แม้สหรัฐฯ จะมีงบประมาณทางทหารที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่า 6 ประเทศรองลงมากว่า 5 เท่า และมีจำนวนฐานทัพทหารที่มากที่สุด ซึ่งมีมากถึง 180 แห่งทั่วโลก นอกจากนั้นยังมีอุตสาหกรรมทางทหารที่มีมูลค่ามากที่สุดอีกด้วย กระนั้น สหรัฐอเมริกาก็ยังไม่อาจพิชิตชัยชนะในสงคราม แม้เพียงศึกเดียวในศตวรรษที่ 21 นี้!
ในบทความนี้ จะทำการแจกแจงสงครามต่างๆ และวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่สหรัฐฯต้องเผชิญกับความล้มเหลวในกลยุทธ์เชิงสงครามของตน แม้จะมีพื้นฐานของอาวุธที่มีประสิทธิภาพก็ตาม
สหรัฐฯมีส่วนร่วมในการสงครามและการรัฐประหารหลายครั้ง และหลายแห่งทั่วโลก นับตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 21 เป็นต้นมา ในที่นี่ รวมถึงสถานการณ์ในอัฟกานิสถาน อิรัก ลิเบีย ซีเรีย โซมาเลีย ปาเลสไตน์ เวเนซุเอลา และยูเครน นอกจากนี้ หน่วยข่าวกรองลับของกรุงวอชิงตันยังได้ให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ ตัวแทนกลุ่มผู้ก่อการร้ายจำนวน 5 กลุ่มในปากีสถาน จีน รัสเซีย เซอร์เบีย และนิการากัว
สหรัฐอเมริกาได้รุกรานประเทศต่างๆ และประกาศชัยชนะ ส่งผลทำให้ต้องเผชิญหน้ากับแรงต้านทานจากมวลชนต่างๆ อันนำไปสู่สงครามที่ยืดเยื้อต่อเนื่อง ที่ซึ่งสหรัฐฯ จำเป็นต้องอาศัยการส่งออกกองกำลังทหารขนาดใหญ่เพิ่มเข้าไปในพื้นที่ เพื่อป้องกันกองกำลังทหารรักษาการณ์เดิมที่มีอยู่
สหรัฐฯต้องทุกข์ทนกับจำนวนเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายกว่าหลายพันราย ในที่นี่ มีทหารที่ต้องสละชีวิต กลายเป็นผู้พิการ (ทุพลานุภาพ) และผู้ป่วยทางจิต ยิ่งเพนตากอนใช้จ่ายงบประมาณสำหรับการสงครามมากเท่าใด การสูญเสียและการร่นถอยที่ตามมา ก็มีมากขึ้นเท่านั้น
ยิ่งมีระบอบเผด็จการ หรือ รัฐบาลที่มาจากการรัฐประหารที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ มากขึ้นเท่าใด การทุจริตและภาวะไร้สมรรถภาพก็จะยิ่งใหญ่ขึ้นเท่านั้น
ระบอบการปกครองทุกระบบที่อยู่ภายใต้การอนุบาลของสหรัฐฯ ไม่สามารถดำเนินงานให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ถูกออกแบบ โดยที่ปรึกษาทางทหารของสหรัฐฯได้
ยิ่งใช้จ่ายเวลา และงบประมาณ ไปกับการสรรหาทหารรับจ้างมากเท่าไร อัตราการหลบหนีของทหารรับจ้างเหล่านี้ และการส่งมอบอาวุธให้กับฝ่ายตรงข้ามของสหรัฐฯก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น
