สงครามทางทหารของซีเรียกับผู้ก่อการร้ายข้ามชาติได้เข้าสู่ปีที่สิบ นับตั้งแต่วันนี้ ( 16 มีนาคม 2020)
การประท้วงต่อต้านรัฐบาลในซีเรีย เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2011 ตามสถานการณ์ของอาหรับสปริงในประเทศอาหรับอื่น ๆ
ความแตกต่างที่สำคัญที่สุดระหว่างสถานการณ์ในซีเรียและประเทศอาหรับอื่น ๆ คือ การประท้วงในซีเรียกลายเป็นสงครามทางทหารกับกลุ่มก่อการร้ายผ่านการแทรกแซงของแกนนำ ตะวันตก / อาหรับ / ฮิบรู / และตุรกี
เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้สถานการณ์ของซีเรียหลุดออกจากการประท้วงในประเทศและกลายเป็นความรุนแรงด้วยการเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อการร้ายต่างๆจาก 80 กว่าประเทศ เป็นผลให้สถานการณ์ในประเทศนี้แตกต่างจากประเทศอาหรับอื่น ๆ และรัฐบาลของซีเรียไม่ได้เผชิญหน้ากับชาวซีเรียเกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศ แต่กลับเผชิญหน้ากับกลุ่มคนที่รับเงินจากต่างประเทศในการต่อสู้กับรัฐบาลซีเรีย
กลุ่มสิทธิมนุษยชน เปิดเผยสถิติตัวเลขผู้เสียชีวิตล่าสุดในสงครามกลางเมืองในซีเรียว่า อย่างน้อย 384,000 คนถูกฆ่าตายในประเทศในช่วงสงคราม 9 ปี ที่ผ่านมา มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายแสนคนและผู้ลี้ภัยประมาณ 12 ล้านคนต้องพลัดพรากจากบ้านเกิดเมืองนอน แม้ว่าเป้าหมายของสงครามก่อการร้ายคือการโค่นล้มระบอบการปกครองของซีเรียและแม้กระทั่งทำลายภูมิศาสตร์ของประเทศ แต่ในภาคปฏิบัติแล้วเป้าหมายเหล่านี้ไม่บรรลุผล และชาวซีเรียตกเป็นเหยื่อรายใหญ่ที่สุดของสงครามครั้งนี้ ซึ่งผู้อ้างตนสนับสนุนประชาธิปไตยและผู้พิทักษ์สิทธิมนุษยชนต่างให้การหนุนหลังสงครามในครั้งนี้ทั้งสิ้น
เกียร์ปีเตอร์เสน ผู้แทนพิเศษของยูเอ็นในกิจการเกี่ยวกับซีเรีย กล่าวว่า “ ความทุกข์ทรมานที่คนซีเรียประสบในทศวรรษที่น่าเศร้าและน่ากลัวนี้ อยู่เหนือความเข้าใจ และไม่อาจที่จะรับได้ ”
กองทุนเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) เพิ่งนำเสนอรายงานหลังจากสิ้นสุดสงครามกลางเมืองซีเรียที่ยาวนานถึง 9 ปี ว่า “ผลของสงครามในซีเรียคือ เด็กๆชาวซีเรียจะเสียชีวิตทุก ๆ 10 ชั่วโมง ” จากสถิติขององค์การยูนิเซฟที่เปิดเผยในวันที่ 9 มีนาคม ระบุว่า นับจากปี 2014 ถึงสิ้นปี 2019 จำนวนเด็กที่ถูกสังหารในสงครามนี้มากถึง 5427 คน
ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่ามีเด็กมากกว่า 5 ล้านคนที่ต้องการความช่วยเหลือในซีเรีย และเด็กราว 2.5 ล้านคนหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้าน นอกจากนี้ประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ของประชากรที่เหลืออยู่ในซีเรียนั้นอยู่ในเกณฑ์ต่ำกว่าระดับความยากจน
สงคราม 9 ปี ในซีเรีย กำลังจะจบลงด้วยการที่กองทัพซีเรียกำลังควบคุมสถานการณ์ในภาคสนามและกำลังรุกคืบและต่อสู้ครั้งสุดท้ายกับกลุ่มก่อการร้าย และกำลังจะเข้ายึดเมืองอิดลิบคืนจากกลุ่มก่อการร้าย ซึ่งจังหวัดอิดลิบถูกควบคุมและยึดครองโดยกลุ่มก่อการร้าย ตะห์รีรุล ชาม (อดีต กลุ่ม นุสราฟรอนต์) ตั้งแต่ปี 2015 และถือว่าเป็นฐานที่มั่นสุดท้ายของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลบาชาร์ อัล-อัสซาด
กองทัพซีเรียได้รุกคืบและตั้งหลักอยู่ห่างจากอิดลิบ ราว 7 กิโลเมตร ซึ่งเป็นจุดที่ตุรกีทำการโจมตี เพื่อป้องกันและสกัดไม่ให้กองทัพซีเรียได้รับชัยชนะอย่างสมบูรณ์ ทางด้านแกนตะวันตกที่นำโดยสหรัฐฯได้ล้มเหลวในการโค่นล้มรัฐบาลบาชาร์ อัล-อัสซาด และได้พยายามขัดขวางกระบวนการทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งสร้างความแตกแยกภายในโดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างชาวเคริด์ และรัฐบาลซีเรีย ส่วนแกนอาหรับยอมรับในความพ่ายแพ้และความล้มเหลวในการบรรลุเป้าหมายของในซีเรีย จึงพยายามดำเนินกระบวนการนำดามัสกัสเข้าสู่สันนิบาตอาหรับอีกครั้ง
คาดการณ์ว่า ปีที่สิบของสงครามในซีเรีย ดูเหมือนว่าจะเป็นการสิ้นสุดของสงครามครั้งนี้ และกระบวนการทางการเมืองของตะวันตกที่นำโดยสหรัฐฯ
source: https://aawsat.com
https://parstoday.com/fa/middle_east-i183559
image: trtworld
