เริ่มจากวันเสาร์ที่ 13 กันยายน 62 ที่ผ่านมาซาอุดิอาราเบีย ถูกโจมตีด้วยจรวดจากโดรน ในตอนเช้าวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น การโจมตีได้ทำลายแหล่งผลิตน้ำมันหลายแห่งของซาอุดิอาราเบีย มีผลต่อการผลิตน้ำมันดิบป้อนสู่ตลาดโลกโดย ทำให้ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของซาอุฯลดลง 5.7 ล้านบาร์เรล ต่อวันหรือประมาณ 6 เปอร์เซ็นต์ ของการผลิตน้ำมันดิบโลก
เวลาต่อมากองกำลังฮูษีย์แห่งเยเมนออกมากล่าวอ้างความรับผิดชอบว่าต่อการโจมตีครั้งนี้ในฐานะคู่สงคราม โฆษกของกลุ่มฮูษีย์แถลงว่า กลุ่มได้ใช้โดรนจำนวน 10 ลำโจมตีสถานที่ผลิตน้ำมันหลายแห่งของซาอุ เพื่อตอบโต้ที่ซาอุโจมตีใส่กลุ่มฮูษีย์ในเยเมนในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
-ต่อมาในวันอาทิตย์ที่ 15 กันยายน 62 ปธน.ทรัมป์ได้ออกแถลงข่าวว่า “ตนมีเหตุผลที่เชื่อได้ว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังกระทำผิดที่ว่านี้”
-หลังจากนั้นวันจันทร์ที่ 16 กันยายน 2562 ปธน.สหรัฐโดนัล ทรัมป์ ก็ได้โพสต์ข้อความทวิตเตอร์ว่า “กำลังสหรัฐพร้อมที่จะตอบโต้จากการโจมตีแหล่งผลิตน้ำมันที่สำคัญของซาอุ ซึ่งมีผลต่อการผลิตน้ำมันดิบสู่ตลาดโลก” ซึ่งทางสหรัฐกำลังรอฟังข่าวจากซาอุฯว่าจะออกมาแถลงว่าใครอยู่เบื้องหลัง
-ในห้วงเวลาเดียวกัน นาย ไมค์ ปอมปิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐ ได้โพสต์ข้อความทวิตเตอร์ว่า”อิหร่านอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้”
-หลังจากนั้น ทรัมป์ก็ได้ออกมาแสดงความเห็นว่า “หากพวกคุณยังจำได้ อิหร่านเคยยิง โดรน(ของสหรัฐ)ตกมาแล้ว ในครั้งนั้น พวกเขาอ้างว่า โดรนได้รุกล้ำน่านฟ้าของพวกเขา ทั้งที่มันไม่เคยบินไปรุกล้ำน่านฟ้าของพวกเขาเลย มาครั้งนี้วกเขาก็อ้างอีกว่า พวกตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีในซาอุดิอาราเบีย ซึ่งเราจะได้เห็นกัน”
-จากนั้นวันเดียวกัน เบนจามิน เนทันยาฮู ก็ได้ออกมาแสดงความเห็นเช่นเดียวกัน ในเรื่องนี้เขาได้ให้สัมภาษณ์กับทางวิทยุกองทัพอิสราเอลว่า “ผมพร้อมจะดูแลความปลอดภัยของเราจากทั้ง 360 องศา และผมจะบอกกับพวกคุณว่า ตอนนี้เราพร้อมอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว”
-ปิดท้ายด้วยเวลาประมาณ 5 ทุ่ม โฆษกพรรคร่วมรัฐบาลซาอุก็ออกมาประกาศในทำนองเดียวกัน โดยนายตุรกี อัลมาลิกี ได้ออกแถลงว่า จรวดที่ยิงใส่อารามโก ไม่ได้มาจากเยเมน
มุมมองทางเลือก
1.ตรรกะของทรัมป์
