เมื่อวันที่ 16 มีนาคม สำนักอุดมการณ์ของกองกำลังเยเมนได้เผยแพร่เอกสารใหม่เกี่ยวกับการปรากฏตัวของกองทัพสหรัฐฯและฐานทัพในเยเมน และความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีเยเมน นายอาลี อับดุลลาห์ ซาเลห์และหน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ
การปรากฏตัวของสหรัฐฯในเยเมนและการที่พันธมิตรของซาอุดิอาระเบียทำสงครามกับเยเมนมันไม่ใช่เรื่องราวใหม่ของวันนี้ เอกสารที่เผยแพร่โดยสำนักอุดมการณ์ของกองทัพเยเมนและเครือข่ายและสำนักข่าวของเยเมนแสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯแสวงหาอิทธิพลในเยเมนมาตั้งแต่ทศวรรษ 1990 ซึ่งตามเอกสารเหล่านี้ได้เปิดเผยรูปแบบของการแทรกแซงของสหรัฐฯในเยเมน และสามารถอธิบายรูปแบบการแทรกแซงไว้ดังนี้
สร้างอำนาจและอิทธิเหนืออับดุลลาห์ ซาเลห์
การแทรกแซงประเภทแรกคือทำให้ อับดุลลาห์ ซาเลห์ อดีตผู้นำเผด็จการของเยเมนขึ้นตรงกับสหรัฐอเมริกาหรืออยู่ใต้อำนาจของอเมริกา และอับดุลลาห์ซาเลห์เช่นเดียวกับจอมเผด็จการทุกคนในวันวานและวันนี้ในโลกอาหรับ ที่ขึ้นอยู่กับอำนาจจากต่างประเทศ (สหรัฐอเมริกา) ซึ่งเป็นเงื่อนไขในการอยู่ในอำนาจของพวกเขา ความร่วมมือนี้กระตุ้นให้รัฐบาลสหรัฐและพันธมิตรในสภาความร่วมมืออ่าวเปอร์เซียในปี 2011 ทำงานอย่างหนักเพื่อป้องกันการโค่นล้มอับดุลลาห์ซาเลห์ในเยเมน หลังจากล้มเหลวในการเอาชนะความตั้งใจของชาวเยเมน พวกเขาได้วางแผนที่จะผลักดันให้ มันซูร์ฮาดีขึ้นสู่อำนาจเพื่อให้เป็นหุ่นเชิดอีกรายที่คอยควบคุมเยเมน
สนับสนุนผู้ก่อการร้ายอัลกออิดะห์
การแทรกแซงประเภทที่สองคือการสนับสนุนผู้ก่อการร้ายอัลกออิดะห์ในเยเมน อเมริกาอ้างว่าต่อสู้กับการก่อการร้าย แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่ากลุ่มก่อการร้ายนั้นถูกสร้างโดยสหรัฐฯเอง การยอมรับอย่างชัดเจนและชัดแจ้งที่สุดในเรื่องนี้เกิดขึ้นโดยอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯซึ่งกล่าวว่ากลุ่มก่อการร้ายเช่น ISIS ถูกสร้างขึ้นมาโดยสหรัฐฯ เอกสารที่ทางการเยเมนออกมาเผยแพร่ยังกล่าวถึงการเชื่อมโยงของสหรัฐฯกับผู้ก่อการร้ายอัลกออิดะห์ในเยเมนอีกด้วย ซึ่งสำนักอุดมการณ์ของกองกำลังเยเมนกล่าวในแถลงการณ์ว่ามีการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างนายอาลี อับดุลลาห์ ซาเลห์ และจอร์จ เทเน็ต ซึ่งเป็นหัวหน้าซีไอเอในขณะนั้น หนึ่งในบทสนทนาที่อ้างถึงความเชื่อมโยงโดยตรงระหว่างซีไอเอ ( CIA )กับผู้ก่อการร้ายอัลกออิดะห์ และความร่วมมือของเจ้าหน้าที่รัฐบาลของอับดุลลาห์ซาเลห์ในการสร้างความเชื่อมโยงนี้ และในการสนทนานี้ผู้อำนวยการซีไอเอ ( CIA )ยืนยันว่ารัฐบาลเยเมนได้ปล่อยตัวสมาชิกของอัลกออิดะห์ (ในเครือของสหรัฐฯ) ซึ่งถูกจับกุมตัวในคดีเหตุระเบิดเรือพิฆาตยูเอสเอสโคล