ความสำเร็จในการเริ่มต้นสงคราม และความล้มเหลวในการทำให้สงครามเสร็จสิ้น
สหรัฐฯอาจประสบความสำเร็จในการก่อสงครามต่างๆ แต่กลับล้มเหลวในการสิ้นสุดมัน
สหรัฐฯรุกรานอัฟกานิสถาน และยึดครองเมืองหลวง (คาบูล) พวกเขาพิชิตชัยชนะเหนือกองทัพของชาติ … แต่แล้วจากนั้น ก็ได้ใช้เวลาสองทศวรรษต่อไปกับความขาดทุนจากการเข้าร่วมในสงครามไม่ตามแบบ (irregular warfare)
*สงครามไม่ตามแบบ เป็นการต่อสู้ด้วยมาตรการต่างๆ ทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคมจิตวิทยา เทคโนโลยี และการทูต รวมทั้งการใช้มาตรการทางทหาร โดยไม่มีการเผชิญหน้าระหว่างคู่กรณีโดยเปิดเผย ประกอบด้วย
สงครามพิเศษ สงครามการเมือง สงครามเศรษฐกิจ สงครามปรมาณู(สงครามนิวเคลียร์) สงครามศาสนา
และสงครามประเภทอื่นๆ ที่ไม่สามารถจัดเข้าอยู่ในสงครามตามแบบ
ชัยชนะในตอนเริ่มต้น ได้วางรากฐานให้แก่ความพ่ายแพ้ในอนาคต การทิ้งระเบิดของสหรัฐฯ ปลุกจิตสำนึกรักบ้านเกิด ให้ชาวสวน ชาวไร่ พ่อค้าและช่างฝีมือนับล้าน ๆ คน เข้าร่วมกองกำลังท้องถิ่น ผู้บุกรุกได้พ่ายแพ้ต่อกองกำลังชาตินิยม และศาสนา ที่เชื่อมโยงกับครอบครัวและชุมชน กองกำลังกบฎในท้องถิ่น สามารถเอาชนะอาวุธ และเงินดอลลาร์ ในหลายหมู่บ้าน เมืองและจังหวัด
ผลกระทบที่คล้ายกันนี้ ถูกฉายซ้ำในบริบทของอิรักและลิเบีย สหรัฐฯบุกรุกประเทศ เอาชนะกองทัพทหาร ยึดครองเมืองหลวง และบีบบังคับลูกค้าอาวุธของตน สถานการณ์ซึ่งเอื้อให้ภูมิประเทศดังกล่าวตกอยู่ในภาวะสงครามระยะยาว และมีขนาดใหญ่ โดยกองกำลังกบฏท้องถิ่น
ยิ่งตะวันตกโจมตีประเทศนั้นๆบ่อยครั้งมากเท่าไร ก็ยิ่งทำให้ฝ่ายค้านลุกฮือ และบีบให้กองทัพพร็อกซีของสหรัฐฯต้องล่าถอยออกไป
โซมาเลีย ถูกโจมตีด้วยระเบิดอยู่บ่อยครั้ง กองกำลังพิเศษของสหรัฐฯ ได้คัดเลือก ทำการฝึกอบรมและติดอาวุธให้กับกองทหารหุ่นเชิดในท้องถิ่น ที่มีกองกำลังทหารแอฟริการับจ้างดูแลอยู่ แต่ทว่าพวกเขายังคงฝังตัวอยู่ในเมืองหลวง Mogadishu ถูกรายล้อมและถูกโจมตีโดยกลุ่มผู้กบฎชาวมุสลิม ที่มีแรงจูงใจและมีระเบียบวินัยสูง
ยุคสงครามจักรวรรดิ
