เลขานุการทหารของอิสราเอลได้กล่าวว่า เทลาวีฟเท่านั้นที่จะต้องเข้าไปดำเนินการยับยั้งประเทศอิหร่านเกี่ยวกับโปรแกรมพลังงานนิวเคลียร์
โม เช่ ได้ปราศรัยในมหาวิทยาลัยแห่งนึงในเทลาวีฟ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา “เราคิดมาโดยตลอดว่าประเทศที่จะเป็นผู้นำในการโจมตีอิหร่าน คือ สหรัฐอเมริกา”
เขายังได้กล่าว อีกว่า “แต่ตอนนี้ อเมริกากลับเป็นผู้ที่เข้าไปเจรจากับพวกเขา และที่น่าเสียใจคือ เมื่อมีการหารือถึงปัญหาในเวทีเจรจาต่อรอง อิหร่านกลับทำได้ดีกว่าเสมอ”
โม เช่ ได้ออกมาเน้นเตือนถึงภัยคุกคามต่างๆที่ เนทันยาฮูนายกรัฐมนตรีอิสราเอลได้เคยพูดไว้ ว่าจะต้องดำเนินการทางการทหารเท่านั้นกับอิหร่าน โดยกล่าวว่า สิ่งที่สหรัฐกำลังทำอยู่จะไม่มีผลให้ยุติการพัฒนาโรงงานนิวเคลียร์ของ อิหร่านอย่างแน่นนอน และอิสราเอลเท่านั้นที่ควรจะเข้าไปจัดการกับเรื่องนี้
เขา ได้ชี้แนะให้มองวิกฤตยูเครนเป็นตัวอย่าง ในการดำเนินการของประธานาธิบดี บารัค โอบามา เป็นหลักฐานที่ชี้ให้เห็นถึงความอ่อนแอของรัฐบาลชุดนี้
อิหร่าน และ 5 สมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคง-รัสเซีย,จีน,ฝรั่งเศษ,อังกฤษและสหรัฐ นอกจากนี้ยังมีเยอรมัน ที่ได้เข้าร่วมเจรจาเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างเต็มรูปแบบเกี่ยวกับความขัดแย้งใน หนึ่งทศวรรษที่ผ่านมาของตะวันตก เกี่ยวกับโครงการพลังงานนิวเคลียร์ของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน
ซึ่ง ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงกันชั่วคราวหลังการประชุมหารือกันเกี่ยวกับ พลังงานนิวเคลียร์ในเดือนพฤศจิกายนปี 2013 ในเจนีวา ข้อตกลงนี้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา ในขณะนี้อิหร่านและ 6 ชาติมหาอำนาจกำลังหาทางเพื่อบรรลุข้อตกลงร่วมกันอยู่
ซึ่ง เนทันยาฮู ถือว่า เขาเพียงผู้เดียวที่มีอำนาจในการครอบครองพลังงานนิวเคลียร์ในตะวันออกกลาง และเขาถือว่า ข้อตกลงชั่วคราวของอิหร่านและประเทศมหาอำนาจ คือ “ความผิดครั้งยิ่งใหญ่ในหน้าประวัติศาสตร์”
มีการกล่าวกันว่า อิสราเอลครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ 200-400 ลูกด้วยกัน!!
นอกจาก นี้อิสราเอลกลับไม่เคยอนุญาตให้ผู้ใดเข้าไปตรวจสอบโรงงานนิวเคลียร์ของตน แม้แต่ครั้งเดียว อีกทั้งยังปฏิเสธที่จะเข้าร่วมสนธิสัญญาจากการเชิญชวนของสหประชาชาติเกี่ยว กับการห้ามแพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์(NPT)อีกด้วย