Humans Are Free : อดีตเจ้าหน้าที่ CIA แฉ: “ทุกๆการโจมตีก่อการร้ายในสหรัฐฯ คือ การโจมตีจัดฉากโดยรัฐบาล (False Flag Attack)”!
ขณะที่ข้อเท็จจริงที่ว่า CIA ได้ใช้กลุ่มก่อการร้ายต่างชาติ เป็นเครื่องมือแทรกแซงทางการเมืองเพื่อทำลายความมั่นคงของรัฐบาลในประเทศที่เป็นเป้าหมายของตน จะเป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไป โดยเฉพาะในยุคของข้อมูลข่าวสาร (The age of information) ในปัจจุบัน ทว่าข้อเท็จจริงที่สำคัญอีกประการหนึ่งกลับไม่ค่อยได้รับการพูดถึง
อันเกี่ยวข้องกับกรณีที่ whistle-blower หลายฝ่าย (“ผู้เป่านกหวีด” หรือ บุคคลผู้นำข้อมูลภายในขององค์กร เกี่ยวกับการกระทำผิดกฎหมาย การใช้อำนาจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย การทุจริต หรือการกระทำที่เป็นภัยต่อสุขภาพและความปลอดภัยของสังคม ออกมาเปิดเผยต่อสาธารณะ เพื่อให้มีการสอบสวนหาข้อเท็จจริง หรือนำมาใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้อง) ได้อ้างว่า หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ไม่เพียงแต่ใช้ ‘การก่อการร้าย’ เพื่อบรรลุถึงเป้าหมายด้านนโยบายต่างประเทศของตนเท่านั้น แต่พวกเขายังมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อวินาศกรรมสะพรึงขวัญ ภายในประเทศสหรัฐฯเองเพื่อ “ผูกตา” มหาชนอีกด้วย
Whistle-blower จากหน่วยข่าวกรองคนล่าสุด คือ David Steele – เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองนาวิกโยธิน ผู้มีประสบการณ์กว่า 20 ปี และเป็นพลเรือนสูงอันดับสองภายในหน่วยข่าวกรองนาวิกโยธินสหรัฐฯ
David Steele อดีตเจ้าหน้าที่คดีลับ CIA เผยว่า:
“ผู้ก่อการร้ายส่วนใหญ่เป็นผู้ก่อการร้ายที่ถูกจัดฉาก (false flag terrorists) หรือถูกสร้างขึ้นโดยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของเราเอง ทุกเหตุการณ์การก่อการร้ายที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา เป็นเหตุการณ์ที่ถูกจัดฉากขึ้นมา”
หลายคนสับสนว่าการโจมตีจัดฉากนำมาซึ่งสิ่งใดกันแน่?
ตัวอย่างหนึ่งของการโจมตีจัดฉาก คือ ปฏิบัติการ Northwoods ซึ่งเป็นปฏิบัติการที่ได้ถูกเสนอขึ้น เพื่อต่อต้านรัฐบาลคิวบา เป็นแผนการที่มีที่มาจากกระทรวงกลาโหม (DoD) และคณะเสนาธิการร่วม (JCS) ของรัฐบาลสหรัฐฯในปี 1962
แผนการข้อเสนอดังกล่าว เรียกร้องให้สำนักข่าวกรองกลาง (CIA) หรือหน่วยงานปฏิบัติการอื่นของรัฐบาลสหรัฐฯ กระทำการก่อการร้ายต่อพลเรือนอเมริกัน และเป้าหมายทางทหารของสหรัฐฯ จากนั้นก็นำเอาเหตุก่อการร้ายที่เกิดขึ้น กล่าวโทษไปยังรัฐบาลคิวบา และใช้ความเสียหายของสถานการณ์เป็นเหตุผลในการทำสงครามต่อต้านคิวบา
ทั้งนี้ แผนข้อเรียกร้องดังกล่าว ถูกยื่นเสนอไปยังโต๊ะของประธานาธิบดี และมันถูกปฏิเสธโดย ประธานาธิบดี John F. Kennedy – กล่าวกันว่า นั่นเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯคนนี้ ถูกลอบสังหาร
หลายฝ่ายเชื่อว่า เหตุการณ์โจมตีเมื่อวันที่ 11 กันยายน (9/11) คือ การจัดฉาก และมันถูกบงการโดยหน่วยสืบราชการลับของสหรัฐอเมริกา หรือหน่วยงานที่ดำเนินการเหนือระดับหน่วยงานของรัฐ หรือที่เรียกว่า Deep State โดยบางคนอาจเรียกกลุ่มนี้ว่า The Establishment (ชนชั้นนำซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยในสังคม) และบางคนอาจเรียกว่าเป็นกลุ่มอิลลูมินาติ (Illuminati) ซึ่งเป็นกลุ่มชนที่ทรงอิทธิพลในสหรัฐอเมริกา โดยมีนายทุนอภิมหาเศรษฐีผู้คุมการคลังโลก ไม่กี่ตระกูลหนุนหลังอยู่ และกำหนดนโยบายให้เป็นตามที่ตนปรารถนา (เช่น ตระกูล Rothschild เป็นต้น)