ซีเรีย เป็นเป้าหมายของกองกำลังทหารรับจ้าง ที่ได้รับการติดอาวุธ และเงินสนับสนุนจากสหรัฐฯ ในตอนแรกพวกเขามีความก้าวหน้า มีผลงาน ถอนรากถอนโคนประชาชนนับล้านชีวิต บ่อยทำลายบ้านเมือง ที่อยู่อาศัย และเข้าปิดล้อมดินแดนต่างๆ สิ่งเหล่านี้ ล้วนสร้างความประทับใจให้แก่ขุนศึกของพวกเขา นั่นคือ สหรัฐฯและสหภาพยุโรป ทว่า เมื่อกองทัพซีเรียได้รวมกลุ่มประชาชน พ่วงกับรัสเซีย เลบานอน (ฮิซบุลลอฮ์) และอิหร่านแล้ว ก็ถึงคราวดามัสกัสเอาคืย กองทัพทหารรับจ้างจนแพ้พ่าย อย่างที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน
หลังจากช่วงที่ดีขึ้นของทศวรรษ ผู้แบ่งแยกดินแดนชาวเคิร์ด พร้อมกับผู้ก่อการร้ายอิสลาม และตัวแทนฝ่ายตะวันตกอื่นๆ ก็ร่นถอยออกไป พวกเขาได้กำหนดวาระการสู้รบครั้งสุดท้ายตามแนวชายแดนด้านเหนือ ซึ่งเป็นปราการที่เหลืออยู่ของตัวแทนจากฝ่ายตะวันตก
การรัฐประหารยูเครนในปี 2014 ได้รับการสนับสนุนและควบคุมโดยสหรัฐฯและสหภาพยุโรป พวกเขาปิดล้อมเมืองหลวง (Kiev) แต่ล้มเหลวในการพิชิตชัยเหนือยูเครนตะวันออก และแหลมไครเมีย การทุจริต โดยบรรดาผู้นิยมโจราธิปไตยของสหรัฐฯได้ทำลายล้างประเทศ – ส่งผลทำให้ กว่าสามล้านชีวิตต้องหลบหนีไปยังประเทศโปแลนด์ รัสเซีย และอื่นๆ เพื่อเอาชีวิตรอด สงครามยังคงดำเนินต่อไป ลูกค้าที่ฉ้อฉลของสหรัฐฯ กลายเป็นผู้ที่ไม่น่าเชื่อถือในสายตาของประชาชน และพวกเขาจะประสบกับความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้ง นอกจากพวกเขาจะโกงการเลือกตั้งเท่านั้น
การลุกฮือในเวเนซุเอลา และนิการากัวได้รับการสนับสนุนทางการเงิน โดยทุนเพื่อส่งเสริมประชาธิปไตย จาก NED ของสหรัฐฯ พวกเขาทำลายเศรษฐกิจ แต่พ่ายแพ้ให้แก่สงคราม street wars
สรุป:
สงครามไม่อาจชนะด้วยการสู้รบ ทางอาวุธเพียงอย่างเดียว ในความเป็นจริง การทิ้งระเบิดอย่างหนักหน่วง และการขยายระยะเวลาการยึดครองทางทหาร กลับส่งผลทำให้เกิดแรงต้านทานจากประชาชน อันนำไปสู่การร่นถอยของกองกำลังทหารรับจ้าง และความพ่ายแพ้ของจักรวรรดินิยมเอง
สงครามน้อย-ใหญ่ ที่สหรัฐฯได้ก่อขึ้น ในศตวรรษที่ 21 ไม่สามารถรวมประเทศเป้าหมายไว้ในอำนาจจักรวรรดิของตนได้
การยึดครองโดยอำนาจจักรวรรดิ ไม่ใช่ชัยชนะทางทหารอย่างเบ็ดเสร็จ พวกเขาเพียงเปลี่ยนลักษณะของสงคราม ตัวเอกของฝ่ายต้านทาน ขอบเขตและความเข้มข้นของการต่อสู้แห่งชาติ
สหรัฐฯประสบความสำเร็จในการเอาชนะกองทัพแห่งชาติ เช่นในลิเบีย อิรัก อัฟกานิสถาน โซมาเลีย และยูเครน อย่างไรก็ตาม ชัยชนะที่ได้มานั้นถูกจำกัด ด้วยระยะเวลา และพื้นที่ และเปิดโอกาสให้ การเคลื่อนไหวต่อต้าน เป็นกองกำลังติดอาวุธชุดใหม่ นำโดยอดีตเจ้าหน้าที่ นักกิจกรรมทางศาสนา และนักเคลื่อนไหวในระดับรากหญ้า เข้ามาทำหน้าที่เป็นกองกำลังแห่งชาติ
