สำนัก ข่าวอาหรับว่า ได้รายงานข่าวไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาว่า ขณะนี้กลุ่มก่อการร้าย ISIL (ISIS หรือ ดาอิช) มุ่งหน้าสู่ทางตอนใต้ของชายแดนซาอุดิอาราเบีย โดยผ่านทางทะเลทรายของจังหวัดอัมบาร และเข้ายึดด่าน อัรอัร (Arar) บริเวณจังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งเป็นแผ่นดินของประเทศซาอุดิอาราเบียไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยได้เข้าโจมตีทั้งด้านอิรักและซาอุในเวลาเดียวกัน
สำนักข่าว mashreghnews ของอิหร่านรายงานอ้าง สำนัก ข่าวอัลฮะยาต (Alhayat) ของอาหรับรายงานว่า ดาอิชได้วางกำลังหน่วยต่างๆ ไว้ในเมืองอัมบาร และก่อนหน้านี้ ก็ได้เข้ายึด บริเวณทารีบิล อัลวะลีด ในชายแดนอิรัก ซีเรีย ซึ่งการมุ่งหน้าสู่ทางตอนใต้ในทะเลทรายภาคตะวันตกของอิรัก ทำให้ดาอิช ได้มาถึง ชายแดนของซาอุดิอาราเบีย และเข้ายึดจังหวัดชายแดนใต้อัรอัร ในเวลาต่อมา
สื่ออัลฮะญาต
อิหร่านและซีเรียต่าง ก็เคยย้ำเตือน เหล่าประเทศที่คอยให้การสนับสนุนกลุ่มตักฟีรีย์เหล่านี้มาโดยตลอด เพื่อที่จะได้ไม่สุมไฟเข้าบ้านของตัวเอง แต่ทว่าในตอนนี้อันตรายของกลุ่มก่อการร้ายเหล่านี้ กำลังนำอันตรายมาสู่พวกเขาเองเสียแล้ว ซึ่งภายหลังจากที่ดาอิช ได้บุกจังหวัดอัรอัร ทางกองทัพจอร์แดน ก็ได้สั่งเพิ่มจำนวนทหารให้ประจำอยู่บริเวณชายแดนอิรัค แต่ที่น่าแปลกใจก็คือ ทางการซาอุยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ ต่อการรับมือกับกลุ่มก่อการร้ายเหล่านี้ และยังไม่ประกาศการต่อต้านใดๆ
แต่กระแสข่าวอินเตอร์เน็ต ในประเทศซาอุ กำลังพุ่งขึ้นสูง เนื่องจากการปรากฎตัวของกลุ่มก่อการร้ายในเขตแดน
ที่น่าแปลกใจก็คือเหล่าผู้นำกลุ่มรัฐอิสลามอิรักและชามนั้นล้วนแล้วแต่สังกัดมัซฮับวะฮาบีย์ โดยเฉพาะ อบูบักร์ แบกดาดีย์ ทว่า หนึ่งปีก่อนหน้านี้ภายหลังจากที่ราชวงศ์ซาอุได้เข้าควบคุมกลุ่มตักฟีรีย์ อย่าง ญับฮาตุนนุศเราะฮ การเฝ้าระวังตัวแทนคนใหม่ของบินลาเดน และการยึดอำนาจในแผ่นดินอิสลามเริ่มดำเนินไปสู่ความรุนแรงมากขึ้น และระหว่างดาอิช กับ ญับฮาตุนนุศเราะฮ เริ่มมีความเห็นขัดแย้งและไม่ลงรอยกัน
อัย มัน ซะวาฮีรีย์ หัวหน้า กลุ่มอัลกออิดะฮ์ คนปัจจุบันก็เป็นคนหนึ่งที่สนับสนุนข้างราชวงศ์ และยังได้ขอให้ อบูบักร์ แบกดาดีย์ ยอมรับการบังคับบัญชาจากราชวงศ์และนุศเราะฮ แต่ดูเหมือนว่า แผนของราชวงศ์จะไม่ได้เป็นไปอย่างที่วางไว้ เพราะ อบูบักร แบกดาดีย์ ถือว่าตัวเองมีคุณสมบัติที่จะเป็นคอลีฟะฮ์ แห่งรัฐอิสลามอิรักและชาม เกมอันนี้ทำให้ราชวงศ์ลดการสนับสนุนให้กับกลุ่มตักฟีรีย์ลง
