(เปิดประวัติ ชะฮีด นายพล กอซิม สุไลมานี ผู้บัญชาการกองทัพปลดปล่อยปาเลสไตน์) ฮัจญี กอซิม สุไลมานี ผู้บัญชาการฝ่ายธรรมะที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยในการต่อสู้กับแนวรบฝ่ายอธรรม ได้เสียชีวิต(เป็นชะฮีด)ในรุ่งอรุณวันนี้ (3 มกราคม 2563) จากการที่เฮลิคอปเตอร์ของสหรัฐได้ยิงมิสไซล์โจมตีรถยนต์ของเขาในบริเวณรอบสนามบินแบกแดด
ชะฮีด นายพล กอซิม สุไลมานี เกิดในปี 1957 ที่หมู่บ้าน Qanat Malek ในหมู่บ้านเชิงเขาในจังหวัดเคอร์มาน ( Kerman) ตอนอายุ 12 ขวบ เขาออกจากบ้านเกิดของเขาหลังจากจบการศึกษาระดับประถมศึกษาและเข้าทำงานก่อสร้างในเมืองเคอร์มาน หลังจากนั้นเขาทำงานเป็นผู้รับเหมาสำหรับการประปาและเริ่มกิจกรรมการปฏิวัติในปีเดียวกัน
เขาเข้าร่วมกับกองกำลังปฏิวัติอิสลาม หลังจากชัยชนะของการปฏิวัติ ในตอนต้นของสงครามเขาได้เป็นผู้บังคับบัญชาสั่งสองกองพลแห่งกองทัพเคอร์มาน จนกระทั่งได้รับคำแนะนำจากนายพล Hassan Bagheri จึงได้จัดตั้งกองทหารใหม่ของกองทหารเคอร์มาน ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานก็ได้เลื่อนตำแหน่งให้ไปประจำการในกองพันซาร็อลลอฮ์ 41 (Tharallah) ซึ่งคลอบคลุมถึงจังหวัดเคอร์มาน บาลูจิสถานและฮอร์มุซกอน
ในระหว่างสงครามปกป้องอันศักดิ์สิทธิ์ท่านได้เข้าร่วมกับกองพันภายใต้คำสั่งของเขาในการปฏิบัติการต่างๆอย่างมากมาย รวมถึง Walfar 8 , Karbala 4, Karbala 5 และ Tek Shalamcheh
กองพัน 41 Tharallah ควรได้รับการเรียกว่าเป็นแนวรบพิฆาตของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติในสมัยสงครามปกป้องอันศักดิ์สิทธิ์ซึ่งกองกำลังนี้มีบทบาทสำคัญมากในการปฏิบัติการที่สำคัญเช่น Walfajr 8, Karbala 5 และอื่น ๆ
หากเพื่อนหลายคนของนายพล กอซิม สุไลมานี ถือว่าสงครามในช่วงฤดูร้อน (ปี 67 ของอิหร่าน) ได้สิ้นสุดลง แต่สำหรับเขาแล้วมันเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ในสนามรบ
สืบเนื่องจากการที่เขาปรากฏตัวในพรมแดนตะวันออกและมีประวัติความเป็นมาอย่างโชกโชนในการปราบปรามยาเสพติด สิ่งผิดกฎหมาย และโจรชั่วตามแนวพรมแดนอิหร่าน – อัฟกานิสถาน ในที่สุด อยาตุลลอฮ์ อาลี คาเมเนอี เรียกตัวไปยังกรุงเตหะรานโดยและได้มอบหมายให้ทำหน้าที่ผู้บัญชาการกองกำลังปลดปล่อยปาเลสไตน์
จุดเด่นของนายพล กอเซ็ม สุไลมานี ผู้บัญชาการกองกำลังปลดปล่อยปาเลสไตน์คือการเสริมความแข็งแกร่งของกองกำลังฮิซบุลเลาะห์และกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์ ซึ่งเราได้ประจักษ์ถึงการมีอิทธิพลอย่างรูปธรรมของเขาในสงครามหลายต่อหลายครั้ง รวมถึงสงคราม33 วัน ระหว่างฮิซบุลเลาะห์กับยิวไซออนิสต์ และชัยชนะของเหล่านักรบชาวปาเลสไตน์ในสงคราม 22 วันในกาซ่าที่มีเหนือกองทัพยิวไซออนิสต์
ในความเป็นจริงแล้ว นายพลกอซิม สุไลมานี สามารถทำตามกลยุทธ์ของสาธารณรัฐอิสลามในการช่วยเหลือกลุ่มติดอาวุธต่อต้านอิสราเอลและดำเนินการต่อไปบนเส้นทางนี้อย่างต่อเนื่อง