สงครามจักรวรรดิได้สังหารชาวบ้านนับล้านคน ทำลายล้างสถาบันครอบครัว สถานที่ทำงาน และความสัมพันธ์ระหว่างชุมชน ปัจจัยเหล่านี้ เอื้อให้เกิดรูปแบบของการเคลื่อนไหวใหม่ โดยผู้นำซึ่งต่อต้านลัทธิจักรวรรดินิยม และบรรดากองกำลังนักสู้
กองกำลังจักรวรรดิได้ตัดศีรษะผู้นำขบวนการ และทำลายผู้ติดตาม พวกเขาบุกรุก ปล้นสะดมภ์ และบ่อนทำลายทรัพย์สมบัติ รวมถึงโบราณสถานแห่งชาติ ขณะเดียวกันกองกำลังต้านทาน ก็นำไปสู่การสรรหาอาสาสมัครจำนวนหลายพันคน ซึ่งมีแรงจูงใจที่เข้มแข็ง พร้อมต่อการทำหน้าที่เป็นระเบิดมนุษย์ พวกเขาได้ท้าทายขีปนาวุธและโดรนของอำนาจจักรวรรดินิยม
กองกำลังของจักรวรรดิสหรัฐฯ ขาดความผูกพันกับประชาชน และดินแดนที่ตนรุกราน พวกเขาเป็น ‘คนต่างด้าว’ ที่ทำงานตามเงื่อนไขของระยะเวลา ต้องการเพียงแสวงหาหนทางในการอยู่รอด อาชีพและตำแหน่งที่มั่นคง พวกเขาไม่มีแรงจูงใจ และเฝ้าคอยเพียงวันออกจากตำแหน่งพร้อมกับโบนัส และการปลดประจำการที่มีเกียรติเท่านั้น
ในทางกลับกัน นักสู้รบของกองกำลังต้านทาน ปรากฎตนในสมรภูมิในช่วงระยะเวลาที่จำเป็น ขณะที่พวกเขารุดหน้า พวกเขาก็เล็งเป้า และทำการรื้อถอนทหารรักษาการณ์และทหารรับจ้างของจักรวรรดิ พวกเขากระชากหน้ากากผู้ปกครอง ที่เป็นหนอนบ่อนไส้ให้แก่ข้าศึกของประเทศชาติ ซึ่งปฏิเสธที่จะมอบสิทธิและปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีพให้แก่ประชาชน – เช่น การจ้างงาน น้ำดื่ม และไฟฟ้า ฯลฯ
ขุนนางของจักรวรรดินิยมเหล่านี้ ไม่ปรากฎตัวในงานแต่งงาน หรือในวันหยุดนักขัตฤกษ์ หรืองานศพของประชาชน ซึ่งแตกต่างจากนักสู้จากกองกำลังต้านทาน การปรากฏตัวของกองกำลังต้านทานซึ่งมาทีหลัง ให้สัญญาณความจงรักภักดีต่อชาติด้วยความตาย พวกเขาเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระภายในเมือง และหมู่บ้าน และภายใต้การคุ้มครองของประชาชนในท้องถิ่น และในเวลากลางคืนพวกเขาปกครองภายใต้อิทธิพลของข้าศึก ด้วยการคุ้มครองของประชาชน ซึ่งคอยประสานข้อมูล และให้ความร่วมมือด้านแรงงาน
แรงจูงใจ ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และอาวุธเบา เป็นปัจจัยเบื้องต้น ที่สร้างพลังที่เข้มแข็งมากกว่า อาวุธสงคราม อย่างโดรน ขีปนาวุธ และการสังหารหมู่โดยเฮลิคอปเตอร์
