การย้ายสถานทูตสหรัฐฯไปยังเยรูซาเล็ม เกิดขึ้นท่ามกลางการนองเลือดและการสังเวยชีวิตของชาวปาเลสไตน์ห้าสิบแปดกว่าคน และมากกว่าสองพันเจ็ดร้อยคนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งรัฐอาหรับโดยรวมยังคงนิ่งเฉยต่อเหตุการณ์ครั้งนี้ และความเงียบของพวกเขา ก็เป็นของขวัญแก่รัฐบุรุษผู้ประนีประนอมให้กับเนทันยาฮู ในโอกาสแห่งการย้ายสถานทูตสหรัฐฯ
ชาวปาเลสไตน์ได้ออกมาเดินประท้วงเมื่อวานนี้และถูกสังหารไปกว่า 58 ชีวิต เพื่อแสดงพลังต่อต้านไปยังวาระการย้ายและเปิดสถานทูตสหรัฐอเมริกาในเยรูซาเล็ม ซึ่งตัวเลขและยอดผู้เสียชีวิตแสดงจำนวนเพิ่มขึ้น ในวันครบรอบการก่อตั้งของรัฐเถื่อนอิสราเอล หรือ Nakba Day (15 พฤษภาคม) นอกจากนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวยังส่งผลทำให้มีผู้บาดเจ็บ ซึ่งขณะนี้มีจำนวนมากกว่า 2,700 ราย จากรายงานเมื่อวานนี้ นอกเหนือจากการเสียชีวิตและบาดเจ็บแล้ว อย่างไรก็ดี ยังคงมีประเด็นที่เราควรพิจารณาและเป็นประเด็นที่น่าสนใจดังต่อไปนี้
1. ประการแรก : การย้ายสถานทูต ไม่ได้รับการยอมรับจากรัฐบาลส่วนใหญ่ สิ่งแรกและสำคัญที่สุดที่ได้กล่าวถึงโดยหลักการของกฎหมายระหว่างประเทศและสนธิสัญญาระหว่างประเทศขัดแย้งกันอย่างสิ้นเชิงกับการเคลื่อนไหวดังกล่าว แน่นอนว่าทรัมป์นั้นไม่เคยปฏิบัติตามข้อตกลงระดับโลกใด ๆ ท่าทีการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศของทรัมป์นั้น มันไม่ได้เหนือความคาดหมายแต่อย่างใด เหมือนกับที่เขาได้ทำไปแล้วกับสนธิสัญญาปารีสว่าด้วยประเด็นเกี่ยวกับสภาพอากาศ และเมื่อไม่นานมานี้ ในกรณีเกี่ยวกับการเจรจานิวเคลียร์อิหร่าน เป็นต้น การไม่ปรากฏตัวของเอกอัครราชทูตจากประเทศต่างๆในสถานทูตฯ ท่ามกลางพิธีเปิด แสดงให้เห็นและยืนยันว่า ความไม่เห็นชอบนี่เป็นมติเอกฉันท์ทั่วโลก
2. ประการที่สอง : คือเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในรัฐอาหรับ ซึ่งตอนนี้กำลังดิ้นรนเพื่อแข่งขันในการเป็นมิตรกับอิสราเอล อียิปต์อนุมัติให้มีการจัดงานเฉลิมฉลองของชาวอิสราเอลในโอกาสวัน “นัคบา” และการย้ายสถานทูตสหรัฐฯไปยังเยรูซาเล็ม ในโรงแรมสุดหรูของอียิปต์ เอกอัครราชทูตบาห์เรนและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์กำลังเฉลิมฉลองการเลี้ยงอาหารเพื่อเป็นเกียรติแก่เนทันยาฮูและภรรยาของเขาที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และเจ้าชายบินซัลมานแห่งซาอุฯได้กล่าวและแนะนำว่า