ชำระประวัติศาสตร์ชุ่มเลือด”ชาวพื้นเมืองอเมริกัน” เบื้องหลังเทศกาล Thanksgiving!

2133

ในขณะที่ชาวอเมริกันหลายล้านคนเตรียมความพร้อมในสัปดาห์นี้ เพื่อเข้าสู่เทศกาลวันหยุด โดยเริ่มจากวันThanksgiving หรือวันขอบคุณพระเจ้า แต่จะมีสักกี่คนที่เตรียมต้อนรับเทศกาลนี้ ผ่านมุมมองที่ถูกต้องตามความเป็นจริงในประวัติศาสตร์?

ทั้งนี้ สำหรับชาวอเมริกันจำนวนมาก วันหยุดดังกล่าว ทำหน้าที่เสมือนเครื่องเตือนความจำ เพื่อให้หวนขอบคุณพระเจ้า ทว่าวันดังกล่าวมิใช่วันแห่งความสุขสำหรับทุกคนเสมอไป จะเห็นได้ว่า มันได้กลายเป็นวันแห่งการไว้ทุกข์สำหรับอีกหลายๆชีวิตนับไม่ถ้วน เพราะตามความเป็นจริงแล้ว วันนี้คือวันที่ผู้อพยพชาวยุโรปฆ่าชาวพื้นเมืองอเมริกัน (อินเดียนแดง) และละเมิดขโมยที่ดินของพวกเขา อย่างโหดร้ายทารุณ

เราควรเริ่มต้นด้วยการยอมรับว่า เกือบทุกอย่างที่เกี่ยวกับวันขอบคุณพระเจ้า ซึ่งถูกสอนในโรงเรียนส่วนใหญ่ทั่วประเทศ ล้วนเป็นเรื่องโกหก ชาวอเมริกันส่วนใหญ่จดจำวันแห่งการเฉลิมฉลองในโรงเรียนประถม เพื่อเป็นการให้เกียรติขอบคุณพระเจ้าสำหรับวันนี้ ด้วยการทำกิจกรรมต่างๆ มีตั้งแต่ระบายสี ไปจนถึงการเดินขบวนพาเหรด และการแสดงละคร

เรื่องที่ทุกคนเรียนรู้ก็คือ มันเป็นวันที่ผู้แสวงบุญ และผู้อพยพได้หนีรอดออกจากยุโรป ก่อนจะมุ่งหน้าไปตั้งถิ่นฐานในPlymouth Rock โดยมีชาวพื้นเมืองที่อาศัยอยู่ที่นั่น สอนพวกเขาถึงวิธีการทำไร่ ไถนา พวกเขาทั้งหมดนั่งร่วมกันสำหรับการทานอาหารมื้อใหญ่ในปี 1621 และทุกคนก็อาศัยอยู่อย่างมีความสุขตลอดกาลในประเทศสหรัฐอเมริกา

ภาพวาดโดย Jean Leon Gerome Ferris ในชื่อภาพ ‘The First Thanksgiving’  (ครั้งแรกของการขอบคุณ) แสดงให้เห็นภาพผู้แสวงบุญและชาวพื้นเมืองอเมริกันร่วมกันแบ่งปันมื้ออาหาร

บทเรียนประวัติศาสตร์โดยสังเขปนี้ มักตามมาด้วย กิจกรรมที่ให้นักเรียนทุกคนช่วยกันประกอบกระโจมแบบสามเหลี่ยมจากถุงกระดาษ และประดิษฐ์เครื่องประดับศีรษะ โดยใช้กระดาษสีน้ำตาลและขนนกสีสดใสประกอบเป็นรูปร่างหมวกที่ชาวพื้นเมืองสวมใส่ เด็กบางคนได้รับมอบหมายให้รับบทเป็นผู้แสวงบุญ ในขณะที่เด็กคนอื่น ๆ อาจได้รับบทให้เล่นเป็นชาวพื้นเมืองอินเดียนแดง สำหรับการแสดงละครเพื่อรำลึกถึงวันนี้