แม้แต่ทหารรับจ้าง ซึ่งได้รับการฝึกฝนจากกองทัพพิเศษก็ละทิ้ง และทรยศต่อเจ้านายจักรวรรดินิยมของพวกเขา แนวทางการยึดครองชั่วคราวของจักดิวรรดินิยม กลับกลายเป็นสิ่งที่เอื้อไปสู่การจัดตั้งกลุ่มของกองกำลังต้านทาน ขณะที่นักสู้เหล่านี้มองว่า การยอมสงบศึกเป็นการทรยศต่อวิถีชีวิตดั้งเดิมของพวกเขา และเป็นการยอมจำนนให้แก่การยึดครองของตะวันตก และเจ้าหน้าที่ที่ทุจริต
อัฟกานิสถานเป็นตัวอย่างที่เด่นชัดของ “สงครามที่ขาดทุน” ของจักรวรรดินิยมนี้ หลังจากสองทศวรรษของสงคราม และการลงทุนกว่าหนึ่งล้านล้านดอลลาร์ เพื่อการใช้จ่ายทางทหาร ด้วยอีกจำนวนผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิตนับหมื่นราย กลุ่มตอลิบาน ในวันนี้ได้ละทิ้งนายแห่งจักรวรรดินิยม พวกเขาได้ควบคุมพื้นที่ส่วนใหญ่ในชนบทและในเมือง; เข้ายึดเมืองที่สำคัญ และระเบิดกรุงคาบูล และพวกเขาจะมีอำนาจควบคุมอย่างเต็มขั้นในวันที่สหรัฐฯออกไป
ความพ่ายแพ้ของกองทัพสหรัฐฯ เป็นผลของข้อบกพร่องอย่างร้ายแรง: นักวางแผนของฝั่งจักรวรรดินิยม ไม่อาจประสบความสำเร็จ ในการแทนที่คนพื้นเมือง ด้วยผู้ปกครองอาณานิคมและหนอนบ่อนไส้ในท้องถิ่นได้
สงครามไม่อาจไปสู่ชัยชนะได้ ด้วยกับอาวุธที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง และนำโดยขุนศึกที่ไม่ร่วมเป็นร่วมตายกับประชาชน ผู้ซึ่งไม่ได้แบ่งปันความเข้าใจในประเด็นเรื่องสันติและความยุติธรรมร่วมกัน
ประชาชนผู้ถูกกดขี่ ที่ถูกปลุกระดมด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ และความเสียสละ แสดงให้เห็นถึงความสามัคคีที่ยิ่งใหญ่กว่า เหล่าบรรดาทหารผลัดเวร ที่ปราถนาจะกลับคืนถิ่นของตน และแนวหน้าทหารรับจ้าง ที่เห็นแก่เงินดอลลาร์เป็นสำคัญ
บทเรียนความขาดทุนของสงครามราคาแพง ไม่ได้ถูกทบทวนโดยบรรดาผู้ที่โฆษณาอิทธิพลของอุตสาหกรรมทหาร ซึ่งได้รับผลกำไรจากการค้าอาวุธ แต่กลับพ่ายแพ้ให้แก่มวลชนแห่งมนุษยธรรม ด้วยอาวุธที่น้อยกว่า ทว่ามีจิตวิญญาณที่เปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้า ผู้ซึ่งแสดงให้เห็นถึงขีดความสามารถในการพิชิตชัยเหนืออำนาจของกองทัพจักรวรรดินิยม
ดาวและลายเส้นบนธงชาติสหรัฐฯ อาจกำลังปลิวสไลอยู่ในกรุงวอชิงตัน แต่มันกลับถูกพับเก็บอยู่อย่างน่าอนาถใจในสถานทูต ณ กรุงคาบูล ตริโปลี ดามัสกัส และในสมรภมิแห่งความพ่ายแพ้อื่นๆ
……………………..
แปลและเรียบเรียงจากบทความโดย ศาสตราจารย์ James Petras