ชาติตะวันตกให้สัญญากับมิคาอิล กอร์บาชอฟว่าจะไม่ดึงรัฐสมาชิกกลุ่มตะวันออกใน NATO อีกต่อไป แต่เนื่องจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียตในปี 1991 ตะวันตกไม่เพียงแต่ละเมิดความมุ่งมั่นที่จะรวมอดีตสาธารณรัฐโซเวียตที่เป็นอิสระจำนวนหนึ่งเข้าเป็นสมาชิก NATO เท่านั้น จนกระทั่งถึงตาของยูเครน
แต่ด้วยเหตุผลหลายประการ การที่ยูเครนเข้าเป็นสมาชิกนาโต้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะในหมู่พวกเขามีรัฐบาลที่ภักดีและเป็นพันธมิตรรัสเซียในยูเครน ผู้พูดภาษารัสเซียจำนวนมากยังอาศัยอยู่ในยูเครน ท้ายที่สุดแล้ว ยูเครนเองก็เป็นสัญลักษณ์ของอดีตอำนาจทางทหารของสหภาพโซเวียต เนื่องจากคลังแสงนิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดของสาธารณรัฐตั้งอยู่ในประเทศนี้ นอกจากนี้ ฐานทัพที่ใหญ่ที่สุดของอดีตกองทัพเรือโซเวียตก็ยังตั้งอยู่ในอาณาเขตของยูเครน
ตะวันตกเข้าแทรกแซงกิจการภายในของยูเครนเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเป็นสมาชิกนาโต้ ในการประชุมประจำปี เมื่อปี 2008 ที่เมืองบูคาเรสต์ และนาโต้ให้คำมั่นที่จะยอมรับยูเครนเป็นสมาชิก การเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้รัสเซียโกรธมาก มอสโกมองว่าการเคลื่อนไหวนี้เป็นศัตรูและขู่ว่าจะไม่นิ่งเฉยต่อเรื่องนี้
ฝ่ายตะวันตกที่นำโดยสหรัฐฯ ยังคงเข้าไปแทรกแซงกิจการภายในของยูเครนต่อไป จนกระทั่งในที่สุดก็โค่นล้มรัฐบาลพันธมิตรรัสเซียในปี 2014 และจัดตั้งรัฐบาลที่สนับสนุนพวกเขาและต่อต้านรัสเซีย กระบวนการนี้ดำเนินต่อไปจนกระทั่งถึงคราวของนักแสดงตลกชาวยูเครน วลาดีมีร์ เซลินสกี้ ที่ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี จากจุดนี้เองที่รัสเซียตัดสินใจผนวกคาบสมุทรไครเมียอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และสนับสนุนการประท้วงของประชาชนต่อรัฐบาลใหม่ในลูฮันสก์และโดเนตสค์ทางตะวันออกของยูเครน(ที่มีชาวรัสเซียอาศัยจำนวนมาก)
ฝ่ายตะวันตกไม่พอใจกับสิ่งนี้และตัดสินใจให้ยูเครนเป็นสมาชิกของนาโต้ เพื่อปิดล้อมรัสเซีย ดังนั้น ตะวันตกจึงสนับสนุนให้ วลาดีมีร์ เซลินสกี้สมัครเป็นสมาชิกนาโต้และติดตั้งขีปนาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ บนดินยูเครน วลาดีมีร์ เซลินสกี้ มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไร้เดียงสาเกินไปกับการยั่วยุของตะวันตกต่อรัสเซียจนกระทั่งเหตุการณ์มาถึงจุดนี้?
ประธานาธิบดียูเครนตระหนักสายเกินไปว่าเขาควรจะเป็นกลางและไม่ตกหลุมพรางของสหรัฐอเมริกา ไม่ถึงชั่วโมงหลังจากการเริ่มโจมตีของรัสเซีย เขาเรียกร้องจะประชุมกับประธานาธิบดีปูตินของรัสเซียเพื่อหารือเกี่ยวกับความเป็นกลางของยูเครน แต่มันสายเกินไปแล้วและกองทัพรัสเซียก็กำลังจะเข้าเมืองเคียฟ
วลาดีมีร์ เซลินสกี้ สามารถให้ประเทศและประชาชนของเขาไม่เข้าสู่สงครามและรักษาความสมบูรณ์ของดินแดนของประเทศของเขา โดยที่ไม่ใช่โดยการขอความคุ้มครองจากรัสเซียหรือสหรัฐอเมริกา แต่ด้วยการสนับสนุนของประชาชนและดำเนินนโยบายเป็นกลางและคำนึงถึงความกังวลด้านความปลอดภัยของรัสเซียและการตีห่างจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งในการติดต่อกับรัสเซียให้ยึดถือเป็นผลประโยชน์ของพวกเขาเท่านั้น
น่าเสียดายที่วลาดีมีร์ เซลินสกี้ ไม่ได้รับความเชื่อมั่นจากชาวยูเครน เขายอมเสียสละชีวิตและผลประโยชน์ของชาติ อธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และอนาคตของประเทศเพื่อแสดงมิตรภาพกับตะวันตก และในที่สุดตะวันตกก็ทิ้งเขาให้อยู่ตามลำพังในการเผชิญหน้ากับรัสเซีย เนื่องจากรัสเซียได้ขอให้ตะวันตกค้ำประกันเพื่อป้องกันไม่ให้นาโต้ขยายไปยังยูเครน
ไม่มีมนุษย์คนใดที่ต้องการสงคราม ปกป้อง หรือแม้แต่ข้ออ้างในการทำสงคราม เช่นเดียวกับการบุกรุกยูเครนของรัสเซีย ซึ่งบทความนี้ไม่ต้องการอธิบายเหตุผลสำหรับการทำสงคราม แต่เป็นคำอธิบายความจริงที่เกิดขึ้น สหรัฐอเมริกาและนาโต้สร้างความหายนะให้กับทุกประเทศที่พวกเขาเข้ามา และจากประสบการณ์ทางประวัติศาสตร์เป็นข้อพิสูจน์ที่ดีที่สุดของข้ออ้างนี้
source: