ในสุนทรพจน์ เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน อยาตุลเลาะห์ คาเมเนอี (Ayatollah Khamenei) ผู้นำสูงสุดรัฐปฏิวัติอิสลามอิ หร่าน เน้นย้ำอีกครั้งว่าการเสื่อมถอย และการล่มสลายของระเบียบที่ได้ รับการจัดตั้งของสหรัฐฯ เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และนี่เป็นหัวข้อที่นักวิ เคราะห์ และนักเขียนในสหรัฐอเมริกายอมรั บ หนึ่งในข้อบ่งชี้หลายประการเกี่ ยวกับการเสื่อมถอย และการล่มสลายของสหรัฐฯ คือ การเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคั ญของพฤติกรรมการเหยียดผิ วของระบอบการปกครองของสหรัฐฯ ที่มีต่อประชาชนของตนและชาติอื่ น
ไม่สำคัญว่า คณะบริหารใดจะเป็นฝ่ายนั่งห้ องทำงานรูปไข่ (ห้องทำงานประธานาธิบดีสหรัฐ) เพราะนี่เป็นแนวทางเชิงโครงสร้ าง ที่ดำเนินการโดยทั้งรั ฐบาลเดโมแครต และรีพับลิกัน
บทความนี้จะทบทวนตรวจสอบ ประเด็นการเหยียดคนผิวสี และการใช้ประโยชน์ จากพวกเขาในฐานะแรงงานราคาถูก ตลอดจนการขยายตัวของระบบทาสสมั ยใหม่ในสหรัฐอเมริกา
ศูนย์อุตสาหกรรมเรือนจำ เป็นพื้นฐานสำหรับนโยบายเสรีนิ ยมใหม่แบบอนุรักษ์นิยม (conservative neo-liberal policies) ที่กำลังพัฒนาในยุคโลกาภิวัตน์ ตั้งแต่ต้นทศวรรษที่ 1970 นโยบายเหล่านี้ได้เพิ่มการกีดกั นชุมชนคนผิวดำ และชาวลาตินในสหรัฐอเมริกา นโยบายเหล่านี้ ยังมีส่วนต้องรับผิดชอบเป็นอย่ างมาก ต่อการปฏิบัติอย่างเลวร้าย ที่มีไปยังชนกลุ่มน้ อยในประเทศนี้
สหรัฐอเมริกามีจำนวนนั กโทษมากเป็นประวัติการณ์ในประวั ติศาสตร์ทั้งหมดของมนุษยชาติ สถิติดังกล่าว ไม่มีบันทึกอยู่ที่อื่นในโลกปั จจุบัน สหรัฐอเมริกามีประชากรเพียงห้ าเปอร์เซ็นต์ของประชากรโลก แต่น่าประหลาดใจ ที่กว่า 25% ของประชากรเรือนจำทั่วโลก คือ ชาวสหรัฐ [1]
ระหว่างปี 1970 ถึง 2000 จำนวนนักโทษในสหรัฐฯ อยู่ที่ 2,200,000 คน [2] แม้ว่าตัวเลขเหล่านี้ จะแสดงจำนวนประชากรในเรื อนจำของรัฐ และรัฐบาลกลาง แต่มันก็ยังไม่ได้รวมชาวอเมริกั นอีกกว่า 750,000 คนที่ถูกคุมขังในแต่ละวัน เช่นเดียวกับจำนวนประชากรที่ถู กจำคุกต่อปี ซึ่งสูงถึง 13 ล้านคน [3]
สถิตินี้ แสดงให้เห็นว่า ประชากรในเรือนจำในสหรัฐฯเพิ่ มขึ้น 500% ในขณะที่จำนวนประชากรทั้ งหมดของอเมริกาเพิ่มขึ้นเพียง 45 % เท่านั้น
ดังต่อไปนี้ คือ สิ่งที่คุณสามารถค้นพบได้จากเบื้ องหลังศูนย์อุตสาหกรรมเรื อนจำในสหรัฐฯ:
“ผลประโยชน์ทางการเมือง และเศรษฐกิจของชนชั้นสู งของอเมริกา: กฎหมาย; อัยการที่กระตือรือร้น สาขานิติบัญญัติ ตุลาการ และคณะบริหารในระดับท้องถิ่นรัฐ และรัฐบาลกลาง; สื่อ; บรรษัทข้ามชาติ; โรงเรียน; คริสตจักร; ตำรวจ; สถาบันในอเมริกาแทบทุกแห่ง และอุดมการณ์และวาทศิลป์ ของการเหยียดเชื้อชาติ ความหวาดกลัว และอาชญากรรม และการลงโทษทั้งหมด ทำงานร่วมกัน เพื่อรักษาระบบเรือนจำที่ใหญ่ที่ สุดในโลก” [4]
