เมื่อวันอังคารที่ 10 ธันวาคม(ที่ผ่านมา) เป็นวันครบรอบปีที่สองของชัยชนะของอิรักต่อกลุ่มก่อการร้าย ISIS
อดีตนายกรัฐมนตรีอิรัก Haider al-Abadi ได้ประกาศให้วันที่ 10 ธันวาคม 2017 เป็นวันสิ้นสุดของ ISIS และเป็นวันแห่งชัยชนะเหนือกลุ่มก่อการร้ายนี้ วันนี้จึงได้รับการขนานนามอย่างเป็นทางการ ว่าเป็น “วันแห่งชัยชนะ” ในปฏิทินอิรักและเป็นวันหยุดราชการ
ดังนั้นเมื่อพิจารณาถึงความสำคัญของวันนี้ มีการออกแถลงการณ์เรียกร้องให้มีการชุมนุมประท้วงในพื้นที่ต่างๆโดยเฉพาะในกรุงแบกแดดในวันนี้
ดูเหมือนว่า การเรียกร้องในการชุมนุมครั้งนี้ ไม่ใช่เป็นการเรียกร้องความต้องการของประชาชน และการประท้วงต่อต้านรัฐบาลที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่จากพยานหลักฐานชี้ให้เห็นว่าอิรักในปัจจุบันกำลังเผชิญกับวิกฤตครั้งใหญ่ ซึ่งสามารถตั้ง 5 ข้อสังเกตดังนี้
ประเด็นแรก คือการเลือกเอาวันที่ 10 ธันวาคมสำหรับการเดินประท้วง
ในอีกด้านหนึ่ง วันที่ 10 ธันวาคมเป็นการเฉลิมฉลองชัยชนะครั้งใหญ่ของชาวอิรักเหนือกลุ่มผู้ก่อการร้าย ISIS อีกทั้งเป็นวันหยุดราชการ
Ahmed Mullah Talal ผู้ประกาศข่าวการเมืองของสำนักข่าว Al – Sharqiyah ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเบี่ยงเบนประชาชนในการประท้วง โพสต์บนทวิตเตอร์เกี่ยวกับเดินประท้วงในวันนี้โดยตั้งชื่อว่า “การเผชิญหน้าระหว่างประชาชนและนายัฟกับกลุ่มติดอาวุธ Hashed al-Shaabi “
การตั้งชื่อนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งเนื่องจากกลุ่มติดอาวุธ Hashid al-Sha’abi มีบทบาทที่สำคัญที่ไม่อาจปฏิเสธได้ในการต่อสู้กับการก่อการร้าย ISIS และตกเป็นเป้าหมายและการโฆษณาชวนเชื่อของสื่อในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา
ประเด็นที่สอง คือผู้ประท้วงบางคนประกาศอย่างชัดเจนว่า การประท้วงในวันนี้เป็นการปลุกระดมที่ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ซึ่งต้องการให้เกิดความรุนแรง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่เข้าร่วมในการเดินประท้วงในครั้งนี้
อย่างไรก็ตามฝ่ายต่อต้าน ยังคงรณรงค์อย่างหนักผ่านไซเบอร์สเปซเพื่อให้เข้าร่วมในการประท้วงในวันนี้
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ภายในเรือนร่างของสังคมอิรักไม่เพียง แต่จะไม่มีฉันทามติเกี่ยวกับการประท้วงในวันนี้เท่านั้น แต่ยังมีข้อสงสัยอย่างมากเกี่ยวกับเรื่องนี้
ในช่วงเวลาเดียวกันที่มีการรณรงค์เดินประท้วง นักกิจกรรมและแกนนำระดมผู้ประท้วงสองคนถูกลอบสังหารในจังหวัดกัรบาลาอ์
ประเด็นที่สาม คือปฏิกิริยาของบุคคลระดับสูงของอิรักบางคน พรรคและผู้อาวุโสทางการเมืองของอิรักส่วนใหญ่ให้การสนับสนุนการประท้วงอย่างสันติวิธี
อย่างไรก็ตามนาย Sheikh Qais al-Khuzali เลขาธิการของ Asaeb Ahl al-Haq ได้ออกมาเตือนการประท้วงในวันนี้และกล่าวว่าการประท้วงในวันนี้จะทำให้เกิดการก่อวินาศกรรมในวงกว้างและการเสียชีวิตจำนวนมาก
คำเตือนนี้ เกิดจากการรอบรู้ของเหล่าผู้นำทางการเมืองของอิรักที่ได้ตระหนักถึงแผนการใหม่ในการสร้างวิกฤตและความวุ่นวายระลอกใหม่ในประเทศ
ประเด็นที่สี่ คือการประท้วงในวันนี้เกิดขึ้นขณะที่องค์กรความโปร่งใสของอิรักประกาศเมื่อวานนี้ว่ามีการออกคำสั่งเรียกตัวเจ้าหน้าที่ในอดีตและปัจจุบันเกี่ยวกับข้อหาการคอร์รัปชั่นมากถึง 226 ครั้งในเดือนที่ผ่าน ซึ่งรวมถึงรัฐมนตรีคนปัจจุบัน 2 คน อดีตรัฐมนตรี 7 คน ส.ส. 7 คน และผู้ว่าราชการ 11 คน ทั้งคนปัจจุบันและอดีต
คำชี้ขาดเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่าศาลยุติธรรมอิรักได้เริ่มกระบวนการต่อสู้กับการทุจริตและการดำเนินการตามกระบวนการนี้เพื่อต้องการความมั่นคงทางการเมืองและสังคม แต่การเรียกร้องให้มีการประท้วงโดยเฉพาะการประท้วงที่มีสัญญาณของการสมรู้ร่วมคิดนั้นมันเป็นการ ขัดขวางการแสวงหาความต้องการของประชาชน
ประเด็นที่ห้า คือการมีส่วนร่วมของตัวละครจากต่างประเทศที่เข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของอิรักอย่างต่อเนื่อง
ในเรื่องนี้ ทางกระทรวงการต่างประเทศอิรักได้เรียกเอกอัครราชทูต อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมันและแคนาดาเข้าพบเมื่อวานนี้เนื่องจากพวกเขาได้แทรกแซงกิจการภายในประเทศ ซึ่งชาติเหล่านี้ได้เรียกร้องให้รัฐบาลอิรักสนับสนุนการชุมนุมประท้วงของประชาชน
source: parstoday