น่าเสียดายที่การสอนประวัติศาสตร์ที่ไม่ถูกต้อง และไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับวันขอบคุณพระเจ้าครั้งแรก ยังคงมีสอนอยู่ในโรงเรียนประถม โรงเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น และแม้กระทั่งในวิทยาลัย ถึงนี่จะเป็นปีที่ 2017 แล้วก็ตาม ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ไม่เคยเรียนรู้ความจริงเกี่ยวกับที่มาของเทศกาลดังกล่าว หากผู้ที่ไม่ใช่ชาวพื้นเมืองอเมริกันอยากเรียนรู้ข้อเท็จจริงของวันนี้ วิธีที่ดีที่สุดคือ ไปค้นหาจากแหล่งที่มาของมันโดยตรง

ขณะที่มีบุคคลสองฝ่ายมีส่วนเกี่ยวข้องกับงานเลี้ยงที่ยิ่งใหญ่นี้ แต่ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ก็รับรู้และอ้างอิง เฉพาะเรื่องราวที่เล่าโดยฝั่งผู้แสวงบุญ ซึ่งเป็นเพียงเรื่องที่ถูกป้อนโดยฝั่งนักล่าอาณานิคมเท่านั้น เป็นเพียงเรื่องราวที่ผู้ผลิตตำราเรียนและกำหนดหลักสูตรการศึกษา สร้างขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

วันฉลองเหตุการณ์สังหารหมู่

มันอาจจะเป็นสิ่งที่สร้างความประหลาดใจให้กับใครหลายๆคน ในกรณีที่ว่า วันขอบคุณพระเจ้าอย่างเป็นทางการครั้งแรก ถูกจัดขึ้นในปี 1637 เทศกาลแห่งการขอบคุณ และการเลี้ยงเฉลิมฉลอง เป็นเรื่องปกติธรรมดาสำหรับแวดวงของชาวยุโรป และชาวพื้นเมืองอเมริกันเป็นเวลานานก่อนการพบปะกันครั้งแรกระหว่างชนเผ่า Wampanoag ซึ่งอาศัยอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของแมสซาชูเซตส์ และโรดไอส์แลนด์ กับผู้แสวงบุญ เมื่อครั้งที่พวกเขามาถึงยังดินแดนดังกล่าวเป็นครั้งแรก ย้อนกลับไปในปี ค.ศ. 1621

ในปี 1637 ข้าหลวง John Winthrop เรียกร้องให้มีการแสดงความขอบคุณอย่างเป็นทางการ เพื่อเฉลิมฉลองไปยังการสังหารหมู่ ประชาชนจากชนเผ่า Pequot กว่า 700 ชีวิต เหตุการณ์นี่เอง ที่เป็นจุดเริ่มต้นของความสยดสยองที่ไม่เป็นที่กล่าวขานของเทศกาลวันหยุดซึ่งแผ่ขยายและได้รับความนิยมจวบจนถึงทุกวันนี้  “นับแต่นี้เป็นต้นไป วันนี้จะเป็นวันแห่งการเฉลิมฉลองและขอบพระคุณสำหรับการพิชิตชัยเหนือชนเผ่า Pequots” ตามที่ระบุไว้ในคำประกาศ

หากวันขอบคุณพระเจ้า จะมีการเฉลิมฉลองอย่างถูกต้อง ชาวอเมริกันจะต้องกระทำมัน ผ่านมุมมองของชาวพื้นเมืองอเมริกัน โดยวิธีที่ดีที่สุดในการทำเช่นนี้ คือการถามหาความคิดเห็นของชาวพื้นเมืองอเมริกันเกี่ยวกับเทศกาลดังกล่าว

ชมคลิป: ชาวพื้นเมืองอเมริกันแบ่งปันความรู้สึกของพวกเขาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของวันขอบคุณพระเจ้าและวิธีที่มันส่งผลกระทบต่อชีวิตของพวกเขาไปในปัจจุบัน

เมื่อพูดถึงวันขอบคุณพระเจ้า ความคิดเห็นและอารมณ์ที่ถูกสื่อโดยชาวพื้นเมืองอเมริกันในวิดีโอนี้ เช่นเดียวกับในการสนทนากับพวกเขา กลับเป็นไปในทางตรงกันข้ามกับความรู้สึกกตัญญู รู้คุณ และการแสดงความรักตามอัตภาพโดยชาวอเมริกันที่ไม่ใช่ชาวพื้นเมืองอเมริกัน

