ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างอิหร่านและซาอุดิอาระเบีย ทำให้บรรดาผู้เชี่ยวชาญหลายคนเริ่มนับถอยหลัง การเริ่มต้นสงครามระหว่างทั้งสองประเทศ หลายฝ่ายเชื่อว่า การเข้าสู่ทำเนียบขาวของ โดนัล ทรัปม์ ประกอบกับการเมืองที่แฝงไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมของเขา ยิ่งเป็นสิ่งที่โหมกระพือไฟแห่่งความขัดแย้งระหว่างทั้งสองชาติ ส่งผลทำให้สงครามครั้งนี้ไม่อาจที่จะหลีกเลี่ยงได้
การขายอาวุธหลายพันล้านดอลลาร์ให้กับประเทศซาอุดีอาระเบีย แน่นอนว่ามันเป็นการกระตุ้นประเทศนี้ ให้มีความอาจหาญพอที่จะโจมตีอิหร่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อสภาคองเกรสของสหรัฐอเมริกาไม่ได้ห้ามและปฏิเสธการขายอาวุธที่ทันสมัยไปยังประเทศซาอุดีอาระเบีย
เจ้าชายมหาเศรษฐีแห่งซาอุฯ เชื่อว่าด้วยการซื้ออาวุธและเครื่องมือทุกชนิด และการฝึกอบรมในห้องเรียนต่างๆในประเทศอเมริกาและตะวันตก จะสามารถรักษาความปลอดภัยของพวกเขาได้ เชื่อว่าพวกเขาสามารถกำหนดความต้องการของพวกเขาเหนือประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาค แต่ทว่าเขายังไม่ได้ก้าวเท้าบนถนนเส้นทางแห่งความเป็นจริงเพื่อพิสูจน์ผลงานของเขา และเมื่อกลับบ้านแล้ว สามารถที่จะมีผลงานหรือบางสิ่งบางอย่างติดไม้ติดมือกลับบ้านมาด้วย
สงครามในเยเมนแสดงให้เห็นว่าซาอุฯ ไม่มีอำนาจพอที่จะทำให้ประเทศอาหรับที่ยากจนที่สุดต้องสยบและยอมแพ้ต่อพวกเขา จนทำให้ต้องดิ้นรนขอความช่วยเหลือจากรอบโลก เพื่อจ้างทหารรับจ้างเข้ามาทำการต่อสู้แทนตัวเองในประเทศเยเมน เพราะพวกเขาไม่สามารถจัดการกับบรรดาทหารเท้าเปล่าของเยเมนได้
ขณะที่อิหร่านแสดงให้ฝ่ายตรงกันข้ามเห็นว่า พวกเขาไม่เคยหวาดกลัวในการทำสงครามแม้แต่น้อย ในสงครามแปดปี อิรัก-อิหร่าน ที่บรรดาศัตรูได้ผนึกกำลังต่อต้าน อิหร่านได้อาศัยหยดเลือดและหยาดโลหิตในการผลิตอาวุธทีทันสมัยเพื่อทำสงครามกับศัตรู
ในซีเรียและอิรัก อิหร่านได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและขีดความสามารถของพวกเขา บนพื้นฐานนี้ เราสามารถกล่าวได้ว่าถ้าเกิดความขัดแย้งขึ้น ชาวอิหร่านไม่มีความหวาดกลัวที่จะต่อสู้และทำสงครามอย่างแน่นอน และไม่เป็นที่ต้องสงสัยว่านอกเหนือจากอาวุธทั้งหมดที่ซาอุฯ ได้ซื้อจากประเทศอื่น ๆ แล้วพวกเขาอาจจะต้องถอดเสื้อผ้าของพวกเขาออกและเปลือยกายกลับบ้านในสภาพที่อัปยศ
แต่จะอย่างไรก็ตาม สงครามก็จะก่อให้เกิดความเสียหายกับทุกฝ่าย และทุกฝ่ายก็จะได้รับผลกระทบจากสงคราม และหลายศตวรรษที่ผ่านมา อิหร่านก็แสดงให้เห็นแล้วว่า พวกเขาไม่เคยแสวงหาสงคราม แต่ถ้าศัตรูเข้ามารุกราน พวกเขาก็ย่อมมีสิทธิที่จะปกป้องดินแดนของพวกเขาเป็นเรื่องธรรมดา
ตามสถิติที่เผยแพร่เมื่อเร็ว ๆ นี้โดย World Bank ระบุว่า ซาอุดีอาระเบียมีทุนสำรองและเงินตราต่างประเทศ มากกว่า เจ็ดแสนเก้าหมื่นล้านดอลลาร์ เมื่อก่อนเข้าสงครามในเยเมน ทว่าในช่วงท้ายของปีที่ผ่านมาจำนวนเงินดังกล่าวกลับ ลดลงเหลือประมาณสี่แสนล้านดอลลาร์
เมื่อพิจารณาการซื้ออาวุธอย่างน่าเกลียดของซาอุดีอาระเบียจากประเทศสหรัฐอเมริกาในปีนี้ และเมื่อพิจารณาเงื่อนไขเศรษฐกิจภายในของซาอุดีอาระเบีย และเนื่องจากปัญหาทางการเงินในการกำหนดภาษีจากประชาชน ซึ่งคาดว่ายังคงมี แนวโน้มเช่นนี้ในปัจจุบันอีก คือ ปัจจัยที่ส่งผลทำให้กองคลังของซาอุดีอาระเบียต้องร่อยหรอลง จนอาจสิ้นเนื้อประดาตัวได้อย่างแน่นอนในช่วงสามปีถัดไป และหากแนวโน้มนี้ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ซาอุดีอาระเบียจะต้องสูญเสียอาวุธที่สำคัญที่สุดของตน นั้นคือทรัพย์สินเงินทอง
แน่นอนว่าอิหร่านจะต้องรอจนถึงเวลานั้น เนื่องจากในสถานการณ์ในวันนี้ประเทศซาอุดีอาระเบีย เมื่อพิจารณาจากสภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจในประเทศ มันใกล้เข้าสู่การล่มสลายลงทุกขณะ และไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง และด้วยเหตุผลนี้เอง อาจกล่าวได้ว่าอิหร่านจะไม่มีวันโจมตีในซาอุดิอาระเบีย แต่ถ้าหากซาอุดิอาระเบียโจมตีอิหร่านแล้วอิหร่านก็จำเป็นต้องปกป้องตัวเอง
ดังนั้นสงครามระหว่างอิหร่านและซาอุดีอาระเบียจึงจะเกิดขึ้น เฉพาะในสถานการณ์ที่ซาอุฯโจมตีอิหร่านเท่านั้น และตราบใดที่อิหร่านยังสามารถป้องกันตัวอย่างแข็งแกร่ง ฝ่ายตรงกันข้ามก็ต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายจำนวนมหาศาลมากขึ้น ด้วยเหตุนี้เองศัตรูจึงไม่กล้าที่จะโจมตีอิหร่าน และสามารถกล่าวได้ว่าการโจมตีครั้งนี้อาจจะไม่เกิดขึ้น
______
Source: ir.sputniknews jamnews.ir