ความขัดแย้งในปาเลสไตน์จะนำไปสู่จุดใด?

1109

อิสราเอลมีข้อจำกัดอย่างมากในการดำเนินความขัดแย้งต่อไป พวกเขาจึงต้องถอนตัวจากความขัดแย้งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และเมื่อต้องเผชิญกับขบวนการต่อสู้(มุกอวิมะห์)เพื่อปลดปล่อยปาเลสไตน์ ที่มีความสามารถในการดำเนินการต่อในสนามนี้ ซึ่งจะส่งผลให้ความขัดแย้งสิ้นสุดลงตามเงื่อนไขที่ขบวนการมุกอวะมะห์ได้วางไว้

การโจมตีเกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ณ จุดที่มีการโจมตีกันระหว่างระบอบไซออนิสต์และขบวนการต่อสู้(มุกอวะมะห์)เพื่อปลดปล่อยปาเลสไตน์

การปะทะกันระหว่างกลุ่มขบวนการต่อสู้(มุกอวะมะห์)เพื่อปลดปล่อยปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาและอิสราเอลเกิดขึ้นตั้งแต่วันจันทร์ของสัปดาห์ที่แล้ว และเมื่อความขัดแย้งเกิดขึ้นเป็นเวลาได้หนึ่งสัปดาห์ ทำให้เกิดคำถามว่า จุดสูงสุดของความขัดแย้งในปัจจุบันคืออะไร และความขัดแย้งนี้จะดำเนินต่อไปอย่างไร และนานแค่ไหน ?

ในเขตพื้นที่ความขัดแย้งปัจจุบันแตกต่างกับสงครามก่อนหน้านี้ที่เกิดในฉนวนกาซา เนื่องจากขบวนการมุกอวะมะห์เป็นฝ่ายข่มขู่ว่าจะโจมตีระบอบการปกครอง และทำการออกข้อความเตือนสำหรับการรุกรานของระบอบไซออนิสต์ในมัสยิดอัลอักซอ และย่าน Sheikh Jarah Quds ขบวนการมุกอวะมะห์ได้ตอบสนองต่อการรุกรานของอิสราเอลที่ยังคงดำเนินต่อไปในเยรูซาเล็มโดยกำหนดเป้าหมายไปยังเมืองต่างๆใกล้ฉนวนกาซา  จากนั้นเข้าสู่บางส่วนของเยรูซาเล็มตะวันตกและพื้นที่บิอรุลซับอ์ ( Beersalba )ที่ไซออนิสต์ยึดครอง

ไซออนิสต์เปิดฉากโจมตีทางอากาศในพื้นที่ที่อยู่อาศัยในฉนวนกาซา เนื่องด้วยการโจมตีที่เกิดจากขบวนการมุกอวะมะห์ได้ตอบโต้ต่อการรุกรานของระบอบไซออนิสต์ในเยรูซาเล็ม  และเมื่อเวลาผ่านไปการโจมตีของไซออนิสต์ขยายตัวในวงกว้าง ทำให้พลเรือนจำนวนมากตกเป็นเป้าหมายของระบอบการปกครองนี้

ในขณะที่ระบอบไซออนิสต์ขยายการโจมตีในเขตเมือง ทำให้สองวันหลังจากความขัดแย้งเกิดขึ้น ขบวนการมุกอวะมะห์ได้กำหนดเป้าหมายไปยังพื้นที่ที่ห่างไกลจากปาเลสไตน์ที่ถูกยึดครอง นั่นคือเทลอาวีฟและดินแดนทางตอนเหนือของปาเลสไตน์ ซึ่งใกล้ชายแดนเลบานอน และห่างจากฉนวนกาซา 120 กม.

ในระหว่างที่การโจมตีของทั้งสองฝ่ายกำลังดำเนินการ ชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา ที่ถึงแม้จะถูกกดขี่ และโจมตีออย่างต่อเนื่อง พวกเขาก็ยังคงเรียกร้อง และต้องการให้ขบวนการมุกอวะมะห์ดำเนินต่อไป ในทางกลับกัน ระบอบไซออนิสต์กำลังได้รับความเดือดร้อนจากความแตกแยกทางการเมือง และอีกด้านหนึ่งได้เห็นการปะทะกันระหว่างชาวปาเลสไตน์ที่อาศัยอยู่ในดินแดนปี 1948 กับผู้ตั้งถิ่นฐานของไซออนิส