วันนี้ ที่ใครหลายคนมองว่าเป็นวันแห่งการเฉลิมฉลอง วันของครอบครัว และวันขอบคุณพระเจ้า กลับมิใช่เช่นนั้นในสำนึกคิดชาวพื้นเมืองอเมริกัน เพราะสำหรับพวกเขา มันคือวันที่ถูกเติมให้เต็มไปด้วยความโง่เขลา ความโกรธแค้น และและความโศกเศร้า คำถามก็คือ ความคิดเห็นที่ขัดแย้งกัน เกี่ยวกับวันเดียวกันและเหตุการณ์เดียวกันอย่างไม่น่าเชื่อเหล่านี้ ปรากฏอยู่ภายในประเทศเดียวกันได้อย่างไร? โดยเฉพาะเมื่อประเทศนั้นอ้างว่าเป็นต้นแบบของผู้นำด้านการปกครองแบบประชาธิปไตย ที่ทุกคนมีสิทธิ์ มีเสียงเท่าเทียมกัน?

การล่าอาณานิคมในอดีต และปัจจุบัน

[ภาพบน] หญิงชาวพื้นเมืองอเมริกันวัยสูงอายุ ถูกพาตัวไปที่รถขนส่ง หลังจากถูกจับกุมโดยเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายที่ค่าย Oceti Sakowin ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการกวาดล้างผู้ประท้วงประเด็น Dakota Access pipeline หรือ โครงการวางท่อลำเลียงน้ำมัน พาดข้ามตั้งแต่รัฐนอร์ทดาโคตา ถึงรัฐเซาท์ดาโคตา ขั้นสุดท้าย ใน Morton County เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2017 ใกล้ Cannon Ball, N.D.  (อ้างจาก Mike McCleary/ หนังสือพิมพ์ The Bismarck Tribune)

ทั้งนี้โครงการ Dakota Access pipeline นับเป็นโครงการที่ถูกชาวพื้นเมืองต่อต้านมาโดยตลอดเนื่องจากท่อจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในบริเวณนั้น ทั้งยังถูกวางในพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ทางความเชื่อของพวกเขาอีกด้วย

การล่าอาณานิคมของทวีปนี้ เริ่มขึ้นนานแล้ว และยังคงดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ จนถึงทุกวันนี้ มีการปรับเปลี่ยนวิธีการ แต่ยังคงก่อให้เกิดอันตรายต่อประชาชนอย่างมากในหลาย ๆ ด้าน ตั้งแต่การหายตัวไปของบรรดาผู้หญิงชาวพื้นเมืองอเมริกัน ในการต่อสู้เพื่อพิทักษ์น้ำสะอาด และการสังหารเด็กชายพื้นเมืองโดยตำรวจ ไปจนถึงภัยคุกคามจากการขายที่ดินของชาวพื้นเมือง การต่อสู้กับการล่าอาณานิคมของชนพื้นเมืองดูเหมือนจะไม่เคยสงบลงเลย

ช่วงเวลานี้ เมื่อปีที่แล้ว ชาวพื้นเมืองอเมริกัน และพันธมิตรของพวกเขาถูกโจมตีอย่างทารุณโดยตำรวจ ในขณะกำลังปกป้องแหล่งน้ำสะอาดที่ Standing Rock ใน North Dakota ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เลือกใช้ปืนใหญ่ฉีดน้ำ พร้อมด้วยกระสุนยางเพื่อโจมตีและจำกัดแรงต้านทานของกลุ่มผู้พิทักษ์แหล่งน้ำตลอดเวลาระหว่างการต่อสู้ที่ Standing Rock ในช่วงอุณหภูมิที่หนาวเหน็บเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ กองกำลังและความรุนแรงอย่างมากเกินไปโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ และพนักงานรับจ้างรักษาความปลอดภัย ยังถูกนำไปปฏิบัติกับบรรดาผู้ชุมนุมหลายต่อหลายครั้ง