ชาวอิสราเอลมีสิทธิอันชอบธรรมในการใช้ชีวิตในดินแดนที่ถูกยึดครอง อีกด้านหนึ่งสิ่งที่อิสราเอลได้กระทำในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา และเมื่อวานนี้ ได้แสดงให้เห็นว่า พวกเขามีความก้าวร้าวมากขึ้น ขณะที่บินซัลมานไม่ได้แสดงปฏิกิริยาใดๆ เลยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าในการประท้วงเมื่อวานนี้หนึ่งในคำขวัญที่เป็นที่นิยมมากที่สุดของชาวปาเลสไตน์ คือสโลแกน “ต่อต้านซาอุดิอาระเบียและประณามเจ้าชายบิน ซัลมาน”
3. ประการที่สาม : ในวันนี้ ในขณะที่ประเด็นเรื่องปาเลสไตน์ได้เตือนความทรงจำของประชาชนทั่วทั้งโลก ไม่กี่วันก่อนหน้านี้ แนวรบที่สามได้เปิดขึ้นภายในซีเรียกับระบอบยิวไซออนิสต์ ในอีกแง่หนึ่งระบบรักษาความปลอดภัยของอิสราเอลกำลังเผชิญกับการคุกคามอย่างร้ายแรง และในทางกลับกัน ชาวปาเลสไตน์ ด้วยการประท้วงที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง พวกเขาอ้างว่าสิ่งเดียวที่ไม่สามารถซื้อขายได้ในสายตาของพวกเขา คืออธิปไตยของประเทศของตนและการมีอยู่ของประเทศที่ชื่อว่าปาเลสไตน์
4. ประการที่สี่ : การปรากฏตัวของคนหนุ่มสาวอย่างน้อยหกชั่วอายุคน เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมจากเหตุการณ์วันนัคบา (Nakba Day) วันแห่งการจัดตั้งรัฐอิสราเอล ทั้งนี้การชุมนุมประท้วงเมื่อวานนี้และวันศุกร์และการเดินขบวนในการเดินทางกลับมายังปาเลสไตน์ ได้แสดงให้เห็นว่าเปลวไฟแห่งอุดมการณ์ของปาเลสไตน์ ไม่ได้ดับมอดลง แต่กลับปะทุขึ้น ให้พวกเขามีแสงสว่างและความเข็มแข็งมากยิ่งขึ้นทุกวัน
5. ประการที่ห้า : และข้อสุดท้ายที่ดูเหมือนว่าจะเป็นทางออกเดียวของปาเลสไตน์ คือ “การต่อสู้” เพราะการเรียกร้องไปยังประชาคมระหว่างประเทศ สิ่งที่มะห์มุด อับบาสพยายามทำมานานหลายปี ดูเหมือนว่ามันไม่ได้ให้ผลอะไรเลย นอกเหนือจากนั้น แม้อิสราเอลจะยอมทำข้อตกลงกับพวกเขาในตอนเริ่มต้น แต่ในที่สุดพวกเขาก็ไม่ใยดีชาวปาเลสไตน์ และด้วยเหตุนี้เองการประกาศการไว้ทุกข์และแสดงความเห็นอกเห็นใจของผู้เสียหาย มันจึงยังไม่เพียงพอจะส่งผลทำให้เกิดความชอบธรรมใดๆต่อการแก้ปัญหาปาเลสไตน์
เมื่อวานนี้ชาวปาเลสไตน์ 58 คนเสียชีวิต ในวาระพิธีเปิดสถานทูตสหรัฐฯในเยรูซาเล็ม ในวันนี้และวันพรุ่งนี้ชาวปาเลสไตน์อีกจำนวนกี่คนที่จะตกเป็นเหยื่อของความป่าเถื่อนเหล่านี้ ? มะห์มุดอับบาส บินซัลมาน บิน – เซาอีด (อเมริกสต์) และผู้ปกครองชาวอาหรับคนอื่นๆ ช่วยให้คำตอบหน่อยในเรื่องนี้ ……!