ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาขณะนี้ ถือเป็นเหตุการณ์ที่มีความรุนแรงครั้งประวัติการณ์ในรอบห้าทศวรรษที่ผ่านมา การนี้เพื่อควบคุมสถานการณ์ในบางกรณี รัฐบาลได้หันมาใช้วิธีการส่งกองกำลังรักษาดินแดนแห่งชาติ (National Guard Bureau)และประกาศเคอร์ฟิว ทั้งนี้สถานการณ์ในสหรัฐอเมริกานั้นไม่เคยเกิดขึ้นมาในลักษณะเช่นนี้ตั้งแต่การลอบสังหารมาร์ติน ลูเทอร์ คิง จูเนียร์ ผู้นำขบวนการผิวสีในปี 1968 ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ในสหรัฐอเมริกาสามารถวิเคราะห์ได้จากสามมุมมองดังนี้
- ประเด็นของการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ: ถือเป็นคุณลักษณะที่เด่นชัดที่สุดของการประท้วงเมื่อเร็ว ๆ นี้ ซึ่งขบวนการพลเมืองเปิดตัวโดยมาร์ติน ลูเทอร์ คิง ในปี 1960 ในที่สุดก็นำไปสู่การยกเลิกการเลือกปฏิบัติทางกฎหมายต่อชาวอเมริกันผิวดำ แต่การเลือกปฏิบัติในวัฒนธรรมอเมริกันและแม้แต่โครงสร้างทางการเมืองยังคงมีอยู่ ชาวอเมริกันผิวขาวบางคนยังคิดว่าชาวผิวดำเป็นพลเมืองชั้นสองหรือแม้แต่ชนชั้นล่างของสังคม การประท้วงต่อต้านการเลือกปฏิบัติเหล่านี้มีโครงสร้างดั่งเดิมในสังคมอเมริกัน แม้ในช่วงก่อนหน้านี้เมื่อประธานาธิบดีผิวดำแห่งอเมริกาก็ยังมีการประท้วงเช่นนี้ ปัญหาด้านเชื้อชาติเป็นหนึ่งในประเด็นที่สำคัญที่สุดในสหรัฐอเมริกาและมีความเด่นชัดในภูมิทัศน์ทางการเมืองของประเทศ อีกทั้งยังเกิดคำถามมาตลอดว่า คนผิวดำมีสิทธิ์อาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกาหรือไม่? คนผิวดำอเมริกันเชื่อว่าพวกเขามีบทบาทในการสร้างสหรัฐอเมริกา (ไม่ ว่าสมัยที่พวกเขาจะอยู่ในสังคมอเมริกันในฐานะที่เป็นทาสและหลังจากนั้น) และด้วยเหตุนี้พวกเขาถือว่ามีสิทธิ์ที่จะได้รับประโยชน์จากการใช้ชีวิตในสหรัฐฯเหมือนกับชาวผิวขาว
2. อีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจคือความแตกต่างระหว่างการประท้วงปัจจุบันและการประท้วงก่อนหน้านี้ ตอนนี้คนที่เป็นประธานาธิบดีของประเทศที่มีอำนาจนั้นให้การสนับสนุนชาตินิยมผิวขาวอย่างเปิดเผยและเชื่อว่าสหรัฐอเมริกาเป็นดินแดนแห่งผิวขาว โดนัลด์ ทรัมป์ต่อต้านทั้งการปรากฏตัวของผู้อพยพและการปรากฏตัวของคนผิวสีในประเทศ นี่เป็นครั้งแรกในรอบ 60 ปีที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่สนับสนุนกลุ่มหัวรุนแรงผิวขาวอย่างเปิดเผย ทรัมป์อยู่ในจุดแห่งการต่อต้านโดยตรงกับบรรพบุรุษผู้ก่อตั้งของสหรัฐอเมริกาซึ่งเน้นย้ำสิทธิที่เท่าเทียมกันสำหรับชาวอเมริกัน การเคารพในความหลากหลายและการประนีประนอม นี่เป็นครั้งแรกที่กองทัพเข้าสู่สนามเพื่อควบคุมการประท้วงของพลเรือน ซึ่งในอดีตมักเป็นตำรวจที่ทำหน้าที่ในการจัดการสถานการณ์ในประเทศ
การเข้ามาของทหารในวิกฤตการณ์ครั้งล่าสุดสะท้อนให้เห็นถึงมุมมองของทรัมป์ได้อย่างดี วิธีการนี้อาจทำให้ความแตกต่างทางเชื้อชาติทวีความรุนแรงขึ้นในสหรัฐอเมริกาในระยะยาว นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมคนผิวขาวที่ต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติและผิวสียังได้เข้าร่วมชุมนุมประท้วงและต่อต้านแนวทางของทรัมป์
- ประเด็นที่สามที่มีความสำคัญเกี่ยวกับการชุมนุมประท้วงคือปัญหาของการเลือกตั้งสหรัฐที่จะเกิดขึ้น ทั้งพรรคเดโมเครตและพรรครีพับลิพยายามที่จะใช้ประโยชน์จากการประท้วงครั้งนี้