ส่วนที่เหลือของรถที่ถูกเผาใน North Dakota Highway 1806 ในคืนวันที่ 27 ตุลาคม / กองกำลังที่ไม่ฝักใฝ่สันติ ซึ่งฝังตัวอยู่กับ ผู้ประท้วงกรณีแหล่งน้ำ ถูกจับได้ว่า ทำการเผาไหม้ยานพาหนะ และยานพาหนะหุ้มเกราะสองชุด ในระหว่างการประท้วงเพื่อพิทักษ์แหล่งน้ำ (Derrick Broze สำหรับ MintPress)
เจ้าหน้าที่ตำรวจเผชิญหน้ากับผู้พิทักษ์น้ำ ในวันขอบคุณพระเจ้าใน Mandan รัฐ North Dakota ทางตอนเหนือของพื้นที่สงวน Standing Rock Sioux Reservation ภายหลังจากงานฉลอง บนทางสัญจรหลักของเมือง (Emma Fiala)

ในวันขอบคุณพระเจ้า เมื่อปีที่แล้ว การประท้วงในเมือง Mandan ND ต้องเผชิญกับการใช้กำลัง ขณะที่แกนนำผู้พิทักษ์น้ำในค่าย Oceti Sakowin ที่ Standing Rock ถูกตำรวจโจมตี จากกรณีที่พวกเขาได้ข้ามผ่านแม่น้ำ ณ โคนฐานของเกาะTurtle Island ชาวพื้นเมืองอเมริกันและพันธมิตรของพวกเขายืนกรานและหาเหตุผลเพื่อทำการขอบคุณสำหรับวันนี้ ในการเผชิญหน้ากับการถูกกดขี่

เมื่อไม่นานมานี้ เด็กชายชาวพื้นเมืองอเมริกันวัย 14 ปี ชื่อ Jason Ike Pero ถูกสังหารโดยผู้ช่วยนายอำเภอ Ashland County จากกรณีพื้นที่สงวนใน Bad River ทางตะวันตกเฉียงเหนือของรัฐ Wisconsin ซึ่งชนเผ่า Ojibwe ที่อยู่อาศัยในแถบ Bad River ของทะเลสาบสุพีเรีย ได้เรียกร้องให้แผนกสิทธิพลเมือง ของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ เปิดการไต่สวนคดีอาชญากรรมทางอาญาเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว พวกเขาอ้างว่า สื่อและกระทรวงยุติธรรมรัฐ Wisconsin กำลังพยายามอธิบาย อย่างเป็นเท็จว่าว่า “เจสัน คือ เด็กชายหนุ่มที่มีปัญหา ซึ่งกระทำความรุนแรงต่อผู้ช่วยนายอำเภอ”– อันเป็นกลยุทธ์ที่มีให้เห็นกันซ้ำแล้วซ้ำอีก เมื่อพูดถึงความรุนแรงที่ตำรวจกระทำต่อผู้ไร้อำนาจ หรือ ชนกลุ่มน้อย

และในสัปดาห์นี้เอง ที่คณะกรรมการด้านสาธารณูปโภคประจำรัฐ Nebraska ได้อนุมัติใบอนุญาตสำหรับท่อ Keystone XL ซึ่งคุกคามดินแดนของชนพื้นเมือง แม้ท่อ Keystone จะรั่วไหลเมื่อไม่กี่วันก่อนก็ตาม การต่อท่อ และโครงการอื่น ๆ คุกคามดินแดนของชาวพื้นเมืองทั่วประเทศ ทั้งนี้ชี้ให้เห็นว่า การบริหารของประธานาธิบดีทรัมป์ ดูเหมือนว่า จะมุ่งเน้นไปที่ผลกำไรมากกว่าการอนุรักษ์ดินแดนทั้งของชนเผ่าพื้นเมืองและของประเทศ

สมาชิกของ Ramapough Lunaap ประท้วง ในการเดินขบวนเกี่ยวกับพลังงานสะอาด Clean Energy March ใน Philadelphia เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2016 (ภาพ: Mark Dixon / flickr / cc)

Source: Emma Fiala