเป็นอย่างมากเพื่อก่อเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดนี้ อิหร่านต้องการจะแสดงให้เห็นว่าสามารถควบคุมความปลอดภัยในเขตพื้นที่นี้ได้อย่างเต็มรูปแบบ
ความเป็นจริง อิหร่านสามารถใช้เครื่องบิน หรือพันธมิตรในซีเรีย หรืออิรัก เลบานอน ให้ดำเนินการปฏิบัติการโจมตีในครั้งนี้ แต่อิหร่านกลับยืนกรานที่จะใช้ฐานทัพภายในประเทศ กระทำการโจมตีด้วยตนเอง ทั้งนี้เพื่อเป็นการส่งสาส์นบางประการไปยังชาติผู้คุกคามอื่นๆ ดังนี้:
1 – การตอบโต้และการล้างแค้นไปยังการกระทำของไอซิส
2 – ด้วยความละเอียดอ่อน ขีปนาวุธพิสัยกลางของอิหร่าน ระยะทางกว่า 650 กม. ผ่านตึกและอาคาร สามารถกำหนดเป้าหมายโจมตีฐานของผู้ก่อการร้ายใน Deir Ezzor ได้อย่างแม่นยำ ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่า นี่เป็นขีปนาวุธพิสัยกลางที่แม่นยำมาก นอกจากนั้น อิหร่านยังมีศักยภาพ สามารถโจมตีในเขตรัศมีอย่างน้อย 650 กิโลเมตรด้วยความแม่นยำได้ นั้นหมายความว่า จากริยาดถึงเทลอาวี และทุกฐานของอเมริกันที่อยู่รอบๆประเทศอิหร่านนั้น ตกอยู่ในพิสัยขีปนาวุธของอิหร่านทั้งสิ้น
3 –เมื่อคำนึงถึงขีปนาวุธอิหร่านในพิสัยไกล 2,000 กิโลเมตร นั่นหมายความว่าอิหร่านยังสามารถกำหนดเป้าหมายกองกำลังศัตรูทั้งหมดที่มีอยู่ในรัศมี 2,000 กิโลเมตร
4 –การโจมตีดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากอยาตุลลาห์ คาเมเนี กล่าวปราศรัยประมานสองชั่วโมง และไม่กี่ชั่วโมงหลังจากการประชุมของคณะสมาชิกสภาความมั่นคงแห่งชาติอิหร่าน ซึ่งสิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความพร้อมอย่างสมบูรณ์แบบของกองกำลังติดอาวุธอิหร่าน ที่สามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็วภายในไม่กี่ชั่วโมงหรือไม่กี่นาทีหลังจากการดำเนินการตัดสินใจของบรรดานักการเมืองในระดับประเทศ
5 – การเลือกวิธีการในการดำเนินการ และเวลาในการปฏิบัติการโจมตี ซึ่งมันเป็นการตอบโต้ภัยคุกคามล่าสุดจากสหรัฐอเมริกาที่มีต่ออิหร่าน อีกทั้งมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ที่สภาคองแกรสได้ผ่านการอนุมัติ และเป็นการข่มขู่พันธมิตรของสหรัฐอเมริกาอีกด้วย
6 – การปฏิบัติการโจมตีเกิดขึ้น ในขณะที่พันธมิตรของอิหร่านในซีเรียและอิรักสามารถเชื่อมเส้นทางชายแดนอิรัก-ซีเรียได้สำเร็จ แม้ว่าจะต้องเผชิญกับความไม่ปรารถนาดีของอเมริกาก็ตาม แต่ก็ยังมีความสามารถเชื่อมชายแดนอิรัก-ซีเรียได้ และสามารถเชื่อมต่อถนนจากอิหร่านไปยังเลบานอนอีกด้วย ตามรายงานระบุว่า แม้นว่าอิหร่านไม่สามารถครอบครองถนนเส้นดังกล่าวนี้ได้ แต่ก็ยังสามารถลำเลียงอาวุธและขีปนาวุธทั้งพิสัยกลางและพิสัยใกล้มากกว่าหนึ่งแสนลูกให้กับพันธมิตรของตนในซีเรียและเลบานอนได้ และเมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ ก็ยิ่งเอื้อให้สามารถส่งขีปนาวุธเพิ่มได้อีกจำนวนมาก นอกจากนี้ ยังส่งผลทำให้ ซาอุดีอาระเบีย อิสราเอลและฐานทัพสหรัฐฯในภูมิภาค ต่างต้องตกอยู่ภายในวงล้อมของขีปนาวุธอิหร่านทั้งสิ้น และหากเป็นไป ตามเงื่อนไขของการปรากฏตัวของกองกำลังต่างๆในพื้นที่ เพียงแค่ขยับเปลี่ยนทิศทางแค่หนึ่งหรือสองนิ้วในการยิงขีปนาวุธ ก็สามารถกำหนดเป้าหมายพันธมิตรของสหรัฐอเมริกาได้อย่างง่ายดาย