สงครามเหยียดเชื้อชาติต่อต้ านยาเสพติด กฎหมายที่รุนแรง และคำพิพากษาที่กฎหมายกำหนดให้ ศาลลงโทษ โดยห้ามใช้ดุลยพินิจในการลดโทษ หรือรอลงโทษ (mandatory sentences) ในยุคอนุรักษ์นิยม , การปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ, โลกาภิวัตน์ และศูนย์อุตสาหกรรมเรือนจำ เป็นปัจจัยที่มีส่วนรับผิดชอบต่ อจำนวนนักโทษที่มากเช่นนี้ ในสหรัฐฯ
Julia Sudbury [1] สมาชิกคณะกรรมการของศูนย์ทรั พยากรนักเคลื่อนไหวเรือนจำ (Prison Activist Resource Center) และประธานกลุ่มชาติพันธุ์ศึกษา ที่วิทยาลัยมิลส์ ( Mills College) กล่าวถึงศูนย์อุตสาหกรรมเรื อนจำในสหรัฐอเมริกาว่า เป็น
“ …ความสัมพันธ์ทางชีวภาพ และผลกำไรระหว่างนักการเมือง [ระดับรัฐและระดับชาติ] บริษัทต่างๆ [ผู้บริหารและผู้ถือหุ้น] สื่อมวลชน และสถาบันราชทัณฑ์ของรัฐ [รวมถึงสหภาพแรงงานของเจ้าหน้ าที่ราชทัณฑ์] ที่ก่อให้เกิด การใช้การจำคุกตามเชื้อชาติ ในการตอบสนองต่อปัญหาสังคม ที่ฝังรากมาจากทุนนิยมผู กขาดระดับโลก [5]”
อาจมีคนโต้แย้งว่า ประชากรจำนวนมากที่ถูกคุมขังส่ วนใหญ่เป็นเพราะพวกเขาเป็ นอาชญากรตัวจริง ที่สมควรถูกคุมขังในเรือนจำ ทว่านั่นไม่ใช่กรณี จำนวนคนที่อยู่เบื้องหลังลูกกรง ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างมาก ในขณะที่อัตราการก่ออาชญากรรมมี แนวโน้มลดลง แม้ว่าอาชญากรรมรุ นแรงจะลดลงในสหรัฐอเมริกา [6] แต่อัตราการจำคุกเพิ่มขึ้ นสามเท่า นับตั้งแต่ปี 1980 [7]
ประมาณ 13 ล้านคน ถูกนำตัวไปยังเรือนจำในอเมริ กาในปีใดก็ตาม เป็นเรื่องไม่สมเหตุสมผลโดยสิ้ นเชิงที่จะกล่าวว่า มีผู้คนมากกว่าหกล้านคนที่อยู่ ภายใต้ “การดูแลของราชทัณฑ์” ในสหรัฐอเมริกา สถิติเหล่านี้เป็นที่น่ าประหลาดใจ เพราะนั่นหมายความว่า ชาวอเมริกัน 1 ใน 50 คน เคยถูกคุมขังในช่วงชีวิ ตของพวกเขา ไม่ว่าจะในฐานะผู้ต้องขัง หรือขณะถูกทัณฑ์บน หรือถูกคุมประพฤติ โดยปัจจุบัน มีชาวอเมริกัน 1 ใน 100 คน ถูกคุมขัง [8]
นี่ไม่ใช่ข้อความที่ขัดแย้งกั นเองอย่างที่คิด เรือนจำเป็นภาระของรั ฐบาลโลกมานานแล้ว เนื่องจากกสรต้องจัดหาอาหารที่ จำเป็น และที่สำหรับนอนหลับแก่นั กโทษในช่วงเวลาที่ถูกจองจำ หมายความว่า เรือนจำเป็นต้นทุน ที่ปราศจากผลตอบแทนทางการเงิน
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ บริษัท ในสหรัฐอเมริกา ได้เสนอวิธีแก้ปัญหานี้ อย่างไร้มนุษยธรรม โดยการเซ็นสัญญาเพื่อจัดการเรื อนจำเหล่านี้ และการจ่ายเงินจำนวนมากให้กับรั ฐบาล เพื่อให้ พวกเขาสามารถครอบครองเรื อนจำเหล่านี้ เหตุผลทางการเงิน สำหรับการจัดการเรือนจำและการจ่ ายค่าครองชีพแก่นักโทษปรากฏอย่ างชัดเจน เมื่อผู้บริหารขององค์กรตระหนั กว่า พวกเขาสามารถใช้นักโทษเป็ นแรงงานทาสได้ โดยจ่ายเงินเพียง 25 เซ็นต์ต่อชั่วโมง (หรือ 20 ดอลลาร์ต่อเดือน) เพื่อทำงานเดียวกันกับที่ คนงานทั่วไปทำ โดยได้ค่าแรงขั้นต่ำที่ 7.25 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นค่าจ้างขั้นต่ำที่รั ฐบาลกลางกำหนดในสหรัฐอเมริกา [9]
