จากการตรวจสอบเหตุการณ์ในพม่าพบว่าความขัดแย้งในเมืองอะรากัน ได้เกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว และล่าสุดความขัดแย้งได้ปะทุ ก่อนวันอีดอัฎฮา ( Eid al-Adha) และมีปรากฏการณ์บางอย่างแสดงให้เห็นถึงการเคลื่อนไหวของรัฐอาหรับในสถานการณ์นี้
ในสัปดาห์ที่ผ่านมาความทุกข์ทรมานของชาวมุสลิมในพม่ากลายเป็นข่าวหน้าหนึ่งของประเทศอิสลาม สื่อตุรกีได้เผยแพร่และสะท้อนข่าวเหตุการณ์ครั้งนี้อย่างแพร่หลายและรวดเร็ว มีการนำเสนอภาพประกอบที่อ้างว่าเป็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับชาวมุสลิมในอะรากัน อย่างกว้างขวางและรวดเร็วบนเครือข่ายสังคมออนไลน์ในตุรกี
ข้อเท็จจริง ภาพเหล่านี้ถูกนำเสนอคล้ายกับกรณีในอดีตที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในซีเรียที่ได้รับการตีพิมพ์ในช่วงเวลาสุดท้ายของการปลดปล่อยอาเลปโป เมื่อมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงของภาพต่างๆเหล่านี้ จึงเป็นที่แน่ชัดว่า มีภาพที่ถูกตัดต่อขึ้นมา ผสมปนเป ทั้งๆที่บางภาพเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต่างห้วงเวลา ต่างสถานที่กัน
ประเด็นนี้ ทำให้เกิดคำถามในใจขึ้นมาว่า “ใช่…. พวกเขาถูกฆ่าตายในเมืองอะรากัน และพวกเขาต้องอพยพและหนีออกจากบ้านของพวกเขา แต่ทำไมเหตุการณ์ดังกล่าวมันจึงกลายเป็นเรื่องใหญ่โตที่มีการพาดหัวข่าวของทุกสำนักข่าว และทำไมข้อเท็จจริงเหล่านี้จึงถูกอุปโลกน์ขึ้นมาในรูปแบบของแคมเปญปลอมด้วย ”
การตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อเท็จจริง :จากการตรวจสอบเหตุการณ์ในพม่าพบว่า การสังหารหมู่ชาวมุสลิมในเมืองอาระกันเกิดขึ้นหลังจากที่ “กองทัพปลดปล่อยโรฮิงญาแห่งอาระกัน” หรือ “อาร์ซา” (Arakan Rohingya Salvation Army – ARSA) ได้บุกโจมตีสถานีตำรวจพม่า ซึ่งถูกระบุว่าเป็นส่วนหนึ่งของแผนการของประเทศอาหรับแถบอ่าวเปอร์เซีย ในการยึดและใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ ทั้งน้ำมันและก๊าซในพื้นที่ โดยการอพยพประชาชนในพื้นที่เหล่านี้ออกไป
กองทัพปลดปล่อยโรฮิงญาแห่งอาระกัน” หรือ “อาร์ซา” (Arakan Rohingya Salvation Army – ARSA) ซึ่งบุกโจมตีสถานีตำรวจพม่าอันเป็นผลต่อการสังหารหมู่ชาวมุสลิมนั้น มี Ata-Allah Abu Ammar Joununi เป็นหัวหน้า เขา เป็นชาวโรฮิงญา เกิดที่ปากีสถาน เติบโตในนครเมกกะและมีสัญชาติซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเป็นไปได้สูง ที่รัฐบาลริยาดจะให้การสนับสนุนกองทหารอาสาสมัครนี้ เพื่อหวังผลจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อประโยชน์ในการยึดครองพื้นที่ของชาวอาระกันที่มีทรัพยากรใต้ดินมหาศาล และกำหนดให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับพวกเขา
โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ก่อรัฐประหารเงียบขึ้นมาเป็นมกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย เพื่อดำเนินนโยบายให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาประเทศ “วิชั่น 2030” ของซาอุดิอาระเบีย พยายามใช้ประโยชน์ให้คุ้มค่าจากกองทัพปลดปล่อยโรฮิงญาแห่งอาระกัน” หรือ “อาร์ซา” (Arakan Rohingya Salvation Army – ARSA) จากการลงทุนของรัฐบาลริยาดมากว่า 8 ปีในอาระกัน จากเอกสารลับที่ถูกเผยแพร่ออกมาจากสำนักพระราชวังซาอุดิอาระเบียนั้น กองทัพปลดปล่อยโรฮิงญาแห่งอาระกัน” หรือ “อาร์ซา” (Arakan Rohingya Salvation Army – ARSA) ได้รับคำสั่งตรงจากริยาด ในการโจมตีสถานีตำรวจพม่า 25 ครั้ง และด้วยการช่วยเหลือผู้ลี้ภัยชาวพม่าเกือบ 500,000 คน ตั้งแต่ปี พ. ศ. 2552 (2009) นำมาซึ่งอิทธิพลของซาอุฯในเมืองอาระกัน และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของซาอุดีอาระเบียได้ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่ออาบูอัมมาร์ (Ata-Allah Abu Ammar Joununi )เพื่อให้มีอิทธิพลในอาระกัน
หมู่บ้าน Rohingya กลายเป็นโรงแรมของ UAE
ตามเอกสารและข้อมูลที่ได้รับ สื่อทุกแขนงและสถานีโทรทัศน์ในภูมิภาคนี้ถูกสร้างขึ้นโดยริยาด มกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ในวิสัยทัศน์แผนพัฒนาซาอุดิอาระเบีย 2030 มีแผนจะเปลี่ยนภูมิภาคอาระกันซึ่งเป็นแหล่งทรัพยากรใต้ดินและความมั่งคั่งให้กลายเป็นพื้นที่ปลอดมนุษย์ เว็บไซต์ (MEE) รายงานว่าการลงทุนในการใช้ประโยชน์และควบคุมน้ำมันและก๊าซของซาอุดิอาระเบียไม่ได้จำกัดแค่ในอ่าวเบงกอลเท่านั้น แต่ทว่าบริษัทน้ำมัน Aramco ซึ่งเป็น บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของซาอุดีอารเบีย ( Al Saud ) ได้ยึดตลาดพลังงานของประเทศพม่าอีกด้วย
นอกจากนี้โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ได้เชิญชวนและส่งเสริมให้พันธมิตรของตนในภูมิภาคคือสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เข้ามาลงทุนในการพัฒนาทรัพยากรใต้ดินของประเทศพม่า และอีกด้านหนึ่งก็ได้กว้านซื้อที่ดินของชาวโรฮิงญา ขณะที่ บริษัท อัล – มาร์วาน อาบูดาบี ได้เซ็นสัญญากับรัฐบาลพม่าในการสร้างทางหลวงและโรงแรมในอาระกัน จากการกว้านซื้อที่ดินเหล่านี้
Anh Gilman สมาชิกกรมการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา เชื่อว่า “ราชวงศ์ซาอูด ต้องการนำชาวโรฮิงยาไปยังประเทศของตนเอง (ผนวกโรฮิงยากับซาอุดิอาระเบีย) และสร้างเป็นพื้นที่มั่นคงทางอาหารของซาอุฯและเพื่อแก้วิกฤติเศรษฐกิจของตนด้วยการยึดและปกครองเหนือดินแดนแห่งนี้”
ดังนั้นหากมีการพิจารณาประเด็นเรื่องพม่าจากมุมมองนี้ การวิเคราะห์ปริศนาและการวิเคราะห์วิกฤตินี้ก็จะทำให้มันมีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
http://akharinkhabar.ir/analysis/3719573