เพิ่งมาปีที่แล้ว (2016) นี่เองที่ ไมเคิล ลอฟเกรน (Michael หรือ Mike Loftgren) ได้ประดิษฐ์ใช้คำว่า Deep State (กลุ่มคนที่ควบคุมโครงสร้างสังคมอเมริกันอย่างลึกๆ อยู่) เพื่ออธิบายถึง ‘รัฐบาลเงา’ (A Shaddow Government) ว่า *เป็นผู้กว้างขวางนอกรัฐธรรมนูญตัวจริงในสังคมอเมริกัน* หรือ ผู้ที่คอยควบคุมนโยบายต่างประเทศ, นโยบายการค้า รวมทั้งภารกิจเร่งด่วน (priorities) ที่รัฐบาลควรทำ [อ้างจาก: thaitribune.org ]
ขณะที่วัตถุประสงค์ของการโจมตีจัดฉาก เป็นไปเพื่อแสวงหาความชอบธรรมในการรุกรานประเทศอื่นๆ และนำเข้ามาซึ่ง สภาวะ “ความมั่นคงแห่งชาติ” ระดับสูง อันเป็นการผลักดันให้เกิดการริดรอนสิทธิเสรีภาพของพลเมือง ในนามของ “ความปลอดภัย”
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ สาเหตุที่มหาอำนาจตะวันตก จำเป็นต้องสั่งการโจมตีประชาชนของตนเอง เป็นไปด้วยจุดประสงค์ เพื่อให้รัฐบาลสามารถยุยงส่งเสริมการประกาศ สถานการณ์ฉุกเฉิน (State of emergency) หรือ สถานการณ์อันเป็นภัยต่อความมั่นคง หรือความปลอดภัยแห่งรัฐ ที่ซึ่งทำให้รัฐตกอยู่ในภาวะคับขัน หรือการสงครามได้ [อ้างจาก: ราชบัณฑิตยสถาน, 2551] โดยฝ่ายบริหารรัฐมีอำนาจประกาศว่าพื้นที่ใดกำลังตกอยู่ในสถานการณ์เช่นว่า และอาศัยอำนาจตามกฎหมายของรัฐนั้น ๆในการมอบหมายอำนาจพิเศษ เพื่อจัดการกับสถานการณ์ฉุกเฉิน และมักเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการ เป็นไปเพื่อจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล นอกจากนั้น การทำให้ประชาชนตกอยู่ในภาวะหวาดกลัวด้วยสถานการณ์ฉุกเฉินเช่นนี้ ยังส่งผลทำให้ประชาชนอยู่ในโอวาทและพึ่งพิงอยู่กับอำนาจรัฐอีกด้วย
ด้วยประการฉะนี้ พลเมืองของรัฐจึงหลงเชื่ออย่างผิด ๆ ว่า การมีส่วนร่วมในสงคราม การสังหารผู้คนในประเทศอื่น ถือเป็นการกระทำที่ถูกต้อง และชอบธรรม จากนั้นพวกเขาก็ยอมรับมาตรการรักษาความปลอดภัยแบบใหม่ เพื่อปกป้องสังคมอเมริกันด้วยความยินดียิ่ง
บ่อยครั้งที่สิ่งนี้ มักส่งผลให้เกิดความรู้สึกผิดๆ เมื่อคำนึงถึงความรู้สึกรักชาติ ที่ประชาชนได้รับการปลูกฝังให้วางใจไปยังรัฐบาล จากความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนและไม่ตรงกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น
อันเป็นเหตุให้ต่อมา ประชาชนชายและหญิงเข้าร่วมการทหารและสงครามด้วยใจบริสุทธิ์ โดยเชื่อมั่นว่าพวกเขากำลังทำหน้าที่รับใช้ชาติ ในนามของเสรีภาพและต่อสู้กับการก่อการร้าย ขณะที่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่คือสิ่งที่ตรงกันข้ามกับทุกสิ่งที่พวกเขาเข้าใจอย่างสิ้นเชิง – Steele กล่าวเสริม
Steele ระบุว่า “ความจริงคือ ไม่มีกลุ่มติดอาวุธอิสลาม หรือ กลุ่มก่อการร้าย ที่เรียกว่า อัล-กออิดะฮ์ จริงๆ และเจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับใดๆก็ตามก็รับทราบถึงประเด็นข้อนี้เป็นอย่างดี” เพราะรัฐบาลสหรัฐฯ เป็นคนสร้าง และหนุนกลุ่มก่อการร้ายที่มีอยู่
“ทว่ามันมีแคมเปญโฆษณาชวนเชื่อ (propaganda campaign) เพื่อให้สาธารณชนเชื่อโดยสนิทใจถึง การมีอยู่จริงขององค์กรที่ฝักใฝ่ความรุนแรง ซึ่งเป็นตัวแทน “ฝ่ายอธรรม” เพียงเพื่อผลักดันให้สามัญชนที่เสพสื่อโทรทัศน์ ยอมรับความเป็นผู้นำ(ของสหรัฐฯ) ในการร่วมมือระดับนานาชาติ เพื่อกระทำสงครามต่อต้านการก่อการร้าย ขณะที่ประเทศที่อยู่เบื้องหลังการโฆษณาชวนเชื่อนี้ก็คือ ประเทศสหรัฐอเมริกา”- อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ Robin Cook กล่าว
ความเป็นจริงก็คือ ผู้คน กำลังมีส่วนร่วมในสงครามที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นมาจากความฉ้อฉล และข้อมูลที่หลอกลวง โดยที่มันถูกป้อน และขายให้กับสาธารณชน ในรูปแบบของ ความจริง
Source: alternativenewsnetwork