การเยือนมัสกัตและโดฮาอย่างกะทันหันของนายซารีฟ ผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศอิหร่าน หลังจากที่เพิ่งจะเดินทางกลับจากนิวยอร์กถึงกรุงเตหะรานได้ไม่กี่วัน ส่งผลทำให้เกิดคำถามมากมายเกี่ยวกับจุดประสงค์ของการเดินทางในครั้งนี้ ?
ในนิวยอร์ก นายซารีฟได้มีการพบปะกับเจ้าหน้าที่จากทั่วโลกมากกว่า 77 ครั้งในเวลาประมาณสองสัปดาห์ ซึ่งส่วนใหญ่ เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่านกับประเทศต่างๆและเกี่ยวกับการบรรลุข้อตกลงบัรญอม
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ทางทหารและฝ่ายการปกครองต่างๆในภูมิภาค ก็กำลังเดินทางไปยังกรุงเตหะราน โดยส่วนสำคัญที่สุด คือ การมาเยือนของหัวหน้าเจ้าหน้าที่ร่วมกองทัพอิรัก ตามด้วยการมาเยือนของเออร์โดกาน ประธานาธิบดีตุรกี ยังกรุงเตหะราน
ขณะที่ก่อนหน้านี้ นายพลพันตรีบาเกรี ผู้บัญชาการ กองกำลังทหารร่วมของกองทัพอิหร่านได้เดินทางไปยังตุรกีประมาณสองเดือนที่ผ่านมา และยังมีรายงาน ผู้บัญชาการกองกำลังทหารร่วมของกองกำลังอิรักเยือนอิหร่านก่อนที่นายพลบาเกรีจะเยือนอังการา จะเห็นได้ว่า มีการประสานงานทางทหารที่เข้มงวดมากขึ้น รวมถึงการเคลื่อนไหวทางการเมืองก็กำลังดำเนินการอยู่อย่างแข็งขัน
ควรสังเกตว่า ประธานาธิบดีปูตินมาถึงอังการา เมื่อไม่กี่วันก่อน และเออร์โดกานมีกำหนดจะเดินทางไปยังกรุงเตหะรานในวันพุธ (4 ตุลาคม)
ในเวลาเดียวกัน มีการฝึกซ้อมรบร่วมกันระหว่างกองกำลังของตุรกีและอิรักกำลังเกิดขึ้นที่ชายแดนของทั้งสองประเทศและมีการฝึกซ้อมร่วมกันระหว่างอิรักกับกองกำลังติดอาวุธอิรักที่ชายแดนของทั้งสองประเทศ นอกจากนี้ การดำเนินงานร่วมกันของกองทัพซีเรียในการปราบปรามผู้ก่อการร้ายไอซิสใน Dir al-Zur กำลังทวีความรุนแรงขึ้น กองทัพบกตุรกีเช่นกัน มีการตรึงกองกำลังทางทหารในภาคเหนือของ Idlib อย่างเข้มงวด และกองทัพซีเรียร่วมพันธมิตรของตนก็ยังแสดงความพร้อมและท่าทีอยางชัดเจนในตอนใต้ของภูมิภาค Adeel ขณะที่ท่าทีของกลุ่มที่ไม่เป็นมิตรในภาคใต้ของซีเรียและพรมแดนจอร์แดนก็ค่อยๆทยอยสลายตัว
มิติของการเคลื่อนไหวเหล่านี้ไม่ควรมองแยกออกจากกัน แต่ควรมาปะติดปะต่อและรวมกันเพื่อให้เห็นภาพว่า อิหร่าน – รัสเซีย – ตุรกี -อิรัก และซีเรีย – กำลังก่อตัวขึ้นใหม่เพื่อทำลายแผนการใหม่ของสหรัฐฯในภูมิภาคให้ล่มสลายลง
ไม่ว่านาย Barzani ได้ตัดสินใจโดยพลการที่จะมีการลงประชามติในภูมิภาคเคิร์ดของอิรัก และสหรัฐฯก็ออกมาคัดค้านการลงประชามติดังกล่าว แต่กองกำลังของตนยังตรึงกำลังอยู่ในเมืองเออร์บิล และอิสราเอลก็ให้การสนับสนุนการลงประชามติอย่างเป็นทางการ สิ่งนี้ถือว่าเป็นความเชื่อที่ไร้เดียงสาเป็นอย่างมากหากไม่มีนัยยะใดๆแอบแผงอยู่
การลงประชามติแสดงให้เห็นว่าแผนการ “A” ของสหรัฐอเมริกาล้มเหลวในภูมิภาค ซึ่งเป็นเหตุผลที่สหรัฐฯกำลังมุ่งหน้าไปที่แผน “B”
ในแผน “A” ตะวันออกกลางควรจะเกิดการเผชิญหน้ากัน เป็นสงครามศาสนา ระหว่างชาวชีอะและสุหนี่ และท้ายที่สุดก็จะมีการจัดตั้งพรมแดนใหม่ให้เกิดขึ้นในภูมิภาคเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งเหล่านี้ ” ซึ่งเป้าหมายหลักของแผนนี้ในการดำเนินการคือไอซิส ISIL และอัลกออิดะห์ (Jabhat al-Nusra หรือ Fatah al-Sham)
