“เป็นเพราะเรามีสีผิวเข้ม หรือเราพูดภาษาอาหรับ หรือเราสวมฮิญาบ?” อาอิชะห์ อัลโครด์ หญิงชาวปาเลสไตน์ผู้ถูกกดขี่ได้เริ่มต้นในการกล่าวปราศรัย เขารู้สึกขุ่นเคืองกับสองบรรทัดฐานแห่งแนวคิดเรื่องความเป็นมนุษย์ในประชาคมระหว่างประเทศ ต่อวิกฤตยูเครนและปัญหาของชาวปาเลสไตน์
การตอบสนองอย่างรวดเร็วและเด็ดขาดของประชาคมระหว่างประเทศต่อวิกฤตยูเครนได้ทำให้ชาวปาเลสไตน์ไม่พอใจ ไม่ใช่เพราะพวกเขาเกลียดคนยูเครน แต่เพราะพวกเขาเกลียดความยุติธรรมระหว่างประเทศเพราะเมื่อพูดถึงชาวปาเลสไตน์แล้วความยุติธรรมนั้นเปลี่ยนรูปแบบไปในทันที
ในช่วงห้าวันนับตั้งแต่เริ่มสงครามยูเครน หลายประเทศได้กำหนดมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียและเจ้าหน้าที่ของประเทศ แต่ 75 ปีแห่งความทุกข์ทรมานของชาวปาเลสไตน์นั้นไม่เคยมีมาตรการคว่ำบาตรต่อระบอบไซออนิสต์แม้แต่ครั้งเดียว ในความเป็นจริง ควรจะกล่าวว่าตะวันตกที่พยายามกอบกู้ยูเครนคือตะวันตกที่สนับสนุนระบอบไซออนิสต์ที่ยึดครอง และเพื่อก่ออาชญากรรมต่อชาวปาเลสไตน์มากขึ้น
วิกฤตการณ์ในยูเครนได้ถอดหน้ากาก(ความกลับกลอก)ออกจากใบหน้าที่แท้จริงของประชาคมระหว่างประเทศ ซึ่งในด้านหนึ่งประณามการเหยียดเชื้อชาติ และในทางกลับกันได้สนับสนุนระบบไซออนิสต์ของการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติต่อชาวปาเลสไตน์มานานหลายทศวรรษ
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ดูเหมือนจะลืม – หรือลืมตัวเอง – เมื่อเขาเรียกวลาดิมีร์ ปูตินว่าเป็นอาชญากรสงคราม – ว่าครอบครัวชาวปาเลสไตน์ถูกฆ่า ถูกทำลายล้าง ต้องพลัดถิ่น ถูกแย่งชิงดินแดน สร้างอานานิคมยิว และประหารชีวิตในเยาวชนมาหลายปี และพวกเขากำลังทุกข์ทรมานในรูปแบบต่างๆในเวสต์แบงก์ และทั้งหมดนี้ไม่เพียงพอสำหรับไบเดนที่จะเรียกผู้นำระบอบไซออนิสต์ว่าเป็นอาชญากรสงครามดอกหรือ !
แล้วองค์การสหประชาชาติล่ะ? ระหว่างการบุกโจมตีฉนวนกาซาของกองทัพอิสราเอลเมื่อไม่นานนี้ คณะมนตรีความมั่นคงล้มเหลวในการบังคับเทลอาวีฟให้ยุติการรุกราน แม้ว่าจะมีมติสามข้อก็ตาม นอกจากนี้ ในระหว่างการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติเพียงสมัยเดียวในเรื่องนี้ ไม่มีผู้เข้าร่วมคนใดที่เรียกการสังหารเด็กในฉนวนกาซาเป็นการก่อการร้ายและประณามการกระทำดังกล่าว ขณะที่ในการประชุมสมัชชาใหญ่ที่คล้ายคลึงกันนี้ บุคคลเหล่านั้นได้จับมือกับยูเครนและกำหนดมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย
พวกเขายังได้ระเบิดมัสยิดในยูเครนเพื่อให้ได้รับความเห็นอกเห็นใจมากขึ้น ในขณะที่มัสยิด 400 แห่งในฉนวนกาซาถูกทำลายโดยกองทัพอิสราเอล และผู้ละหมาดถูกสังหารจำนวนหนึ่ง
ดังนั้นไม่มีความยุติธรรมและไม่สามารถไว้วางใจประชาคมระหว่างประเทศได้ ทุกวันนี้ สิทธิถูกเหยียบย่ำและอำนาจอยู่ในมือของผู้กดขี่ ประวัติศาสตร์ของการเป็นทาสเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่งในรูปแบบที่แตกต่างออกไป และเชื้อชาติ สีผิว และศาสนายังคงครอบงำพฤติกรรมของผู้เสแสร้งและแอบอ้างสิทธิมนุษย์ชนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ในสหประชาชาติ
source:
https://fa.alalam.ir/news