หนังสือพิมพ์ “วอชิงตันโพสต์”รายงานเกี่ยวกับผู้ชนะและผู้แพ้ในตะวันออกกลางหลังจากที่ชาติอาหรับร่วมมือกับอิสราเอล
David Ignatius เขียนบทความในหนังสือพิมพ์ Washington Post ว่า :ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯในพิธีลงนามข้อตกลงการสถาปนาความสัมพันธ์แบบปกติของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ – บาห์เรนกับระบอบอิสราเอล ได้พยายามส่งข้อความไปทั่วโลกว่า สหรัฐฯเป็นพลังแห่งสันติภาพและเสถียรภาพในตะวันออกกลาง แต่น่าเสียดายภาพดีเหล่านี้เป็นเพียงการหลอกลวงความคิดเห็นของสาธารณชน
สหรัฐอเมริกาได้แทรกซึมเข้าไปในตะวันออกกลางและนำกองกำลังของตนเข้าประจำการภายใต้ข้ออ้างในการต่อสู้กับการก่อการร้ายในซีเรีย อิรักและอัฟกานิสถาน และการมีอยู่ของกองทัพสหรัฐในภูมิภาคนี้กำลังลดลงเรื่อยๆและตะวันออกกลางจะเห็นกำลังทหารของสหรัฐลดลงในอนาคต
ทรัมป์เคยอ้างว่าเขาจะถอนทหารออกจากตะวันออกกลาง แต่ในขณะที่เขาใกล้สิ้นสุดตำแหน่งประธานาธิบดี เราเห็นว่าเขายังไม่ได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้ และในวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯจะมีกองกำลัง 4,500 นายในอัฟกานิสถาน 3,000 คนในอิรักและ 1,000 ในซีเรีย
ก่อนหน้านี้ทรัมป์อ้างว่าเขาต้องการให้จำนวนทหารในตะวันออกกลางลดลงเหลือศูนย์ แต่ถ้าเขาถอนกองกำลังทั้งหมดออกไปสถานการณ์ของสหรัฐจะแย่ลง
เมื่อมองไปที่ผู้แพ้และผู้ชนะในตะวันออกกลาง เราจะเห็นว่าระบอบการปกครองไซออนิสต์(อิสราเอล)จะได้รับประโยชน์สูงสุดจากตะวันออกกลาง เนื่องจากระบอบนี้สามารถหลุดพ้นจากการโดดเดี่ยวได้ด้วยการลงนามในข้อตกลงสันติภาพและประนีประนอมกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และบาห์เรน
ผู้ชนะคนต่อไปคือ “ตุรกี” ซึ่งได้รับประโยชน์จากการถอนทหารของสหรัฐฯ
ผู้นำอาหรับบางคนมองว่าตุรกีเป็นศัตรูตัวฉกาจของเสถียรภาพในภูมิภาค เนื่องจากกองกำลังของตุรกีได้รุกคืบในซีเรีย ลิเบียและอิรัก ผู้นำอาหรับกังวลเกี่ยวกับอิทธิพลของตุรกีในอะเลปโป โมซุล ตริโปลีและโมกาดิชู
ทำเนียบขาวกล่าวในแถลงการณ์ว่าประธานาธิบดี เรเซฟ ตอยยิบ เออร์โดกัน ( Recep Tayyip Erdogan ) ของตุรกีเป็นผู้คัดค้านหลักเกี่ยวกับการฟื้นฟูความสัมพันธ์กับระบอบไซออนิสต์
แต่ “ผู้แพ้” รายใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง คือ “ซาอุดีอาระเบีย” เพราะในปัจจุบัน อิทธิพลของซาอุดีอาระเบียในตะวันออกกลางไม่เหมือนกับในอดีตและภายใต้ร่มเงาของมกุฎราชกุมาร โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน นอกเหนือจากข้อเท็จจริงที่ว่าซาอุฯสูญเสียความนิยมในวอชิงตันแล้ว ในเยเมน เลบานอน ซีเรียปากีสถานและประเทศอื่น ๆ ที่อุดมการณ์และทุนของซาอุดีอาระเบียเป็นส่วนประกอบของอำนาจก็ตกอยู่ในความพ่ายแพ้เช่นกัน
แกนของสงครามในตะวันออกกลางยังคงเปราะบาง เพราะการปะทะกันระหว่างทรัมป์ที่ต้องการถอนกองกำลังออกจากภูมิภาคและเพนตากอนซึ่งยืนยันที่จะรักษากำลังทหารเพื่อรักษาเสถียรภาพในภูมิภาคยังคงดำเนินต่อไป
ในอัฟกานิสถานก็เช่นกัน ผู้ชนะคือ “คนร้าย-ผู้ก่อการร้าย” กองกำลังตาลีบันหลงกับชัยชนะของพวกเขา โดยที่ไม่ปฏิบัติตามสัญญาที่จะลดความรุนแรงและปราบปรามกลุ่มก่อการร้ายอัลกออิดะห์
ทั้งนี้ทรัมป์เคยสัญญาว่าจะถอนทหารสหรัฐออกจากภูมิภาคภายในเดือนพฤษภาคมหากเงื่อนไขเอื้ออำนวย
source: tasnimnews