ข่าวถูกประโคมออกมาจากสื่อแทบจะทุกสำนักทั้งในโลกอาหรับ และโลกตะวันตก จนแทบทะลักทั้งในทวิต และสำนักข่าวชั้นนำและรายงานกันไปในทิศทางเดียวกันหลังปอมปีโอพูด แต่จุดผิดสังเกตคือ ปอมปีโอพูดโดยยังไม่มีการอิงหลักฐานใดๆ ส่วนทรัมป์ก็ใช้ตรรกะง่ายๆว่า”ถ้าคราวก่อนพวกเขาทำโดรนเราตกแล้วปฏิเสธได้คราวนี้ก็เหมือนกัน” เรื่องรุกล้ำน่านฟ้า ไม่มีใครรัฐบาลไหนบอกแน่นอนว่า เครื่องบินตัวเองไปล้ำน่านฟ้าประเทศคนอื่น ถ้าจะใช้ตรรกนี้อิหร่านก็แย้งได้เหมือนกันว่าพฤติกรรมบินล้ำน่านฟ้าประเทศชาวบ้านของสหรัฐมีมานานแล้ว และทำไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง ถ้าจะใช้เรื่องนี้หาว่าอิหร่านโกหกคราวที่แล้ว คราวนี้ก็โกหกได้ ทางอิหร่านก็แย้งได้เหมือนกันว่า สหรัฐก็โกหกว่าไม่เคยบินล้ำน่านฟ้าใคร ทั้งๆที่ทุกคนก็รู้ๆกันอยู่ ถ้าที่ผ่านมาทำแบบนี้ได้ ครั้งนี้ก็ใส่ร้ายอิหร่านได้เหมือนกัน ส่วนโฆษกรัฐบาลซาอุที่ประกาศว่า จรวดไม่ได้ถูกยิงมาจากเยเมน ก็เป็นอับเดตข้อมูลที่ทุกคนรู้กันอยู่แล้วเพราะจรวดไม่ได้ถูกยิงจากประเทศเยเมน แต่ถูกยิงจากโดรน
2.มุมของสหรัฐฯและประเทศพันธมิตร
ตามที่เกริ่นข้างตนไปแล้ว ทางสหรัฐ ไม่เชื่อว่า การโจมตีแหล่งผลิตน้ำมัน เป็นฝีมือของกลุ่มฮูษีย์ ทางซาอุฯ อิสราเอล และประเทศพันธมิตรก็มีทัศนะไปในทางเดียวกัน โดยล่าสุดนักวิเคราะห์บางส่วนแสดงความเห็นว่า เหตุผลที่มองว่านี่เป็นฝีมือของอิหร่าน เพราะการจู่โจมระดับนี้ เป็นการจู่โจมที่ผู้กระทำมีศักยภาพในระดับกองทัพ ไม่ใช่กองกำลัง หรือ กลุ่มอย่างฮูษีย์
3.UN ยังไม่ได้ชี้ชัดว่า ใครเป็นคนโจมตี
นาย มาร์ติน กริฟฟิต (Martin Griffiths) ได้ออกแถลงในวันจันทร์ว่า “ตอนนี้ยังไม่มีการชี้ชัดว่า ใครเป็นผู้ลงมือโจมตีแหล่งน้ำมันดิบของซาอุดิอาราเบีย แค่การที่กลุ่มฮูษีย์ออกมารับผิดชอบการโจมตีครั้งนี้ก็ถือเป็นสถานการณ์เลวร้ายเพียงพอแล้ว”
4.มุมของอิหร่าน
ทางด้านอิหร่าน นายมูฮำหมัดญะวาด ซารีฟ รมต.ต่างประเทศอิหร่าน ได้ออกมาตอบโต้ ข้อกล่าวหาเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยเตฮรานได้ออกมาปฏิเสธและกล่าวว่า”นี่เป็นการโกหก/หลอกลวงขั้นสูงสุด” ซะรีฟได้อธิบายว่า คำกล่าวหาของทรัมป์เป็นการแสดงให้เห็นถึง ความพ่ายแพ้ในทางการเมือง และได้โพสต์ทวิตว่า
“ปอมปีโอ เปลี่ยนความล้มเหลวขั้นสูงสุด เป็นการหลอกลวงขั้นสูงสุด สหรัฐ และ ลูกค้า ติดหล่มยู่ในภาพลวงตาที่ทำให้คิดว่า สุดยอดอาวุธจะนำพวกเขาสู่ชัยชนะ การโทษอิหร่านไม่ได้ทำให้หายนะสิ้นสุดลง แต่การยอมรับข้อเสนอ 15 เมษาฯ เพื่อยุติสงคราม และเริ่มต้นเจรจา อาจเป็นไปได้”
เหตุผลที่รัฐมนตรีต่างประเทศกล่าวเช่นนี้ เป็นเพราะสหรัฐฯหนุนซาอุให้ทำสงครามเอาชนะกลุ่มฮูซีย์ในเยเมน แต่ไม่สามารถเอาชนะฮูษีย์ได้ พวกเขารับไม่ได้ที่จะยอมรับว่าซาอุฯแพ้ฮูษีย์ที่สามารถยันกองทำอาวุธไฮเทคของตนได้ จึงคิดว่า เหตุผลที่ไม่ชนะเพราะอิหร่านอยู่เบื้องหลังและคอยสนับสนุนกลุ่มฮูษีย์ มันฟังดูสมเหตุสมผลมากกว่าที่จะบอกว่า คนถือปืนโบราณ ที่ไม่ได้ฝึกหลักสูตรหน่วยรบพิเศษใดๆจะสามารถเอาชนะ นักรบปืนเอ็ม 16 ที่มีรถถึงคันละล้าน เรื่องนี้เหมือนกับว่าสหรัฐลืมไปว่ากองทัพ US เคยเจอประสบการณ์แบบนี้มาก่อน เพราะพวกเขาเคยสู้ไม่ชนะในสงครามเวียตนาม จนสุดท้ายต้องทิ้งระเบิดนาปาล์มลงปฐพี
