กระทรวงศึกษาธิการตุรกีเปิดเผยข้อมูลที่น่าตกใจ ระบุเยาวชนตุรกีมีแนวโน้มต่อต้านศาสนาอิสลามเพิ่มมากขึ้น โดยยอมรับว่าตนเองไม่ให้ความสำคัญกับอิสลามเหมือนกับคนรุ่นก่อนๆ ซึ่งสวนทางกับการผลักดันนโยบายสร้างประชาชาติอิสลามขึ้นในตุรกี ของประธานาธิบดี เรเซพ ตายยิบ เออร์โดกาน ตลอดระยะเวลาเกือบ 20 ปี
ปธน.เออร์โดกาน พยายามเปลี่ยนตุรกีที่ปัจจุบันเป็นรัฐเซคิวลาร์ ให้กลับไปสู่รูปแบบสังคมอนุรักษ์นิยมที่ให้ความสำคัญกับศาสนาแบบจักรวรรดิออนโตมานในอดีต โดยตั้งเป้าที่จะสร้าง ‘ประชาชาติอิสลาม’ เพื่อเป็นรากฐานในการสร้างอารยธรรมใหม่ ถึงขนาดพรรคการเมืองฝ่ายค้านเรียกขานเขาว่าเป็น ‘ว่าที่คอลีฟะห์’
อย่างไรก็ตาม มหาวิทยาลัย Sakarya ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการของตุรกี ได้ทำการศึกษาวิจัยหลักสูตรการเรียนการสอนด้านศาสนาอิสลามในระบบการศึกษาตุรกี กลับพบว่านักเรียนนักศึกษา “ต่อต้านหลักสูตรภาคบังคับเกี่ยวกับศาสนาอิสลาม นโยบายสร้างประชาชาติอิสลามของรัฐบาล รวมไปถึงแนวคิดคำสอนเกี่ยวกับศาสนาอิสลามอย่างสิ้นเชิง
โดยเกือบครึ่งหนึ่งของคณาจารย์ที่ให้สัมภาษณ์เปิดเผยว่า ลูกศิษย์ของพวกเขาระบุว่าตนเองเป็น เอทิสต์ ดีอิสต์ และเฟมินิสต์ มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ทั้งยังคัดค้านหลักสูตรการเรียนการสอนศาสนาอิสลามในรั้วโรงเรียน
นอกจากนี้ผลสำรวจในปี 2019 ยังพบว่า ประชากรตุรกีอายุระหว่าง 15-29 ปี ยังระบุว่าตนเองให้ความสำคัญกับศาสนาอิสลามน้อยกว่าคนรุ่นก่อน และยังมีศาสนาน้อยกว่ากลุ่มคนช่วงอายุเดียวกัน ในทศวรรษก่อนหน้า ผู้ตอบแบบสอบถามยังระบุว่า พวกเขาไม่เห็นความสำคัญที่จะต้องคลุมฮิญาบ ละหมาด หรือถือศีลอดในเดือนรอมฎอน
กระแสการถอยห่างจากศาสนาอิสลามของเยาวชนตุรกี เป็นไปตามเทรนด์ที่พบเห็นได้ในหลายประเทศอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตามหลายฝ่ายได้ตั้งข้อสังเกตว่า สิ่งดังกล่าวอาจเป็นผลสะท้อนกลับจากนโยบายผลักดันในการสร้างแบรนด์ ‘การเมืองแบบอิสลาม’ ของพรรค AKP ให้เกิดขึ้นในตุรกี ตลอดระยะเวลาเกือบ 2 ทศวรรษ
source: https://www.theguardian.com