สภาพแวดล้อมและบรรยากาศรอบๆ เสมือนหนึ่งสงครามสำหรับมนุษยชาติ จะมีความต่างตรงที่ว่า ศัตรูปัจจุบันคือไวรัสขนาด 5 มก. ซึ่งหากเมินเฉยและไม่จริงจังในการป้องกันและกำจัด ก็สามารถที่จะสร้างความเสียหายได้มากกว่าสงครามใด ๆ ในโลกที่เคยเห็นมา
ตอนนี้เรากำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากจากการแพร่ระบาดและคร่าชีวิตของไวรัสโคโรน่า ซึ่งความวิตกกังวลต่างๆนานาของผู้คนในโลกหลังยุคโคโรน่า ก็ได้กลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้คนในหลาย ๆ ด้าน
วิกฤตการณ์โคโรน่าจริงๆแล้ว เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ลึกซึ้งและจริงจังกับการจัดระเบียบโลกใหม่ บางทีความกลัวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษย์ในตอนนี้คือ ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอย่างรุนแรง ซึ่งส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของผู้คนทั่วทุกมุมโลก
มีการปรับตัวทางเศรษฐกิจให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นและมีความพยายามที่จะพึ่งพาตนเองให้มากขึ้น ในขณะที่ประเทศส่วนใหญ่ต้องการเครื่องมือทางการแพทย์หรือแม้กระทั่งอาหาร มันอาจเป็นเส้นทางที่สดใสสำหรับอนาคตหลังไวรัสโคโรน่าก็เป็นได้
อย่างไรก็ตาม แม้โลกจะมีความหวาดกลัวมากกว่าที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์ แต่สถานะของสงครามนี้อาจเป็นหน้าต่างแห่งความหวังสำหรับประชาชนที่ผ่านสงครามมาหลายครั้ง และในสถานการณ์ดังกล่าวนี้ ด้วยความเป็นน้ำหนึ่งเดียวกัน สามารถวางแผนการใหม่ ยอมรับการเปลี่ยนแปลงใหม่ได้ และก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในโลกของตัวเอง
อย่างไรก็ตาม ณ ตอนนี้ การยอมรับโลกใหม่อาจเป็นเรื่องยาก หรืออาจจะดูน่าเบื่อ แต่มันก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ สถานการณ์ที่คล้ายกันตลอดประวัติศาสตร์แสดงให้เห็นว่า ผู้คนสามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ ความหลากหลายที่แตกต่างกัน และแม้แต่สร้างอารยธรรมและโลกที่แข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม
โลกที่ บางที หลังจากเกิดวิกฤติครั้งใหญ่ที่เรียกว่าไวรัสโคโรน่า อาจจะเป็นโลกที่ปราศจากเงามืดของสหรัฐอเมริกา เงามืดของรัฐบาลที่แอบอ้างในการยึดครองอำนาจโลกมาหลายทศวรรษ และด้วยกับความประมาทอย่างสมบูรณ์ การไม่ตระหนักถึงสถานการณ์และการดำเนินการที่ผิดพลาดเกี่ยวกับสุขภาพของประชาชน และในสถานการณ์เช่นนี้ มันจึงเป็นตัวกำหนดชะตากรรม ไม่เพียงแต่ตัวเองถูกโดดเดี่ยวเท่านั้น แต่ด้วยการทำลายความน่าเชื่อถือในระดับระหว่างประเทศ จะทำให้บรรดาผู้สนับสนุนพวกเขา (ที่ภาพภายนอกอาจดูว่าสนับสนุนพวกเขา) ก็จะผลักดันพวกเขาไปสู่การล่มสลายก็เป็นได้ …. !
source: nournews