จากนั้น นาย อับบาส มูซาวีย์ โฆษกประจำ รมต.ต่างประเทศอิหร่าน ก็ได้ออกมาแถลงข่าวในวันจันทร์ตอบโต้ต่อข้อกล่าวหาของสหรัฐว่า “มันไม่ใช่เรื่องใหม่อะไรเลยที่มีการสนับสนุนอาชญากรรมของซาอุฯอย่างมากมายในขณะนี้ เพราะก่อนหน้านี้ อเมริกาเคยให้ไฟเขียวซาอุในการบุกเยเมน ด้วยความคิดที่ว่าพวกเขาจะยึดเยเมนได้ภายในเวลาไม่กี่วัน และเพราะความคิดนี้เองที่ทำให้พวกเขาต้องติดหล่มอยู่ตรงนี้ 5 ปีแล้ว ที่เยเมนต้องเผชิญกับสงคราม รัฐบาลซาอุฯซึ่งได้รับการหนุนหลังจากประเทศตะวันตกได้ก่ออาชญากรรมทำให้ชาวเยเมนต้องเสียชีวิตมากมาย พวกเขาทิ้งระเบิดใส่งานศพ งานแต่ง โรงพยาบาล โรงเรียน และสถานที่อื่นๆในเยเมน เด็กนับล้านต้องหิวโหย ไร้บ้าน และได้รับบาดเจ็บ มันเป็นเรื่องปกติที่ชาวเยเมน และกองทัพเยเมนจะตอบโต้การจู่โจม เพื่อปิดฉากอาชญากรรมเหล่านี้”
4.มุมของกลุ่มฮูษีย์
ก่อนเหตุการณ์นี้ นายอับดุลมาลิก อัลฮูษีย์ เคยออกแถลงการณ์ กล่าวขอบคุณอิหร่านที่คอยสนับสนุนทางการฑูตต่อเยเมนอย่างสม่ำเสมอ และยังได้กล่าวว่า “ที่ผ่านมาอิหร่านไม่เคยแทรกแซง หรือ ออกคำสั่งอะไรกับเราเลย” ฮูษีย์ภาคภูมิใจที่นักรบของพวกเขาสามารถสกัดกองทัพระดับ GI ที่มีสหรัฐคอยหนุนหลังในศึกของตัวเอง และล่าสุดกองทัพฮูษีย์ ก็ได้ออกมาเผยให้เห็นว่า เครื่องบินโดรนของตนใช้งบลำละ 15,000 USD ไม่ได้นำเข้าจากนอก แต่เป็นมันสมองของฝ่ายเทคนิค ในมุมหนึ่งเราจะเห็นว่าประเด็นนี้รายงานไม่ตรงกันระหว่างสื่อตะวันตก กับ สื่อตะวันออก และมีบางมุมมองที่”เลือกนำเสนอ” อย่างไรก็ตาม ทางด้านซาอุยังไม่ได้เจาะจงว่าเป็นกลุ่มใดที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีแหล่งน้ำมัน แต่เจ้าชายมูฮำเหม็ดบิล ซันมาน ผู้นำรัฐบาลซาอุกล่าวว่า จะตอบโต้ต่อการกระทำในลักษณะการก่อการร้ายนี้ ดูเหมือนว่า สถานการณ์เยเมนจะยังคงยืดเยื้อต่อไป คงต้องรอติดตามดูว่า สหรัฐ ซาอุฯ เยเมน อิหร่าน จะออกมาตอบโต้กันอย่างไร
5.ทิ้งท้าย
เรื่องที่คนลืมกันไปแล้ว คือ ซาอุฯ บุกเยเมน เพราะชาวเยเมนกว่าล้านโค่นล้มรัฐบาลเงาของซาอุ เพราะการอยู่อย่างเป็นพลเมืองชั้นสองในประเทศของตนเอง ความยากจน และทรัพยากรที่ถูกซาอุฯดูดไปตลอดเวลาหลายสิบปี เรื่องที่สองคือ ทรัมป์ ถอนตัวเองจากข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่านในปี 2015 เองทั้งๆที่ P5+1 ทำข้อตกลงกันนิวเคลียร์แล้ว จึงทำให้อิหร่านตอบโต้ด้วยการยกเลิกพันธะบางส่วนในข้อตกลง และอีกเรื่องคือ ห้วงเวลา 10 ปี ตั้งแต่ปฏิวัติมะลิบาน จนถึงปัจจุบัน ในวงมุสลิมที่ใช้เรื่องนิกายเป็นข้ออ้างในการทำสงคราม มักอ้างว่า อิหร่าน หรือ ซาอุ เป็นพันธมิตรกับสหรัฐและอิสราเอล วันนี้คงเห็นกันแล้วว่า ใครเป็นพันธมิตรกับใคร เพราะยุทธศาสตร์ลับ-ลวง-พราง ในตะวันออกกลาง นำโดย IS ไม่สามารถใช้ได้อีกต่อไป( แม้จะมีข่าวเมื่อวานนี้ว่า ผู้นำ IS เรียกร้องนักรบที่หนีตาย ให้กลับมารบอีกครั้ง แต่ในทางยุทธศาสตร์ ทุกคนรู้ว่า IS แพ้ขั้นสูงสุด) เมื่อเบี้ยหมดกระดาน หมากตัวใหญ่ก็ต้องออกมาเดินเอง
source: www.npr.org