ในปี 1389 (ปีอิหร่าน) เขาได้รับการเลื่อนยศเป็นนายพลโดยผู้บัญชาการทหารสูงสุด อยาตุลลอฮ์ อาลี คาเมเนอี แต่ในความคิดเห็นของประชาชนเขายังคงถูกเรียกอย่างกว้างขวางว่าเป็นฮัจญี กอซิม “Haj Qassim”
เรื่องราวมันไม่ได้จบลงเพียงเท่านั้น ด้วยการสมรู้ร่วมคิดครั้งใหม่ของตะวันตกและการสนับสนุนทางการเงินของบางประเทศ เช่น ซาอุดิอาระเบีย ซึ่งนำไปสู่การก่อตัวของกลุ่มก่อการร้ายไอซิส ตักฟีรีย์ และ Jabhat al-Nusra ในภูมิภาค ทำให้นายพลกอซิม ได้รับภารกิจใหม่ในการนี้ นั้นคือการเผชิญหน้ากับภัยคุกคามเหล่านี้ทั้งในอิรักและซีเรีย
นายพล กอซิม สุไลมานี ได้ก่อตั้งกองกำลัง ฮัชด์ ชะอ์บี (Hashed al-Sha’abi) ในอิรักและ กลุ่ม “กองกำลังปกป้องมาตุภูมิ” ในซีเรีย และด้วยความช่วยเหลือและคำแนะนำของเขา และกองกำลังปลดปล่อยอัลกุดส์ ภายในระยะเวลาหกปี สามารถกวาดล้างผู้ก่อการร้ายในสองประเทศจนหมดสิ้นไป
ในความเป็นจริงแล้ว เขาและกองกำลังของเขาซึ่งเดินทางไปยังทั้งสองประเทศก็เป็นไปตามคำร้องขออย่างเป็นทางการของรัฐบาลซีเรียและอิรัก ซึ่งสามารถป้องกันการล่มสลายของดามัสกัสและแบกแดด และเขาก็มีบทบาทสำคัญในการนำรัสเซียและปูตินเข้ามาสู่สนามรบในซีเรียหลังจากที่เดินทางไปยังมอสโก
และอาจเป็นไปได้ว่าหนึ่งในเป้าหมายหลักของศัตรูสำหรับการล่มสลายของซีเรียคือการตัดความสัมพันธ์ระหว่างอิหร่านและฮิซบุลเลาะห์ของเลบานอน แต่ด้วยความพ่ายแพ้ของ ISIS และบทบาทของ กองกำลังปลดปล่อยปาเลสไตน์ในซีเรียและอิรัก วงแหวนที่แข็งแกร่งที่เรียกว่า “วงแหวนแห่งการยืนหยัดต่อสู้” ก็ได้ก่อตัวขึ้น โดยเป็นการเชื่อมโยงเส้นทางอิหร่าน อิรัก ซีเรีย เลบานอนและปาเลสไตน์
ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับความต้องการของสหรัฐอเมริกาและอิสราเอล แต่ภายใต้คำสั่งและการบัญชาการของนายพลกอซิม สุไลมานีในส่วนลึกของสนามและการจัดตั้งกองกำลังของประชาชนในซีเรียและอิรัก ทำให้สิ่งนี้กลายเป็นความจริง และมันนำมาซึ่งการสร้างความเชื่อมโยงและความสัมพันธ์เป็นอันหนึ่งเดียวกันระหว่าง กองกำลัง ฟาตีมียูน ซัยนะบียูน ฮัยดารียูน และอื่นๆ…
บทบาทที่ไร้เทียมทานของผู้บัญชาการ นายพลกอซิม สุไลมานี้ในการบริหารจัดการภูมิภาคและเผชิญหน้ากับศัตรู ทำให้เขาได้รับฉายาว่า “ผู้บัญชาการที่ไร้เงา “ “บุคคลผู้มีอิทธิพลมากที่สุดในตะวันออกกลาง” และ “ฝันร้ายของอิสราเอล” จากอเมริกาและอิสราเอล
การปรากฏตัวที่มีประสิทธิภาพของฮัจญี กอซิม ( Haj Qassim )ในการต่อสู้กับ ISIS และความพ่ายแพ้ของการสมรู้ร่วมคิดของระบอบอิสราเอลในภูมิภาคนี้ ทำให้เขาได้รับตราสัญลักษณ์ทางทหารที่สูงที่สุดของอิหร่านชื่อว่า Zulfiqar จากท่านผู้นำสูงสุด อยาตุลลอฮ์ อาลี คาเมเนอี
และแล้วในที่สุด ฮัจญี กอซิม สุไลมาน ผู้บัญชาการฝ่ายธรรมะที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยในการต่อสู้กับแนวรบฝ่ายอธรรม ได้เสียชีวิต(เป็นชะฮีด)ตามความปรารถนา ในรุ่งอรุณวันนี้ (3 มกราคม 2563) จากการที่โดรนของสหรัฐได้โจมตีรถยนต์ของเขาในบริเวณรอบสนามบินแบกแดด