ในขณะเดียวกันที่ความขัดแย้งระหว่างสองฝ่ายเกิดขึ้น อียิปต์ซึ่งเป็นตัวกลางหลักในความขัดแย้งมาโดยตลอดได้ส่งตัวแทนสองคนไปยังฉนวนกาซา และดินแดนยึดครองเพื่อเสนอแผนเบื้องต้นสำหรับการหยุดยั้งความขัดแย้งที่เกิดขึ้น  ซึ่งแผนดังกล่าวไม่ได้รับการยอมรับจากทั้งสองฝ่าย และไซออนิสต์เอง ก็ได้นำเสนอแผนของพวกเขาไปยังอียิปต์เพื่อให้ใช้แผนของตน ซึ่งการกระทำของไซออนิสต์เกิดขึ้นในขณะที่พวกเขาดูเหมือนจะประกาศว่าพวกเขาไม่ยอมรับแผนสันติภาพใด ๆ และจะยังคงดำเนินการต่อสู้ต่อไป แต่ข่าวลับที่รั่วไหลออกมาจากวงในไซออนิสต์ชี้ให้เห็นว่าเนทันยาฮูได้เรียกร้องให้ทั้งอัล – ซีซี และอาบูมาเซน ยุติการยิงโดยเร็วที่สุด ส่วนประเทศตะวันตกหลายประเทศรวมทั้งฝรั่งเศส เยอรมนี และรัสเซียอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อยุติความขัดแย้ง

ยุติการรุกรานของผู้ตั้งถิ่นฐานในมัสยิดอัลอักซอ  และคืนสิทธิเสรีภาพของมุสลิมในการเข้านมาซในมัสยิดอัลอักซอ  หยุดการขับไล่และการพลัดถิ่นของชาวปาเลสไตน์ในย่าน Sheikh Jarrah ของกรุงเยรูซาเล็ม  ยุติการโจมตีของระบอบไซออนิสต์ในฉนวนกาซา และปลดปล่อยชาวปาเลสไตน์ทั้งหมดที่ถูกคุมขังจากการปะทะครั้งล่าสุด สิ่งเหล่านี้คือเงื่อนไขในการหยุดยิงของขบวนการต่อสู้(มุกอวะมะห์)เพื่อปลดปล่อยปาเลสไตน์

ดังที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น ระบอบไซออนิสต์ซึ่งเรียกร้องการหยุดยิงอย่างลับๆ แต่ดูเหมือนจะยังตีกลองเพื่อทำสงครามต่อไป อีกทั้งพวกเขายังไม่ได้กำหนดเงื่อนไขที่เฉพาะเจาะจงในการหยุดการโจมตีครั้งนี้

ขอบฟ้าข้างหน้าของความขัดแย้งในปัจจุบัน

เมื่อพิจารณาถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในภาคสนาม และที่กล่าวไปแล้วข้างต้น  ดูเหมือนว่าระบอบไซออนิสต์จะก้าวไปสู่การหยุดยิงในไม่ช้า แต่เนื่องจากพวกเขาถูกบีบให้เข้าสู่ความขัดแย้งด้วยการตอบโต้ของขบวนการต่อสู้ และพวกเขายังไม่ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ จึงดูเหมือนพวกเขาจะไม่เดินหน้าไปสู่การหยุดยิงจนกว่าจะบรรลุผลสำเร็จขั้นต่ำ  และความเป็นไปได้ของการลอบสังหารผู้นำหรือผู้บัญชาการคนใดคนหนึ่งของฝ่ายขบวนการต่อสู้มุกอวะมะห์ หรือความต่อเนื่องของการโจมตีเพื่อสร้างความเสียหายที่มากขึ้นจนสื่อสามารถใช้ประโยชน์ได้ ก็อาจเป็นส่วนหนึ่งของแผนของระบอบไซออนิสต์ที่อาจจะประสบความสำเร็จ

อย่างไรก็ตามพวกเขาต้องเผชิญกับปัญหาใหญ่ภายในสองประการ ซึ่งทำให้พวกเขาต้องก้าวไปสู่การหยุดยิงในอีกไม่กี่วันข้างหน้าเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น โดยปัญหาแรกของไซออนิสต์คือความขัดแย้งที่เริ่มต้นในระบอบนี้หรือที่พวกเขาเรียกว่าแนวร่วมภายใน ความขัดแย้งในปัจจุบันในเมืองปาเลสไตน์ในดินแดนปี 1948 และลัทธิไซออนิสต์หัวรุนแรงได้ทำให้พวกเขาแย่ลงอย่างมาก นอกจากนี้กองทัพอิสราเอลกำลังเห็นการปะทะที่ทวีความรุนแรงขึ้นกับเยาวชนชาวปาเลสไตน์ในเวสต์แบงก์

