กาเร็ธ พอร์เตอร์ นักข่าวแนววิจัยและนักประวัติศาสตน์ชาวสหรัฐ อ้างอิงในหนังสือเล่มใหม่ของเขาเกี่ยวกับเหตุผล ในการโต้แย้งข้อหาที่ถูกเล่าขานจนเป็นตำนาน คือ “การพยายามครอบครองอาวุธนิวเคลียร์”
พอร์เตอร์ได้เขียนในหนังสือของตนในหัวข้อ “วิกฤติลวง:เรื่องเล่าความน่ากลัวของนิวเคลียร์อิหร่าน” สหรัฐและอิสราเอลทำอย่างไรในการสร้างหลักฐานเท็จเพื่อจะกล่าวหาอิหร่าน ว่า พยายามครอบครองอาวุธนิวเคลียร์
เขากล่าวว่า อิหร่านเองก็เล็งเห็นและพยายามสร้างความพร้อมในการป้องกันและรับมือจากการ โจมตีลับๆของอิสราเอล ในขณะที่สหรัฐและพันธมิตรได้ใช้สื่อตะวันตกสร้างความสงสยให้เกิดขึ้นอย่าง กว้างขวาง โดยใช้ความลับของโครงการพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติของอิหร่านไปขยายความใน ทางลบ
พอร์เตอร์ ได้ยืนยันในสาเหตุต่างว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐตระหนักดีถึงแรงจูงใจของพลเรือนอิหร่าน แต่พวกเขากลับออกมากล่าวหา ว่า เจตนารมณ์หลักของเตหะราน คือ พยายามที่จะครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ นอกจากนี้ยังได้เขียนว่า เป้าหมายทางการเมืองและยุทธศาสตร์ ของอิสฮาก ราบิน และ เนทันยาฮู สองนายกรัฐมนตรีของอิสราเอล คือ การตีพิมพ์ข่าวลือเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน ทั้งๆที่เจ้าหน้าที่อาวุโสจากหน่วยข่าวกรองของอิสราเอลก็ไม่ยอมรับเรื่อง อ้างอิงดังกล่าว
พอร์เตอร์กล่าวว่า จอร์จบุช อดีตประธานาธิบดีของสหรัฐได้คิดการใหญ่ คือ การเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองอิหร่าน โดยการแทรกแซงต่างๆ ในระดับขั้นต่ำสุด คือ กำหนดการโจมตีไปยังโครงการนิวเคลียร์อิหร่าน
เขาได้เขียนอธิบายสาเหตุเพิ่มเติมว่า สำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศกล่าวหาว่า อิหร่านได้เบี่ยงเบนออกนอกกรอบกติกาในโครงการนิวเคลียร์ของตน แต่ขณะเดียวกัน ความคิดเหล่านี้ก็ไม่ยังสามารถพิสูจน์ความถูกต้องได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
ในที่สุดสำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศจะต้องยอมรับ ว่า ได้มีการตรวจสอบเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์อิหร่านแล้ว แต่ก็ไม่พบหลักฐานใดๆของพฤติกรรมที่สามารถนำไปเชื่อมโยงกับข้อกล่าวหาเรื่อง การครอบครองอาวุธนิวเคลียร์