
ประธานาธิบดีโอมาร์ อัลบาชีร์ ประธานาธิบดีของประเทศซูดานชี้ว่า สหรัฐฯพยายามที่จะแบ่งประเทศของเขาออกเป็น 5 ภูมิภาค หลังจากที่วอชิงตันประกาศยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรอย่างเข้มงวดของตนในประเทศแอฟริกาตะวันออก
“เรามีข้อมูลว่า สหรัฐฯต้องการที่จะแบ่งซูดานออกเป็น 5 รัฐ หากเราไม่ได้รับการคุ้มครอง” ผู้นำประเทศซูดานกล่าวในการให้สัมภาษณ์กับหน่วยงานของ RIA Novosti – บันทึกการสัมภาษณ์ได้รับการตีพิมพ์เมื่อวันเสาร์ที่ 18 พ.ย.
บาชีรกล่าวเสริมว่า ประเทศของเขาได้เผชิญกับ “ความกดดันอันยิ่งใหญ่” จากวอชิงตัน ในข้อหา “บ่อนทำลายโลกอาหรับ” ซึ่งหมายถึงสถานการณ์ในอิรัก ซีเรีย และเยเมน ฯลฯ
เมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว ทำเนียบขาวได้กำหนดข้อห้ามการค้าระหว่างประเทศกับซูดาน โดยกล่าวหาว่า กรุงคาร์ทูม ประเทศซูดาน ได้ทำหน้าที่เป็นที่หลบภัยให้แก่ นายอุซามะอ์ บิน ลาเดน (Osama bin Laden) ผู้ซึ่งถูกกล่าวหาว่าใช้เวลาห้าปีในซูดาน ก่อนที่จะถูกเนรเทศออกในปี1996
เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์แห่งสหรัฐฯได้ประกาศว่า กำลังยุติการแซงชั่นของสหรัฐฯ ที่มีต่อประเทศยากจน วอชิงตันได้ลบซูดาน ออกจากรายชื่อการเดินทางที่ถูกแบนในเดือนกันยายน หลังจากที่ซูดานติดอยู่ในรายชื่อประเทศดังกล่าวเป็นเวลาแปดเดือน
เดิมที การแบนการเดินทางเกิดขึ้นทันทีหลังจากที่ทรัมป์ยอมรับตำแหน่งของเขาภายในสำนักงานเมื่อเดือนมกราคม และได้กำหนดเป้าหมายไปยังประเทศที่มีมุสลิมเป็นประชากรส่วนมากถึง 6 ประเทศ รวมทั้งประเทศซูดาน การแบนไม่ให้มีการเดินทางดังกล่าว ส่งผลให้ทรัมป์ต้องเผชิญหน้ากับความขัดแย้งเพิ่มขึ้น จากผู้รณรงค์ด้านสิทธิและรัฐบาลต่างๆ ขณะที่ศาลในสหรัฐอเมริกาได้สั่งให้มีการยกเลิกบางส่วน รายชื่อประเทศที่ถูกแบนใหม่นี้ จึงมีเป้าหมายไปยังประเทศเกาหลีเหนือ สาธาณรัฐชาด เวเนซุเอลา อิหร่าน ลิเบีย โซมาเลีย ซีเรีย และเยเมน
การเพิกถอนซูดานออกจากรายชื่อ และการตัดสินใจที่อาจเกิดขึ้นของเขา ในการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐที่บังคับใช้กับประเทศในแอฟริกาในปี 1997 อย่างถาวร เกิดขึ้นตามมาหลังจากที่กรุงคาร์ทูมได้เปลี่ยนแปลงนโยบายต่างประเทศของตนอย่างชัดเจน
คาร์ทูมได้เข้าข้างซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเป็นพันธมิตรที่เข้มแข็งของสหรัฐฯ ในความขัดแย้งระดับภูมิภาค ซึ่งเป็นนโยบายที่ดูเหมือนจะทำให้สหรัฐฯรู้สึกสงบลง
อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีบาชีร์ ไม่ได้ระบุรายละเอียดว่า ทำไมเขาถึงคิดว่า สหรัฐฯต้องการที่จะแบ่งประเทศซูดานออก หลังจากที่ได้ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรทางอาญาในประเทศแอฟริกา แทนที่จะอธิบายถึงประเด็นดังกล่าว ผู้นำซูดานได้ประกาศว่า คาร์ทูมได้ร้องขอเครื่องบินรบของรัสเซีย และอาจจะร้องขอระบบป้องกันทางอากาศ S-300 เพิ่มเติม
“เราร้องขอเครื่องบินรบ Su-30 [fighters] เช่นเดียวกับ Su-35 เนื่องจากพวกเขาครอบคลุมพื้นที่น่านฟ้าของประเทศซูดาน เราไม่มีเจตนาที่จะดำเนินการรุกรานในต่างประเทศ เราเพียงต้องการปกป้องประเทศของเรา ” – นายบาชีร์กล่าว