7 – ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารกล่าวว่า ระบบป้องกันขีปนาวุธจะมีความเร็วอยู่ที่ประมาณ 30 วินาทีจากช่วงเวลาของการค้นพบการแทรกซึม ขีปนาวุธของศัตรูจึงจะเริ่มทำงานและแสดงปฏิกิริยาตอบโต้ ดังนั้นหากขีปนาวุธอิหร่านได้ติดตั้งใกล้กับชายแดนอิสราเอล ซาอุดีอาระเบียและฐานทัพสหรัฐฯ ที่วันนี้พวกเขากำลังพยายามข่มขู่และคุกคามอิหร่าน และโอกาสทองที่ระบบป้องกันภัยขีปนาวุธจะทำงานนั้นมันช้าไปเสียแล้ว เพราะก่อนที่ระบบป้องกันขีปนาวุธจะทำงาน ขีปนาวุธจำนวนหลายลูกก็ได้ไปถึงเป้าหมายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้สำหรับเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้น และเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น สิ่งที่อิหร่านต้องการจะสื่อกับฝ่ายตรงกันข้ามก็คือ หากเรานั่งโต๊ะเจรจากับพวกคุณไม่ได้ หมายความว่า เราจะยอมปฏิบัติตามความปรารถนาของคุณทุกอย่าง แต่ถ้าหากพวกคุณบิดพลิ้ว ไม่ปฏิบัติตามสัญญาที่ได้ตกลงกันไว้ เราก็ไม่มีความหวั่นเกรงใดๆ ที่จะเผด็จศึกกับพวกคุณอย่างเด็ดขาด แต่พวกคุณพึงรู้ไว้ว่า พวกคุณจะต้องพบกับความเสียหายอย่างใหญ่หลวง เมื่อพวกคุณคว่ำบาตรเราโดยอ้างเรื่องขีปนาวุธ เราก็จะตอบโต้พวกคุณด้วยการอ้างขีปนาวุธเช่นกัน และสิ่งอื่นที่พวกคุณคุกคามเรา เราก็จะยืนหยัดในสิ่งนั้นอย่างมั่นคง
ในท้ายที่สุดอาจกล่าวได้ว่า การดำเนินการดังกล่าวของอิหร่าน เป็นไปเพื่อต้องการส่งสาส์นให้รู้ว่า อิหร่านไม่ใช่ประเทศที่ร่นถอย เมื่อถูกข่มขู่และคุกคาม และนับจากนี้ไป อิหร่านจะตอบโต้ทุกการข่มขู่และการคุกคามด้วยการข่มขู่และคุกคามกลับไปเช่นเดียวกัน
อนึ่ง IRGCกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติแห่งอิหร่าน เปิดฉากยิงขีปนาวุธถล่มกองบัญชาการใหญ่ของดาอิช (ไอซิส) ตักฟีรี ในเมือง เดย์ อัล เซา ประเทศซีเรีย..!! ขณะที่ IRGC ได้ทำการประกาศ เมื่อวันอาทิตย์นี้ว่า ได้เปิดฉากยิงขีปนาวุธพิสัยกลางแบบพื้นสู่พื้น จากทางตะวันตกของประเทศอิหร่าน เมืองเครมอนชาห์ และเมืองโครเดสสถาน สู่กองบัญชาการใหญ่ของกลุ่มผู้ก่อการร้ายดาอิช (ไอซิส) ถึงเมือง เดย์ อัล เซา ประเทศซีเรีย เพื่ออุทิศให้แก่ผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์โจมตีกรุงเตหะราน เมื่อวันที่7มิถุนายน ที่ผ่านมา
ทั้งนี้IRGC รายงานว่า จากการโจมตีดังกล่าว สามารถสังหารผู้ก่อการร้ายได้เป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งยังสามารถทำลาย อาวุธยุทโธปกรณ์ ได้เป็นจำนวนมากเช่นกัน ซึ่งภายหลังการโจมตี IRGC ได้ประกาศว่า “หยดเลือดของผู้บริสุทธิ์จะไม่มีวันสูญเปล่า…!!!!”
Source: ir.sputniknews