บารัคโอบามา โจไบเดนและสมาชิคพรรคเดโมแครตคนอื่น ๆ ได้วิจารณ์พฤติกรรมและการกระทำของทรัมป์อย่างเปิดเผย พวกเขาพยายามติดตามและแสวงหาสองช่องทางแห่งผลประโยชน์ผ่านการประท้วงเหล่านี้ ประการแรกคือพวกเขาพยายามที่จะเอาคะแนนเสียงของคนผิวดำส่วนใหญ่เป็นของโจไบเดน ( Joe Biden ) อย่างไรก็ตามคนผิวดำบางคนได้โหวตคะแนนให้กับโดนัลด์ ทรัมป์ในการเลือกตั้งปี 2016 และตอนนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญที่พรรคเดโมแครตจะช่วงชิงคะแนนเสียงจากพรรครีพับลีกัน มาเป็นของผู้ท้าชิงจากพรรคเดโมเครต
ประการที่สองพวกเขาจะพยายามเกลี้ยกล่อมนักเคลื่อนไหวภาคประชาสังคมรุ่นเล็ก เช่น เบอร์นีแซนเดอร์ส ให้ดำเนินการเพื่อสนับสนุนโจไบเดนและลงคะแนนให้กับเขาในการเข้าคูหา เหล่าผู้สนับสนุนของแซนเดอร์ยังไม่เห็นความแตกต่างระหว่างไบเดนและทรัมป์อีก แต่เหตุการณ์ล่าสุดอาจทำให้พวกเขาเชื่อว่าพวกเขาจะต้องหลุดพ้นจากความชั่วร้ายของทรัมป์และหันไปเทคะแนนเสียงให้กับโจไบเดน การดึงคะแนนเสียงของคนผิวดำและคนรุ่นใหม่ของผู้สนับสนุนเบอร์นีแซนเดอร์สนั้นสำคัญมากสำหรับพรรคเดโมเครตและสามารถเปลี่ยนชะตากรรมของการเลือกตั้งได้
นั่นคือเหตุผลที่พรรคเดโมแครตสนับสนุนให้ทั้งสองกลุ่มทำงานในการเลือกตั้งประธานาธิบดีในอีกหกเดือนข้างหน้าเพื่อสนับสนุนโจไบเดนในการลงลงคะแนนเสียงการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าโจไบเดนนั้นอ่อนแอมากในการรณรงค์หาเสียงต่อต้านโดนัลด์ทรัมป์และการสนับสนุนของโอบามาและคนอื่น ๆ ก็ไม่สามารถเปลี่ยนบรรยากาศให้ตกเป็นของเขาได้ เพราะเขาเองจะต้องสามารถแข่งขันและส่องแสงให้ตัวเองโดดเด่นในการโต้วาที(ดีเบย์)กับทรัมป์
โดยตอนนี้ไบเดนได้แสดงให้เห็นว่าเขามีโอกาสน้อยกว่าคู่แข่งของพรรครีพับลิกัน ในทางตรงกันข้ามโดนัลด์ทรัมป์พยายามใช้ประโยชน์จากโอกาสที่มีอยู่เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับฐานคะแนนเสียงของเขาและเสริมสร้างแรงจูงใจต่อผู้สนับสนุนเขา ส่วนสำคัญของผู้สนับสนุนทรัมป์คือคนผิวขาวที่เห็นด้วยกับนโยบายส่วนใหญ่ของเขารวมถึงการต่อต้านการปรากฏตัวของผู้อพยพในสังคมอเมริกัน ทรัมป์มีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจเหล่านี้ การออกคำสั่งให้ทหารตอบโต้การประท้วงผิวสีถือเป็นขั้นตอนในทิศทางสำหรับการนี้ นอกจากนั้น โดนัลด์ทรัมป์พยายามที่จะเปลี่ยนบรรยากาศในแบบที่คนผิวขาวอีกจำนวนหนึ่งที่ไม่ได้ลงคะแนนให้เขา มาสู่คูหาเลือกตั้งและลงคะแนนให้กับเขา ด้วยกับเหตุผลเพราะกลัวคนผิวดำ ดังนั้นในบรรยากาศดังกล่าวอาจกล่าวได้ว่าบทบาทของการลงคะแนนเสียงแบบลอยตัวในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงจะกำหนดชะตากรรมที่ชัดขึ้นมากกว่าเดิม กล่าวอีกนัยหนึ่งผู้ที่ไม่ได้อยู่ในค่าย(ไม่นิยม)พรรคเดโมเครตและรีพับลิกันจะเป็นผู้ชี้ขาดและตัดสินชะตากรรมของการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในครั้งนี้ หลังจากการประท้วงสิ้นสุดลง ฐานคะแนนเสียงของทั้งสองฝ่ายจะเข็มแข็งมากขึ้นและผู้สนับสนุนของทั้งสองฝ่ายจะมีแรงจูงใจมากขึ้นในการเข้าคูหาลงคะแนนเสียง ท่ามกลางบรรยากาศที่สองขั้วที่กำลังขับเคี้ยวอย่างหนักหน่วงมากเช่นนี้ คะแนนเสียงลอยตัวที่จะสามารถกำหนดชะตากรรมของการเลือกตั้งครั้งนี้ว่าใครคือผู้ชนะ
source: http://akharinkhabar.ir