สหรัฐอเมริกากำลังฝึกซ้อมและควบคุมกลุ่มชาวเคิร์ดในภูมิภาค พร้อมๆกับข้ออ้างในการต่อสู้ไอซิส ISIL หากแผนแรกล้มเหลวก็จะสามารถใช้แผนที่สองได้อย่างรวดเร็ว
ขณะนี้ สหรัฐฯและอิสราเอลได้บทสรุปว่า แผนแรกล้มเหลวและการเคลื่อนไหวของไอซิสและกลุ่มอัลกออิดะฮ์ al-Qaeda ในซีเรีย อิรักและเลบานอนก็กำลังจะสิ้นสุดลง ด้วยเหตุนี้จึงพยายามสร้างการลงประชามติในเขตปกครองเคอร์ดิสถานของอิรัก และในอีกด้านหนึ่งก็มีการยึดครองทางตอนเหนือของชายแดนระหว่างตุรกีและซีเรีย มีการควบคุมแคนตันส์ชาวเคริด์ จากชายแดนตะวันตกของอิหร่านไปยังทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและระหว่างอิหร่าน ตุรกีอิรัก และซีเรีย
วิธีนี้ แคนตันส์จะเป็นจุดศูนย์กลางของวิกฤตสำหรับประเทศเหล่านี้เป็นเวลาหลายปี และตราบใดที่แผนที่พัฒนาขึ้นใหม่ในภูมิภาคยังคงดำเนินอยู่ ความขัดแย้งในภูมิภาคก็จะคงอยู่ต่อไป
ในแผนนี้ ไม่เพียงแต่อิหร่านและซีเรีย ตุรกีและอิรักเท่านั้นที่จะถูกแบ่งแยก แต่มันจะรวมไปถึงคาบสมุทรอาหรับ ปากีสถาน อัฟกานิสถานและประเทศอื่น ๆ ด้วย ที่จะต้องถูกแยกออกเพื่อสร้าง 14 ประเทศใหม่
ชาวเติร์กได้ตระหนักถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและด้วยเหตุนี้จึงได้เปลี่ยนจุดยืนของพวกเขาในประเด็นของภูมิภาค จึงมาถึงคิวของซาอุดิอาระเบียเพื่อกำหนดจุดยืนและท่าทีของตนต่อไป ซาอุฯจึงตระหนักดีว่า หากไม่ร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านอื่น ๆแล้วตนเองก็จะถูกโค่นอำนาจให้ล่มสลายลงอย่างแน่นอน
สหรัฐอเมริกา เพื่อบีบบังคับอิหร่านจึงได้กำหนดใช้วิธีการแบบ “tightening loose action” ทุกวัน ด้วยการบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์เพื่อสันติวิธี
นายซารีฟ ได้พบกับเจ้าหน้าที่กว่าครึ่งหนึ่งจากประเทศทั่วโลกในระหว่างการประชุมที่นิวยอร์ก เพื่อหารือในประเด็นดังกล่าว และอธิบายชี้แจ้งถึงจุดประสงค์ที่ชั่วร้ายของสหรัฐฯ จึงถึงเวลาที่ซาอุดิอาระเบียจะกำหนดหน้าที่ของตนให้ชัดเจน ดังนั้นซารีฟจึงเดินทางเยือนอัมมานเพื่อนที่เป็นมิตรของทั้งสองประเทศ เพื่อขอให้เจ้าหน้าที่พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ซาอุดิอาระเบีย และเพื่อทำให้พวกเขาตระหนักว่า การที่พวกเขามีท่าทีที่แข็งกร้าวต่ออิหร่านเช่นนี้ มันจะทำให้ทั้งสองประเทศได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน
การเยือนโดฮาของนายซารีฟก็เกิดจากเหตุผลดังกล่าวเช่นกัน เพื่อแสดงให้ประเทศซาอุดิอาระเบียได้เห็นว่า อิหร่านจะไม่ยอมให้ความอ่อนแอเกิดขึ้นในภูมิภาค และซาอุดีอาระเบียควรเปลี่ยนแนวทางของตนต่อประเทศเพื่อนบ้าน
ส่วนการเคลื่อนไหวที่เหลือของอิหร่านและพันธมิตรยังมุ่งเป้าไปที่การทำความเข้าใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสหรัฐฯ โดยอิหร่านไม่มีวันยอมให้แผนการในภูมิภาคของชาติมหาอำนาจประสบความสำเร็จ และประกาศจะเอาชนะพวกเขาทั้งหมด (สามารถทำลายแผนการร้ายของพวกเขาทั้งหมด)
Source: https://ir.sputniknews.com/opinion/201710032892000/