ข่าวการถูกสังหารของ ราซาน อัลนัจญาร นักปฏิบัติการฉุกเฉินการแพทย์หญิงชาวปาเลสไตน์ โดยพลซุ่มยิงอิสราเอล ณ ชายแดนฉนวนกาซ่าที่ถูกยึดครอง เมื่อช่วงต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ได้สร้างความสะเทือนใจให้แก่ชาวโลก และโดยเฉพาะประชาชาติมุสลิม
การสละชีพของ “นางพยาบาลอาสา” ในวัยเพียง 21 ปี ขณะทำการช่วยเหลือชีวิตผู้บาดเจ็บจากผู้ประท้วงชาวปาเลสไตน์ที่ปราศจากอาวุธ ได้จุดกระแสการเรียกร้องสิทธิมนุษยชนที่แพร่สะพัดในโลกออนไลน์ และสื่อโซเชียลทั่วทุกภูมิภาคเป็นประวัติการณ์ เห็นได้จากจำนวนโพสต์ และการติดแฮชแท็กชื่อ “ราซาน อัลนัจญาร”
ราซาน อัลนัจญาร ได้ปลุกจิตสำนึกของมนุษย์ทั่วไปที่หัวใจยังคงแสวงหาความเป็นธรรม เมื่อเธอถูกยิงบริเวณหน้าอก จนเป็นเหตุให้ถึงแก่ชีวิตโดยพลซุ่มยิงอิสราเอล และแม้แต่ในขณะสวมชุดเครื่องแบบของบุคลากรทางการแพทย์ ในสภาพที่ปราศจากอาวุธ
‘ในชุดเครื่องแบบสีขาว ขณะชูมือในท่าปราศจากอาวุธ “ราซาน อัล นัจญาร” ถูกยิงโดยพลซุ่มยิง (สไนเปอร์)ฝ่ายกองกำลังอิสราเอล จากอีกฟากของรั้วกั้นเขต ขณะกำลังพยายามเสี่ยงชีวิตเข้าช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บจากผู้ประท้วงชาวปาเลสไตน์’ – พยานผู้เห็นเหตุการณ์บอกกับสำนักข่าวรอยเตอร์
ราซาน อัลนัจญาร เป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิตชาวปาเลสไตน์กว่า 120 ราย ตั้งแต่ที่การประท้วงเพื่อเรียกร้องสิทธิในการคืนถิ่นให้แก่ผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ (ที่ต้องสูญเสียดินแดนของตนไป เมื่อรัฐอิสราเอลถูกสถาปนาในปี ค.ศ. 1948) เริ่มต้นขึ้นในเดือนมีนาคม ในจำนวนนี้ยังรวมถึงเด็กและเยาวชนผู้เสียชีวิตมากกว่า 14 ราย นอกจากนี้ ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บชาวปาเลสไตน์กว่าอีกประมาณ 13,300 ราย ตามที่ระบุโดยเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขกาซ่า
“เกิดอะไรขึ้นกับมนุษยธรรมโลก เมื่อการสังหารบุคลากรการแพทย์เป็นอาชญากรสงคราม? ฤาชีวิตของชาวปาเลสไตน์สำคัญน้อยกว่าคนอื่น? พวกเขาจึงถูกละเลยให้เผชิญกับการนองเลือดโดยรัฐอิสราเอล… เป็นคำถามที่การตายของนางพยาบาลอาสา ทิ้งไว้ให้ชาวโลกต้องนำไปขบคิดถึงความเป็นจริงที่เกิดขึ้นกับชาวปาเลสไตน์ และบทบาทที่แท้จริงขององค์กรสหประชาชาติ นำโดยสหรัฐฯ ที่ควรจะมีหน้าที่แก้ปัญหานี้ให้สำเร็จลุล่วงเสียที เมื่อความขัดแย้งอย่างไม่เสมอภาคได้ดำเนินอยู่กับชาวปาเลสไตน์ยาวนานกว่า 70 ปีแล้ว
และขณะที่พันธมิตรแห่งอาชญากรโลกกำลังหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความขัดแย้งทั่วแผ่นดินอิสลามและที่ที่มีมุสลิมอาศัยอยู่ ผ่านการวางแผนและยุทธศาสตร์ที่ไตร่ตรองมาเป็นอย่างดี เพื่อเป้าหมายสูงสุด คือ การหันเหความสนใจของประชาชาติมุสลิมและประชาคมโลกออกจากประเด็นปาเลสไตน์ และขยายดินแดนอิสราเอลอย่างไม่ชอบธรรมต่อไป ทว่าในวันนี้ ความกล้าหาญของ ราซาน ซึ่งเป็นเพียงเยาวชนหญิงคนหนึ่ง กลับสร้างปรากฎการณ์ให้แก่โลกของผู้ถูกกดขี่อีกครั้ง เพราะ “ตราบใดที่ชาวปาเลสไตน์ ยังคงถูกข่มเหง และเข่นฆ่าอย่างไร้มนุษยธรรม มนุษย์ทั้งโลกก็ไม่อาจไปถึงการมีเสรีภาพที่สมบูรณ์ได้”
ศักดิ์ศรีและเลือดทุกหยดที่ได้หลั่งให้แก่แผ่นดินเกิดของเธอ ได้สะท้อนความจริงไปยังมนุษยชาติ ไม่มีสงครามที่นี่ มีแต่การฆ่าล้างเผ่าพันธ์ ไม่มี ”คู่ขัดแย้ง” ณ ที่แห่งนี้ มีแต่ผู้ถูกกดขี่ที่ปราศจากอาวุธ สู้กับกองกำลังแห่งรัฐที่ได้รับการสนับสนุนโดยมหาอำนาจโลกผู้ฉ้อฉล ไม่มีการแก่งแย่งชิงดินแดนระหว่างเชื้อชาติที่ปาเลสไตน์ มีแต่ประวัติศาสตร์การปล้นสะดม และการนองเลือด ที่อธรรม และกดขี่…
อาชญากรรมที่เกิดขึ้นกับ ราซาน อัลนัจญาร และชาวปาเลสไตน์ตลอด 70 ปีแห่งการถูกรุกรานโดยอิสราเอลไซออนิสต์ คือ ความจริงที่กำลังเปล่งเสียงของมัน จากวันนี้เป็นต้นไป ชื่อของเธอ จะถูกจดจำในฐานะ นางฟ้าแห่งผู้ถูกกดขี่ และเจ้าหญิงของบรรดาผู้ถูกละเมิดดินแดน ใบหน้าของเธอจะกลายเป็นสัญลักษณ์ของขบวนการต่อสู้ และหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยเมตตาธรรมของเธอ จะยังคงถูกจารึกไว้ในความทรงจำของมนุษยชาติผู้โหยหาอิสรภาพ และความยุติธรรมตลอดกาล