ปัญหาประการที่สองของไซออนิสต์คือ การสิ้นสุดการกำหนดเส้นตายของนาย “Yair Lapid” ที่จะจัดตั้งคณะรัฐมนตรีของระบอบไซออนิสต์ชุดใหม่  ซึ่งยังเหลือเวลาอีกสองสัปดาห์จนกว่าจะถึงเส้นตายนี้  แต่ด้วยการประกาศของ “Naftali Bennett” ว่าเขาจะไม่เป็นพันธมิตรกับ “Lapid” เป็นอันขาด ซึ่งความพ่ายแพ้ของเขาเป็นที่แน่นอนแล้ว และชาวยิวไซออนิสต์จะต้องเข้าสู่การเลือกตั้งครั้งที่ห้าพร้อมกับยุบสภาKnesset

นอกเหนือจากสองปัญหาข้างต้นแล้ว แรงกดดันที่เกิดขึ้นกับชาวไซออนิสต์จากภายนอกยังบังคับให้พวกเขาเคลื่อนไปสู่การหยุดยิงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  สหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรปไม่สามารถยืนหยัดที่จะสนับสนุนการก่ออาชญากรรมของระบอบไซออนิสต์ต่อไป ซึ่งสะท้อนให้เห็นอย่างมากในสื่อต่างๆ ประเทศที่สนับสนุนชาวปาเลสไตน์และความคิดเห็นของสาธารณชนตะวันตกได้เพิ่มแรงกดดันต่อระบอบการปกครองของไซออนิสต์ ปัจจัยทั้งหมดนี้ไม่ได้เปิดโอกาสให้ชาวไซออนิสต์ดำเนินความขัดแย้งต่อไป

ความพร้อมขบวนการต่อสู้เพื่อปลดปล่อยปาเลสไตน์ เพื่อดำเนินการปะทะต่อไป 

เนื่องจากระบอบไซออนิสต์มีข้อ จำกัด ต่อความขัดแย้งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง  แต่ขบวนการมุกอวะมะห์นั้นมีข้อ จำกัด น้อยลง และพวกเขาประกาศว่าพร้อมสำหรับการทำสงครามเป็นเวลาหลายเดือน การรวมเงื่อนไขเหล่านี้เข้าด้วยกันทำให้เกิดผลลัพธ์ข้อหนึ่งและนั่นก็คือชาวไซออนิสต์ต้องยอมรับเงื่อนไขของขบวนการต่อสู้เพื่อหยุดยิง

แต่ประสบการณ์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าพวกเขาจะทำหน้าที่การกำหนดข้อตกลงในลักษณะที่พวกเขาสามารถกลับไปสู่เงื่อนไงนี้ได้อีกครั้งในการโจมตี   ยกตัวอย่างเช่นไซออนิสต์ได้ระงับการขับไล่ชาวปาเลสไตน์ออกจากพื้นที่ใกล้เคียงชีคจาร์ราห์แล้ว แต่นี่เป็นการระงับแบบ จำกัด ที่ไซออนิสต์จะดำเนินการต่อไปเมื่อวันเวลาผ่านไป ในขณะเดียวกันไซออนิสต์ก็พร้อมเสมอในการทำลายพันธกรณีที่พวกเขาให้สัญญาไว้

สิ่งที่สามารถสรุปได้ คือ โดยทั่วไป ยิวไซออนิสต์ไม่สามารถที่จะดำเนินความขัดแย้งในปัจจุบันได้ต่อไปอีก และด้วยข้อ จำกัด เพิ่มเติมของระบอบไซออนิสต์สำหรับการนับถอยหลังสู่การยุติความขัดแย้งได้เริ่มขึ้นแล้ว   แต่สิ่งนี้ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตามเงื่อนไขของขบวนการมุกอวะมะห์ ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้ที่ชาวไซออนิสต์จะยอมรับอย่างข้อตกอย่างง่ายดายเช่นนี้

Source: https://www.tasnimnews.com