ใครคือ “ผู้ชนะ” และ “ผู้แพ้” ในตะวันออกกลางหลังจากชาติอาหรับประนีประนอมกับไซออนิสต์ ?

171

หนังสือพิมพ์ “วอชิงตันโพสต์”รายงานเกี่ยวกับผู้ชนะและผู้แพ้ในตะวันออกกลางหลังจากที่ชาติอาหรับร่วมมือกับอิสราเอล

David Ignatius  เขียนบทความในหนังสือพิมพ์  Washington Post ว่า :ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯในพิธีลงนามข้อตกลงการสถาปนาความสัมพันธ์แบบปกติของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ – บาห์เรนกับระบอบอิสราเอล ได้พยายามส่งข้อความไปทั่วโลกว่า สหรัฐฯเป็นพลังแห่งสันติภาพและเสถียรภาพในตะวันออกกลาง แต่น่าเสียดายภาพดีเหล่านี้เป็นเพียงการหลอกลวงความคิดเห็นของสาธารณชน

สหรัฐอเมริกาได้แทรกซึมเข้าไปในตะวันออกกลางและนำกองกำลังของตนเข้าประจำการภายใต้ข้ออ้างในการต่อสู้กับการก่อการร้ายในซีเรีย อิรักและอัฟกานิสถาน และการมีอยู่ของกองทัพสหรัฐในภูมิภาคนี้กำลังลดลงเรื่อยๆและตะวันออกกลางจะเห็นกำลังทหารของสหรัฐลดลงในอนาคต

ทรัมป์เคยอ้างว่าเขาจะถอนทหารออกจากตะวันออกกลาง แต่ในขณะที่เขาใกล้สิ้นสุดตำแหน่งประธานาธิบดี เราเห็นว่าเขายังไม่ได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้  และในวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯจะมีกองกำลัง 4,500 นายในอัฟกานิสถาน  3,000 คนในอิรักและ 1,000 ในซีเรีย

ก่อนหน้านี้ทรัมป์อ้างว่าเขาต้องการให้จำนวนทหารในตะวันออกกลางลดลงเหลือศูนย์ แต่ถ้าเขาถอนกองกำลังทั้งหมดออกไปสถานการณ์ของสหรัฐจะแย่ลง

เมื่อมองไปที่ผู้แพ้และผู้ชนะในตะวันออกกลาง  เราจะเห็นว่าระบอบการปกครองไซออนิสต์(อิสราเอล)จะได้รับประโยชน์สูงสุดจากตะวันออกกลาง เนื่องจากระบอบนี้สามารถหลุดพ้นจากการโดดเดี่ยวได้ด้วยการลงนามในข้อตกลงสันติภาพและประนีประนอมกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และบาห์เรน

ผู้ชนะคนต่อไปคือ “ตุรกี” ซึ่งได้รับประโยชน์จากการถอนทหารของสหรัฐฯ

ผู้นำอาหรับบางคนมองว่าตุรกีเป็นศัตรูตัวฉกาจของเสถียรภาพในภูมิภาค เนื่องจากกองกำลังของตุรกีได้รุกคืบในซีเรีย ลิเบียและอิรัก ผู้นำอาหรับกังวลเกี่ยวกับอิทธิพลของตุรกีในอะเลปโป โมซุล ตริโปลีและโมกาดิชู

ทำเนียบขาวกล่าวในแถลงการณ์ว่าประธานาธิบดี เรเซฟ ตอยยิบ เออร์โดกัน ( Recep Tayyip Erdogan ) ของตุรกีเป็นผู้คัดค้านหลักเกี่ยวกับการฟื้นฟูความสัมพันธ์กับระบอบไซออนิสต์

แต่ “ผู้แพ้” รายใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง คือ “ซาอุดีอาระเบีย” เพราะในปัจจุบัน อิทธิพลของซาอุดีอาระเบียในตะวันออกกลางไม่เหมือนกับในอดีตและภายใต้ร่มเงาของมกุฎราชกุมาร โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน นอกเหนือจากข้อเท็จจริงที่ว่าซาอุฯสูญเสียความนิยมในวอชิงตันแล้ว ในเยเมน เลบานอน ซีเรียปากีสถานและประเทศอื่น ๆ ที่อุดมการณ์และทุนของซาอุดีอาระเบียเป็นส่วนประกอบของอำนาจก็ตกอยู่ในความพ่ายแพ้เช่นกัน

แกนของสงครามในตะวันออกกลางยังคงเปราะบาง เพราะการปะทะกันระหว่างทรัมป์ที่ต้องการถอนกองกำลังออกจากภูมิภาคและเพนตากอนซึ่งยืนยันที่จะรักษากำลังทหารเพื่อรักษาเสถียรภาพในภูมิภาคยังคงดำเนินต่อไป

ในอัฟกานิสถานก็เช่นกัน ผู้ชนะคือ “คนร้าย-ผู้ก่อการร้าย” กองกำลังตาลีบันหลงกับชัยชนะของพวกเขา โดยที่ไม่ปฏิบัติตามสัญญาที่จะลดความรุนแรงและปราบปรามกลุ่มก่อการร้ายอัลกออิดะห์

ทั้งนี้ทรัมป์เคยสัญญาว่าจะถอนทหารสหรัฐออกจากภูมิภาคภายในเดือนพฤษภาคมหากเงื่อนไขเอื้ออำนวย

source: tasnimnews