ในทางกลับกัน บริษัทต่างๆ ต้องการให้รัฐบาลจัดให้เรือนจำ มีเตียง อย่างน้อย 1,000 เตียง และคงรักษาอัตราผู้เข้าพักให้ อยู่ที่ 90 % ในเรือนจำที่ดำเนิ นการโดยเอกชนเหล่านี้ เป็นระยะเวลา 20 ปี [10]
ผู้ต้องขังของรั ฐบาลกลางในโครงการ UNICOR เย็บเครื่องแบบสำหรับทหารสหรัฐฯ UNICOR ซึ่งเป็น บริษัท ที่รัฐบาลเป็นเจ้าของมีรายได้ต่ อปีมากกว่า 600 ล้านดอลลาร์ สำหรับการผลิตสินค้าด้ วยแรงงานลงโทษ
ยี่สิบห้าเซ็นต์ต่อชั่วโมง คือ ราคาของทาส! แต่ใครจะสนล่ะ? การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งที่ 13 ของสหรัฐอเมริกาบังคับใช้รู ปแบบการเป็นทาสในปี 1865 โดยระบุว่า “ไม่มีการเป็นทาส หรือการเป็นทาสโดยไม่สมัครใจ เว้นแต่ในฐานะที่เป็ นการลงโทษสำหรับอาชญากรรม – ตามที่ฝ่ายดังกล่าวต้องถูกตัดสิ นว่ามีความผิดจริงอย่างถูกต้อง – จะต้องมีอยู่ในสหรัฐอเมริกา หรือสถานที่ใด ๆ ภายใต้เขตอำนาจศาลของสหรัฐฯ”
ดังนั้น การเป็นทาสในรูปแบบนั้น จึงกลายเป็นประเด็ นทางกฎหมายโดยสิ้นเชิงในสหรั ฐอเมริกา
มันเป็นเรื่องถูกกฎหมาย แต่แน่นอน นี่เป็นเรื่องไร้มนุษยธรรม เพราะทำให้เกิดกระแสการจำคุกผู้ บริสุทธิ์ ศาลอเมริกันกำลังถูกล็อบบี้ให้ ออกคำวินิจฉัยที่ไม่สมสัดส่วน เกี่ยวกับการละเมิดเล็ก ๆ น้อย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้ต้ องโทษเป็นชายผิวดำ
อุตสาหกรรมเรือนจำของสหรัฐฯ ส่งผลทำให้ผู้คนถูกคุมขังส่ วนใหญ่มาจากอาชญากรที่ไม่รุนแรง โดยมีโทษจำคุกยาวนาน อันเนื่องจาก ครอบครองยาเสพติดผิดกฎหมายในปริ มาณที่น้อยมาก [11]
กฎหมายของสหรัฐอเมริกา ยังมีความลำเอียงต่อความเสี ยหายที่ก่อโดยคนผิวดำ กฎหมายระบุว่า การครอบครองโคเคนแคร็ก 5 กรัมหรือเฮโรอีน 3.5 ออนซ์มีโทษจำคุก 5 ปีโดยไม่มีการรอลงอาญา ขณะที่โทษฐานครอบครองร็อกโคเคน หรือแคร็ก น้อยกว่า 2 ออนซ์ คือ 10 ปี
ในทางตรงกันข้าม การครอบครองโคเคนในรูปแบบผง ซึ่งส่วนใหญ่ใช้โดยคนผิ วขาวจะได้รับโทษจำคุกสั้นลง การครอบครองโคเคนผง 17.5 ออนซ์มีโทษจำคุก 5 ปี
ในดินแดนแห่งเสรี ชายอเมริกันผิวดำ มีแนวโน้มที่จะถูกจำคุก 30% ตัวเลขอยู่ที่ 16% สำหรับชาวละติน ในขณะที่คนผิวขาวมีเพียง 4 % เท่านั้น ตัวเลขเหล่านี้แสดงให้เห็นอย่ างชัดเจนว่า ศูนย์อุตสาหกรรมเรือนจำมีเป้ าหมายเฉพาะไปยังคนผิวดำ [12]
ชายหนุ่มผิวดำ ซึ่งส่วนใหญ่ออกจากการเรียนมั ธยม – กำลังสร้างสถิติใหม่ในเรื อนจำอย่างต่อเนื่อง อัตราการจำคุกของชายผิวดำที่มี อายุระหว่าง 25 ถึง 29 ปีคือ 13 % ในขณะที่จำนวนนี้อยู่ที่ 2 % สำหรับคนผิวขาว และ 4 % สำหรับคนสเปนในกลุ่มอายุนั้น ชายผิวดำครึ่งหนึ่ง ที่ไม่มีวุฒิการศึกษาระดับมั ธยมศึกษาตอนปลาย ซึ่งมีความขันแข็งในกำลังแรงงาน กำลังผ่านชีวิตการทำงานในบริษั ทอเมริกันเบื้องหลังลู กกรงในขณะที่อีกครึ่งหนึ่ งทำงานจากนอกลูกกรง