ในวันพฤหัสบดี ประธานาธิบดีซูดานได้พบปะกับคู่เจรจาจากรัสเซีย ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน (Vladimir Putin) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของรัสเซีย Sergey Shoigu ในเมืองโซชี ทางชายฝั่งของรัสเซีย ภายหลังจากการประชุม บาชีร์กล่าวว่า พวกเขาได้หารือเกี่ยวกับการสร้างฐานทัพเรือในทะเลแดง โดยได้แสดงความพร้อมที่จะต่ออายุความร่วมมือทางทหารกับมอสโก
บาชีร์กล่าวเสริมเมื่อวันพฤหัสบดีว่า ประเทศของเขาต้องการ “การป้องกันจากการกระทำที่ก้าวร้าวของสหรัฐฯ” ในขณะที่เขาเชื่อว่า การแบ่งแยกซูดานออกเป็นสองส่วนในปี 2011 เป็นผลมาจากนโยบายของสหรัฐฯ ตั้งแต่ปี 2013 ประชาชนนับหมื่นคนได้สูญเสียชีวิตของพวกเขา ในซูดานตอนใต้ อันเนื่องมาจากสงครามกลางเมืองที่เกิดขึ้น
วิกฤติการณ์ที่เกิดขึ้นกับซูดาน ยังได้รับผลกระทบจากการก่อกบฎในประเทศเป็นเวลาหลายปี เมื่อกลุ่มติดอาวุธยังคงเป็นภัยคุกคามต่อกองกำลังของรัฐบาลและพลเรือน
ทะเลแดง
เมื่อพูดถึงสถานการณ์ในทะเลแดง ประธานาธิบดีบาชีร์ได้กล่าวว่า การแทรกแซงของสหรัฐฯเป็นปัญหา ในขณะที่มีความจำเป็นที่จะต้องหารือเรื่องนี้จากมุมมองของการพึ่งพาไปยังฐานทัพในภูมิภาค
ตามที่ระบุโดยประธานาธิบดีซูดานกล่าวว่า ประเทศของเขาต่อต้านการแทรกแซงของสหรัฐฯในกิจการภายในประเทศอาหรับ โดยเฉพาะในอิรักและซีเรีย
“เราเชื่อว่า สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศซีเรีย เป็นเพราะการแทรกแซงของสหรัฐฯ และมันส่งผลให้ซีเรียมีสถานการณ์เช่นนี้เราเชื่อว่า สันติภาพจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ หากปราศจาก [ประธานาธิบดีซีเรีย] บาชาร์ อัสซาด เราเชื่อว่า ถ้าไม่ได้เป็นเพราะการแทรกแซงของรัสเซียในสถานการณ์ซีเรียแล้ว ประเทศนี้จะสูญหายไปอย่างแน่นอน ” – ประธานาธิบดีซูดานอธิบาย
การป้องกันและความร่วมมือทางเศรษฐกิจ
เมื่อพูดถึงความร่วมมือในการป้องกันประเทศกับรัสเซีย บาชีร์ชี้ว่า ซูดานต้องการเสริมสร้างสถานะทางทหารในประเทศของเขา
“สำหรับความร่วมมือในอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ เราต้องบอกว่า อาวุธที่เรามีทั้งภาคพื้นดิน และอากาศเป็นของรัสเซีย เรามีการประชุมที่ดีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของรัสเซียในเช้าวันนี้ เรากำลังเปิดตัวโครงการที่ครอบคลุม ที่มีเป้าหมายเพื่อให้มีการจัดเตรียมอุปกรณ์ใหม่ให้แก่กองกำลังติดอาวุธของเรา และเราได้ตกลงกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแห่งรัสเซียว่า รัสเซียจะช่วยเราในภารกิจนี้ “
จากฝั่งของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซียได้กล่าวว่า ทั้งสองประเทศมีโอกาสที่ดีสำหรับความร่วมมือทางเศรษฐกิจในหลากหลายสาขา รวมทั้งภาคพลังงาน
“เรามีโอกาสที่ดีในภาคเศรษฐกิจ เมื่อคำนึงถึงภาคพลังงาน เรามีโอกาสในการสำรวจ การผลิต และการแลกเปลี่ยนทรัพยากร เรามีโอกาส ไม่เพียงแต่ในอุตสาหกรรมไฮโดรคาร์บอนเท่านั้น แต่ยังมีอยู่ในภาคการไฟฟ้า และการพัฒนาการใช้พลังงานนิวเคลียร์อย่างสันติ พิจารณาจากทั้งหมดแล้ว เรามีความร่วมมือที่เป็นไปได้มากมาย” – ปูตินกล่าว
สำหรับการมาเยือนรัสเซียเป็นครั้งแรก ประธานาธิบดี โอมาร์บาชีร์ของซูดานได้อธิบายว่าตนเองเป็น “กุญแจสำคัญของแอฟริกา”
Source: presstv sputniknews