เพรสทีวี – กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) กล่าวว่า มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐต่ออิหร่าน อาจนำไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจของโลกที่ลดลงในปีหน้า
ไอเอ็มเอฟกล่าวเมื่อวันพุธ (24 ก.ค.) ว่า การคว่ำบาตรอิหร่าน สงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา และความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการถอนตัวของสหราชอาณาจักรจากสหภาพยุโรป เป็นปัจจัยหลักสามประการที่ทำให้ไอเอ็มเอฟทบทวนแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจโลก
ไอเอ็มเอฟกล่าวในบล็อกของตนว่า การฟื้นตัวของการเติบโตระหว่างปี 2019-2020 จะขึ้นอยู่กับการเติบโตของประเทศที่ประสบปัญหาเศรษฐกิจตึงเครียดเช่นอิหร่าน
ไอเอ็มเอฟอ้างถึงผลกระทบของการคว่ำบาตรของสหรัฐต่ออุตสาหกรรมน้ำมันของอิหร่านในฐานะองค์ประกอบสำคัญที่อาจทำให้เศรษฐกิจโลกอ่อนแอในอนาคต
การคาดการณ์นี้เกิดขึ้นเนื่องจากวอชิงตันได้เพิ่มแรงกดดันทางเศรษฐกิจอย่างมากต่ออิหร่าน ตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ นำสหรัฐฯถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านในเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว
การคว่ำบาตรส่งผลกระทบต่อศักยภาพของอิหร่านในการเข้าร่วมการค้าและการลงทุนตามปกติกับประเทศอื่น ๆ ในขณะเดียวกันก็ทำให้อิหร่านต้องสูญเสียรายได้จากน้ำมันจำนวนมาก ซึ่งครั้งหนึ่งเคยถูกใช้เพื่อการพัฒนาและโครงการสาธารณูปโภค
เพื่อชดเชยผลกระทบของการคว่ำบาตร อิหร่านได้เริ่มดำเนินการโครงการต่างๆ เพื่อกระจายความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและช่วยเหลือการส่งออกที่ไม่ใช่น้ำมัน เพื่อพยายามเข้าถึงสกุลเงินต่างประเทศมากขึ้นในห้วงเวลาที่การส่งออกน้ำมันดิบลดลง