“มนุษยธรรม #เลือกปฏิบัติ” เมื่อชาติตะวันตกทำหูหนวกตาบอด กับเหตุแผ่นดินไหวในซีเรีย 

183

ขณะที่มหาวิปโยคแผ่นดินไหวที่ตุรกี-ซีเรีย เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาคนทั้งโลก ในช่วงเวลาที่น่าสลดใจ และท่ามกลางภัยพิบัติทางด้านมนุษยธรรมนี้ เราต่างคาดหวังว่า ความขัดแย้งทางการเมืองจะยุติลง ในช่วงเวลาสั้นๆ เป็นอย่างน้อยเพราะเหตุการณ์ที่รุนแรงดังกล่าวส่งผลกระทบโดยตรงต่อพลเรือน

ประชาคมระหว่างประเทศ พร้อมกับองค์กรต่างๆ ควรช่วยอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงความต้องการขั้นพื้นฐานและสิ่งของเครื่องใช้แก่ “ทุก” ประเทศ ที่ได้รับผลกระทบ เพื่อให้พวกเขาสามารถตอบสนองต่อความต้องการความช่วยเหลือของพลเรือนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม นี่กลับไม่ใช่กรณีของซีเรีย !!!

หลังจากเกิดแผ่นดินไหว ประเทศตะวันตกหลายประเทศได้ระดมความช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว เพื่อส่งเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือและกู้ภัยไปยังตุรกี แต่ตัดสินใจเพิกเฉยต่อซีเรียที่แตกร้าวจากสงคราม และถูกคว่ำบาตรอย่างหนัก

เครื่องติดตามเที่ยวบินแสดงให้เห็นว่า ไม่มีเครื่องบินในน่านฟ้าของซีเรีย ภายหลังจากที่ต้องเผชิญกับแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ในขณะที่ทีมช่วยเหลือและกู้ภัยทั้งหมดกำลังมุ่งหน้าไปยังตุรกีเพื่อให้การช่วยเหลือ

ความหน้าซื่อใจคดและสองมาตรฐานของชาติตะวันตก

เหล่าชาติตะวันตก ที่ดูเหมือนจะให้ความสำคัญกับเรื่องสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะในกรณีของประเทศอื่น กลับยึดมั่นในมาตรการคว่ำบาตรอย่างเข้มงวดต่อซีเรีย แม้ท่ามกลางภัยพิบัติ

พวกเขาเพียงแต่แสดงความเสียใจ และแสดงความพร้อมที่จะช่วยเหลือชาวซีเรียที่ได้รับผลกระทบ แต่ในความเป็นจริง กลับไม่ได้ดำเนินการใดๆในพื้นที่ เรียกได้ว่า เป็นการกระทำที่เสแสร้ง และสองมาตรฐานอย่างชัดเจน

และหากจะมีการช่วยเหลือ ก็เป็นการช่วยเหลือที่เลือกปฏิบัติ ดั่งที่ล่าสุด เน็ด ไพรซ์ [Ned Price] โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า วอชิงตันวางแผนที่จะส่งความช่วยเหลือไปยังซีเรียผ่านองค์กรพัฒนาเอกชนที่ได้รับการสนับสนุนจากตะวันตก ซึ่งปฏิบัติการทางตอนเหนือของซีเรีย โดยไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลในกรุงดามัสกัส

เป็นที่สังเกตว่า ชาติตะวันตกให้คำมั่นจะช่วยเหลือซีเรีย แต่ผ่านองค์กร NGO และองค์กรด้านมนุษยธรรมที่ดำเนินการในดินแดนที่ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลควบคุมเท่านั้น โดยส่วนใหญ่อยู่ในอิดลิบ ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของกลุ่มก่อการร้ายไอซิสและพันธมิตร

นอกจากนี้ องค์กรสหประชาชาติ ยูเครน และแคนาดา เช่นเดียวกัน ได้แสดงความพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือ แต่ก็ยังไม่ได้ส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมไปยังซีเรีย

แม้ว่า ไฟซาล มิกดาด [Faisal Mekdad] รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศซีเรีย จะกล่าวว่า:

“ซีเรียได้ดำเนินการร้องขอต่อประเทศสมาชิกของสหประชาชาติ คณะกรรมการกาชาดสากล และกลุ่มมนุษยธรรมอื่นๆ เพื่อให้การสนับสนุนความพยายาม ในการเผชิญกับแผ่นดินไหวครั้งร้ายแรงนี้” ก็ตาม

อันเนื่องมาจากสงครามที่ทำให้โครงสร้างพื้นฐานในซีเรียอ่อนแอลง, การคว่ำบาตรที่เข้มงวดของตะวันตก ที่มีไปยังซีเรีย, การยึดครองดินแดนบางส่วนในซีเรียโดยสหรัฐฯ การขโมยทรัพยากรหลายพันล้านดอลลาร์ของซีเรีย และฯลฯทำให้ซีเรียไม่สามารถตอบสนองต่อภัยพิบัติครั้งนี้ได้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้จำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวนั้นเพิ่มสูงขึ้นอย่างน่าสลดใจ

ทั้งนี้ มิกดาด [Faysal Mikdad] ยังกล่าวเตือนว่า ความรุนแรงของแผ่นดินไหวเมื่อวันจันทร์ ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปหลายพันคนทางตอนเหนือของซีเรียกำลังทวีความรุนแรงขึ้นเนื่องจาก “การคว่ำบาตรของตะวันตก” ที่ขัดขวางการส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม

“มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ห้ามซีเรียเข้าถึงสิ่งใดๆ รวมถึงยา” มิกดาดบอกกับ @almayadeen.tv

มิกดาดยังเน้นย้ำว่า  “ความช่วยเหลือจากยุโรปไม่จำเป็นต่อการต้องถูกร้องขอ และ[ผ่าน]ระบบราชการ เนื่องจากความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมไม่อยู่ภายใต้การคว่ำบาตร… ตามกฎหมายระหว่างประเทศ ดังนั้น นี่จึงไม่ใช่ข้อแก้ตัว” เจ้าหน้าที่ซีเรียกล่าวถึงชาติตะวันตกที่นำเรื่องการเมืองมาข้องเกี่ยวกับภัยพิบัติที่ทำให้ตุรกีและซีเรียต้องสั่นสะเทือนในสัปดาห์นี้

ถึงแม้ประเทศตะวันตกหลายประเทศ เช่น เยอรมนี กรีซ โปแลนด์ และอังกฤษ ซึ่งอยู่ในเครือ NATO จะเพิกเฉยต่อคำร้องขอความช่วยเหลือจากนานาชาติของซีเรีย อย่างไรก็ดี มีรัฐอื่นๆ จากเอเชียตะวันตก และแอฟริกาเหนือ ได้เร่งส่งความช่วยเหลือไปยังซีเรีย ได้แก่ อิหร่าน อิรัก เลบานอน จอร์แดน บาห์เรน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แอลจีเรีย อียิปต์ลิเบีย ตูนีเซีย

นอกจากนี้ รัสเซีย จีน อาร์เมเนีย อินเดีย ปากีสถาน อัฟกานิสถาน เกาหลีเหนือ และเวเนซุเอลา ก็ได้ยื่นความช่วยเหลือไปยังซีเรียเช่นกัน

______________

Source: รวบรวมจาก The Cradle Media และ Al Mayadeen English