ในขณะเดียวกัน ตามสถิติ ชายหนุ่มผิวขาวที่ไม่มีประกาศนี ยบัตรมัธยมปลาย มีอัตราการจำคุก 1 ใน 10 – อัตราการจำคุกที่สูงในหมู่ เยาวชนผิวดำนี้ ส่งผลกระทบต่อโอกาสในการจ้ างงานของพวกเขา และทำให้มัวหมอง ซึ่งความเป็นไปได้ของพวกเขา ที่จะประสบความสำเร็จในการแต่ งงาน และการเลี้ยงดูบุตร ซึ่งอาจเอื้อประโยชน์ต่อการปิ ดช่องว่างแห่งความสำเร็จ สถานการณ์นี้ หมายถึงโอกาสที่ชายผิวดำจะกลั บเข้าคุกมีเพิ่มขึ้น และยังเป็นการเพิ่มแนวโน้ มความเป็นไปได้ ที่ลูก ๆ ของพวกเขาจะมีอนาคตที่เหมือนกัน นี่หมายถึงผลกำไรที่มากขึ้ นสำหรับบริษัท ที่ใช้แรงงานในคุก โดยแทบไม่ต้องตอบแทนอะไรเลย [13]
ข้อมูลนี้ไม่น่ากังวลสำหรับบริ ษัท ที่วิ่งเต้นเพื่อเติมเรื อนจำเอกชนของพวกเขา ให้เต็มไปด้วยพนักงานที่ไม่ได้ รับค่าจ้าง โดยมีผลประโยชน์ทำให้เงิ นในกระเป๋าของพวกเขาถูกเติมเต็ มตามไปด้วย เรือนจำของสหรัฐอเมริกา อาจเป็นสถานที่ที่ให้ โอกาสทางการศึกษา และการฝึกอบรมงาน หรือเตรียมผู้ต้องขังเพื่อหาเลี้ ยงชีพ เมื่อการลงโทษของพวกเขาเสร็จสิ้ นลง โชคร้ายที่ศูนย์อุตสาหกรรมเรื อนจำ ใช้ประโยชน์จากพวกเขา เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ในราคาที่ แข่งขันได้มากขึ้น
_______
References
[1] Henderson, Alex. 9 Surprising Industries Profiting Handsomely from America’s Insane Prison System. ALTERNET. [Online] 02 18, 2015. [Cited: 02 06, 2016.] http://www.alternet.org/news- amp-politics/9-surprising- industries-profiting- handsomely-americas-insane- prison-system.
[2] Pelaez, Vicky. The Prison Industry in the United States: Big Business or a New Form of Slavery? Global Research Center for Research on Globalization. [Online] 03 31, 2014. [Cited: 02 06, 2016.] http://www.globalresearch.ca/ the-prison-industry-in-the- united-states-big-business-or- a-new-form-of-slavery/8289.
[3] Incarceration nation. Collier, Lorna. 9, Chicago : American Psychological Association, 10 2014, Vol. 45. Available at: http://www.apa.org/monitor/ 2014/10/incarceration.aspx.
[4] Leonard, David J. After Artest: The NBA and the Assault on Blackness. s.l. : SUNY Press, 2012. Available at: https://books.google.com/ books?id=-hegS07ek-AC&pg= PA114&lpg.
[5] Souls: A Critical Journal of Black Politics, Culture, and Society. Sokoloff, Natalie. 4, s.l. : Taylor and Francis Online, 2003, Vol. 5. DOI: 10.1080//10999940390463356.
[6] Markon, Jerry. Violent crime in U.S. on the decline. The Washington Post. [Online] 05 25, 2010. [Cited: 02 06, 2016.] http://www.washingtonpost.com/ wp-dyn/content/article/2010/ 05/24/AR2010052402210.html.
[7] Gopnik, Adam. The Caging of America: Why do we lock up so many people? The New Yorker. [Online] 01 30, 2012. [Cited: 02 06, 2016.] http://www.newyorker.com/ magazine/2012/01/30/the- caging-of-