เพรสทีวี – ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน อายะตุลเลาะห์ ซัยยิด อะลี คาเมเนอี กล่าวในวันอังคาร (17 ก.ย.) ว่า อิหร่านจะไม่เจรจากับสหรัฐฯ ในทุกระดับ และเสริมว่านโยบายกดดันสูงสุดของสหรัฐฯ ต่อประเทศอิหร่านจะล้มเหลวไม่บรรลุเป้าหมาย
ผู้นำสูงสุดอิหร่านกล่าวว่า การเข้าเจรจากับสหรัฐฯ ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน จะเท่ากับการยอมจำนนต่อแคมเปญกดดันของวอชิงตัน
“การเจรจาต่อรองจะหมายถึง วอชิงตันเรียกร้องความต้องการของตนต่อเตหะราน มันจะเป็นการแสดงให้เห็นถึงชัยชนะของการแคมเปญกดดันสูงสุดของอเมริกา” ผู้นำอิหร่านกล่าว
“ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเจ้าหน้าที่อิหร่าน -รวมถึงประธานาธิบดี รัฐมนตรีต่างประเทศ และคนอื่นๆ- ได้แสดงความคิดเห็นอย่างเป็นเอกฉันท์คัดค้านการเจรจาใดๆ กับสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นในระดับทวิภาคีหรือพหุภาคี” คาเมเนอีกล่าว
อายะตุลเลาะห์ คาเมเนอี กล่าวว่า การเจรจากับอิหร่านจะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อสหรัฐฯ กลับมาสู่ข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2015 ซึ่งถูกละทิ้งเมื่อปีที่แล้ว และวอชิงตันได้ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่ออิหร่าน
“ หากสหรัฐอเมริกาถอนคำพูด กลับใจ และกลับไปสู่ข้อตกลงนิวเคลียร์ที่ตนละเมิด จึงจะสามารถมีส่วนร่วมในการลงนามข้อตกลงและเจรจากับอิหร่าน…ไม่เช่นนั้นก็จะไม่มีการเจรจาในทุกระดับ ระหว่างอิหร่านและอเมริกาทั้งในนิวยอร์กและที่อื่นๆ” ผู้นำสูงสุดอิหร่านกล่าว
คาเมเนอี ชี้ไปที่ข้อเสนอซ้ำๆ ของสหรัฐฯ เกี่ยวกับการเจรจา และความเห็นที่ขัดแย้งกันโดยเจ้าหน้าที่อเมริกันเกี่ยวกับเงื่อนไขสำหรับการเจรจาดังกล่าว
“ บางครั้งพวกเขาพูดถึงการเจรจาโดยไม่มีเงื่อนไข ในบางครั้งพวกเขาพูดถึงการเจรจาด้วย 12 เงื่อนไข ข้อความดังกล่าวเป็นผลมาจากนโยบายที่ยุ่งเหยิงของพวกเขา หรือวิธีการที่มุ่งสร้างความสับสนให้กับฝ่ายตรงข้าม” ผู้นำอิหร่านกล่าว
“ แน่นอนว่าสาธารณรัฐอิสลามจะไม่สับสน เพราะเส้นทางของเราชัดเจน และเรารู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่” อายะตุลเลาะห์ คาเมเนอี กล่าวเสริม
ผู้นำอิหร่านยังกล่าวอีกว่า นโยบายของสหรัฐเกี่ยวกับการกดดันสูงสุดประกอบด้วย “การลงโทษ การข่มขู่ และการพูดรุนแรง” ซึ่งมีขึ้นเพื่อนำอิหร่านเข้าสู่โต๊ะเจรจา
อย่างไรก็ตามกลยุทธ์ดังกล่าวล้มเหลวในการนำอิหร่านมาคุกเข่า คาเมเนอีกล่าวและเสริมว่า เป้าหมายของวอชิงตันในความพยายามเจรจากับเตหะรานก็คือ “เพื่อพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่านโยบายแรงกดดันสูงสุดนั้นได้ผล”