การใช้ภูมิศาสตร์ของเยเมนเพื่อวัตถุประสงค์ทางการทหาร
การแทรกแซงประเภทที่สามคือการใช้ภูมิศาสตร์เยเมนเพื่อวัตถุประสงค์ทางการทหาร เอกสารที่ออกโดยเยเมนอ้างถึงข้อตกลงของวอชิงตันกับรัฐบาลของอับดุลลาห์ซาเลห์ในการสร้างฐานทัพเรือสหรัฐในพื้นที่อัล – บาริกาห์ ของจังหวัดเอเดน ซึ่งในฐานทัพดังกล่าวจะมีเครื่องบินลาดตระเวน เครื่องบินรบ เครื่องบินทิ้งระเบิด เรือบรรทุกเครื่องบินและเรือรบประจำการ นอกจากนั้นพล. อ. แอนโธนีซีนี ผู้บัญชาการกองบัญชาการกลางของสหรัฐในเอเชียตะวันตกได้ลงนามในข้อตกลงกับรัฐบาลเยเมนในสมัยนั้น ในเดือนพฤษภาคม 1998 เพื่อมอบฐานทัพเรือเยเมนให้กับกองกำลังสหรัฐนอกชายฝั่งอัล – บารีกาห์
ในขณะที่อเมริกาใช้ภูมิศาสตร์ของเยเมนเพื่อสร้างฐานทัพทหาร พวกเขายังใช้ภูมิศาสตร์นี้เพื่อฝึกองค์ประกอบของพวกเขาและใช้ในปฏิบัติการก่อการร้าย ในเรื่องนี้ อับดุลกอเดร อัลชามี (Abdul Qadir al-Shami) รองหัวหน้าหน่วยข่าวกรองของเยเมนกล่าวว่า “ชาวอเมริกันกำลังฝึกองค์ประกอบของพวกเขาในเยเมนและส่งพวกเขาไปปฏิบัติการก่อการร้ายในประเทศอื่น ๆ และเมื่อพวกเขากลับมาพวกเขากล่าวหาเยเมนว่าเป็นที่หลบภัยของผู้ก่อการร้าย”
สร้างอิทธิพลทางวัฒนธรรมและศาสนา
การแทรกแซงประเภทที่สี่คือสร้างอิทธิพลทางวัฒนธรรมและศาสนาในเยเมน เยเมนเป็นประเทศที่มีชาวมุสลิมส่วนใหญ่ ชาวอเมริกันซึ่งวางแผนที่จะแทรกซึมเข้าไปในประเทศมุสลิมอยู่เสมอ ก็พยายามที่จะมีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมทางศาสนาในเยเมนอย่างต่อเนื่อง
ตามแหล่งข่าวของเยเมน ระบุว่า กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯได้แนะนำให้เปิดศาลคริสต์และยิวในเยเมนอีกครั้งและกองกำลังของสหรัฐฯในประเทศก็ทำงานเพื่อสนับสนุนชาวยิวในซานาและซาอาดา แม้ว่าเอกสารเหล่านี้จะอ้างถึงการแทรกแซงของสหรัฐฯในเยเมนในช่วงเวลาของอับดุลลาห์ซาเลห์ แต่สหรัฐฯก็มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในเหตุการณ์ในเยเมนในวันนี้ สัญญาณของการปรากฏตัวนี้คือฝ่ายบริหารของไบเดนได้ประกาศว่าจะยุติการสนับสนุนพันธมิตรของซาอุดีอาระเบียในการทำสงครามกับเยเมน ไม่ว่าการตัดสินใจนี้จะถูกนำไปใช้หรือไม่ก็ตาม แต่คำสั่งนี้แสดงให้เห็นถึงการมีอยู่และการปรากฏตัวของสหรัฐฯในเยเมนรวมถึงการสนับสนุนพันธมิตรของซาอุดีอาระเบียที่ต่อต้านเยเมน นอกจากนี้ยังมีรายงานและเอกสารจำนวนมากที่สหรัฐฯยังคงเชื่อมโยงโดยตรงกับอัลกออิดะห์ในเยเมนในปัจจุบันอีกด้วย
source: https://farsi.iranpress.com