ส่วน ในอิรัก กลุ่มผู้มีอำนาจ นายพลที่ภักดีต่อซัดดัม ก็เริ่มปรากฎตัวในฐานะผู้บัญชาการของกลุ่มดาอิช แน่นอนการเข้าร่วมของผู้บัญชาการเหล่านี้ ทำให้หลายๆ คนต้องตั้งข้อสงสัยถึงความเปลี่ยนแปลงของดาอิช เพราะ ซาอุถือว่า ซัดดัมและพรรคบาธ คือผู้หักหลังและทรยศ
อะนัส ฮะซัน นักวิเคราะห์ ชาว ซาอุดี อ้างว่า “สาเหตุที่ดาอิชได้บุกโจมตีซาอุดิอาระเบียนั้น มาจากปัญหาความขัดแย้งในเรื่องผู้นำในอนาคตของประเทศอิรัก โดยเหล่าผู้นำซาอุได้ตั้งเงื่อนไขว่า ผู้นำในประเทศใหม่นี้จะต้องให้พวกเขาเป็นคนกำหนด ”
นอกจากนี้บางส่วนมีความเห็นว่า การโจมตีของดาอิช ครั้งนี้ ก็เพื่อเตือนในซาอุ รู้ถึงสถานะของตัวเอง
ทาง ด้าน มุฟตีย์ซาอุ ก็เริ่มออกมาเคลื่อนไหว โดยการประกาศสาส์นไปตามอินเตอร์เน็ต เช่นมุฟตีย์ อับดุลลอฮ กะตอนีย์ เขาได้โพสต์ในโซเซียล ว่า
” ถ้าหากพวกท่านเป็นมุญาฮิดินอย่างแท้จริง ก็จงบุกโจมตีอิหร่าน ถ้าหากพวกท่านเป็นชายชาตรี อย่าได้บุกโจมตีซาอุดิอาราเบีย เพราะทุกคนที่นี่เป็นมุสลิม
จงดูพวกเหล่านี้เถิด กำลังไปสู่ทางที่หลงผิด แทนที่คนเหล่านี้จะพูดว่า “จงบุกโจมตีอิหร่าน” พวกเขากลับพูดว่า “จงบุกโจมตี ซาอุดิอาราเบีย”
การที่กลุ่ม ISIS สามารถทะลวงเข้าในเขตชายแดนเมืองอัรอัร ของประเทศซาอุดิอาราเบียได้ เป็นการแสดงให้เห็นว่า คนกลุ่มนี้ มีอาวุธยุทโธปกรณ์เพียงพอที่จะตีด่านชายแดนให้แตกได้
ในเวลานี้เอง ซาอุดิอาราเบีย กำลังถูกโหมกระหน่ำโจมตีอย่างหนัก ทั้งในด้านการเมืองและสื่อ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
อิรัก และซาอุดิอาราเบีย มีชายแดนติดกัน มากกว่า 800 กิโลเมตร ซึ่งเขตที่มีความกว้างมากกว่า คือ จังหวัด อัมบาร ซึ่งเป็นเคยเป็นจุดที่ ซาอุดี ได้เปลี่ยนให้กลายเป็นฐานของดาอิช เพื่อที่จะได้ส่งทหารตักฟีรีย์เหล่านี้ ไปทำสงครามในซีเรีย ทว่า สถานการณ์ในตอนนี้ กลุ่มดาอิชที่ได้สนธิกำลังกับพรรคบาธในอดีต ได้เข้ายึดบริเวณชายแดนซาอุดิอาราเบีย 112 กิโลเมตร และก็เป็นไปได้ว่า จอร์แดนอาจจะเป็นประเทศที่อยู่ภายใต้การปกครองระบอบคอลิฟะฮ์ ในศตวรรษที่ 21
อบูบักร์ แบกดาดีย์ ถือว่า ตัวเขาเองนั้น เป็นผู้สืบทอดเจตนารมณ์ของ อุสามะฮ์ บินลาเดน และเป็นผู้ที่เหมาะสมจะมาแทนที่ บินลาเดน ที่สุด และซึ่งผู้ก่อการร้ายเหล่านี้ได้ยกเขาให้มีตำแหน่งเป็น “คอลีฟะฮ์”