แม้จะมีการคัดค้านในภูมิภาคและทั่วโลกอย่างกว้างขวาง แต่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ Donald Tramp ก็ยังประกาศให้กรุงเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล
คำถามก็คือ การดำเนินการดังกล่าวนั้น สหรัฐอเมริกากำลังมองหาฉากละครครั้งใหม่ในภูมิภาคนี้หรือไม่? เกือบเจ็ดสิบปีมาแล้วที่ดินแดนปาเลสไตน์ถูกยึดครอง และในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ดินแดนบางส่วนของประเทศอิสลามก็ถูกรุกรานและยึดครองโดยยิวไซออนิสต์ (อิสราเอล) และพันธมิตร ตอนนี้สาส์นของสหรัฐฯที่ส่งมอบให้กับประชาชนในภูมิภาคนี้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวปาเลสไตน์ที่ถูกกดขี่ข่มเหง คือสิ่งรับรองการยึดครองของอิสราเอล
ก่อนหน้านี้ สหรัฐอเมริกาได้พยายามที่จะดำเนินการย้ายสถานทูตไปยังกรุงเยรูซาเล็มแล้ว แต่เมื่อพิจารณาและคำนึงถึงปัจจัยบางประการ ทำให้ไม่อาจดำเนินการตามความต้องการได้ แต่ทำไมตอนนี้ ทรัมป์จึงได้ประกาศเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ แม้ว่าจะมีการคัดค้าน การต่อต้าน และความท้าทายอยู่ข้างหน้าก็ตาม… มันเป็นสิ่งที่น่าขบคิด…?!?
เห็นได้ชัดว่า ความวิตกกังวล เกี่ยวกับสถานการณ์ที่เลวร้ายต่อความปลอดภัยของอิสราเอลในภูมิภาค และปัญหาภายในระบอบไซออนิสต์ (อิสราเอล) ทำให้เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ จำเป็นต้องรอให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ในภูมิภาค เพื่อใช้สถานะใหม่นี้รักษาเสถียรภาพของอิสราเอล แต่ทว่าตอนนี้ การคำนวณดังกล่าวผิดพลาดไปแล้ว ไอซิสได้พ่ายแพ้ในซีเรียและอิรัก และเหตุการณ์รุกรานของซาอุดีอาระเบียต่อเยเมนก็ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้
ขณะนี้ อิสราเอลอยู่ในสถานะที่อ่อนแอมาก และได้รับผลกระทบ และต้องเผชิญกับความท้าทายเชิงการเมืองระดับภูมิภาค ในสถานการณ์ที่อ่อนไหวเหล่านี้ ทรัมป์พยายามสร้างรอยร้าวเพิ่มขึ้นในระหว่างประเทศอิสลาม ข้อสังเกตคือ เมื่อไม่กี่วันก่อน เนทันยาฮูได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลความสัมพันธ์ลับของอิสราเอลกับบางประเทศอาหรับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งซาอุดิอาระเบีย ซึ่งมันมีความสำคัญในการวิเคราะห์แนวโน้มดังกล่าว
ในสถานการณ์เช่นนี้ การเกิดวิกฤตใหม่อาจกลายเป็นโอกาสในการสร้างความขัดแย้งใหม่ ๆ ในภูมิภาคก็เป็นได้ เพื่อให้สหรัฐอเมริกาและอิสราเอลสามารถผนวกกำลังกันปิดบัญชีปาเลสไตน์อีกครั้งหนึ่ง การรุกรานเช่นนี้เป็นแผนหนึ่งในการสร้างแผนที่ใหม่ของตะวันออกกลาง
กระทรวงการต่างประเทศของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน ออกแถลงการณ์เมื่อวันพุธว่า การตัดสินใจที่ยั่วยุของสหรัฐฯในการรับรองให้เยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของระบอบยิวไซออนิสต์ ถือเป็นการเปิดโปงเจตนาอันชั่วร้ายของรัฐบาลสหรัฐฯ และยิ่งเป็นการลดความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ ในทัศนะของประเทศต่างๆ ที่ยังคงทำตัวเป็นกลางและเชื่อมั่นในความเป็นกลางของสหรัฐฯในกระบวนการเจรจาสันติภาพ
แน่นอนว่า เรื่องนี้นำไปสู่ข้อสรุป ให้แก่ข้อสงสัยทั้งหมดเกี่ยวกับชาติบางกลุ่มที่ทำการเจรจาสันติภาพ ซึ่งคิดว่ามีความเป็นไปได้ที่การเจรจาประนีประนอมกับอิสราเอลต้องปิดฉากลง ประสบการณ์แสดงให้เห็นว่า ปัญหาปาเลสไตน์เป็นประเด็นอันดับแรกของโลกอิสลาม ซึ่งต้องจำเป็นต้องจัดการด้วยรูปแบบอื่นๆ ที่มากกว่าการประณามด้วยวาจา และควรมีการติดตามการละเมิด การรุกรานเหล่านี้อย่างจริงจัง และเปิดโปงแผนการต่างๆอันชั่วร้ายนี้ในฟอรัมระหว่างประเทศ และการประชุมพิเศษขององค์การความร่วมมืออิสลาม เหล่านี้แสดงให้เห็นว่า การตัดสินใจของอเมริกาเกี่ยวกับประเด็นกรุงเยรูซาเล็ม ถือเป็นการรุกรานสิทธิของชาวมุสลิมทั้งหมด เป็นการลงทุนของพวกเขาในวันนี้ และแน่นอนทุกๆการลงทุน รอคอยเวลาเพื่อเก็บเกี่ยวผลกำไรของมันในภายภาคหน้า
Source: parstoday.com
