มุมมองต่อมิติและความสำคัญของคุฏบะฮ์ประวัติศาสตร์ในการนมาซวันศุกร์

1
Thousands of worshipers attend Friday prayers in Tehran on October 4, 2024, led by Islamic Revolution Leader Ayatollah Seyyed Ali Khamenei.

การนมาซวันศุกร์ครั้งประวัติศาสตร์เมื่อสองสัปดาห์ก่อนที่กรุงเตหะราน ซึ่งจัดขึ้นเพื่อรำลึกถึงท่านชะฮีดซัยยิดฮะซัน นัศรุลลอฮ์ เป็นเหตุการณ์ที่หายากและมีความสำคัญยิ่งในหน้าประวัติศาสตร์ร่วมสมัยของอิหร่าน นับเป็นอีกหนึ่ง “เยามุลลอฮ์” ที่ทุกสายตาจับจ้องอยู่

เหตุการณ์นี้มีมิติที่สำคัญหลายประการ หนึ่งในนั้นคือจำนวนผู้คนมหาศาลที่เข้าร่วม ถนนทุกสายรอบมุศ็อลลา (สถานที่จัดนมาซวันศุกร์) ในกรุงเตหะรานเต็มไปด้วยผู้ศรัทธา บางคนมาถึงตั้งแต่คืนก่อนหน้า พื้นที่ในมุศ็อลลาก็เต็มจนไม่มีที่ว่าง ผู้ศรัทธาจำนวนมากต้องยืนอยู่ตามถนนโดยรอบ นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมจำนวนหนึ่งยังเดินทางมาจากเมืองและหมู่บ้านห่างไกล แสดงถึงความพร้อมที่จะอุทิศตนเพื่ออุดมการณ์ของพวกเขา ภายใต้ธงของ “วิลายะตุลฟะกีฮ์” และส่งสารชัดเจนถึงทุกฝ่ายที่จับตามองว่า พวกเขาพร้อมปกป้องและสู้เพื่ออุดมการณ์ของตน

ความกล้าหาญของประชาชน

การนมาซวันศุกร์ครั้งนี้ไม่เพียงแค่เป็นเหตุการณ์สำคัญทางศาสนา แต่ยังเป็นการรวมพลังของชาติ ประชาชนหลายคนยอมรับว่านี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้มีโอกาสเข้าร่วมนมาซวันศุกร์กับผู้นำสูงสุด การเข้าร่วมของบุคคลจากหลากหลายกลุ่มความคิดเห็นทางการเมือง สะท้อนถึงความสามัคคีอันยิ่งใหญ่ของชาวอิหร่าน ซึ่งเมื่อประเทศอยู่ในสถานการณ์ที่พิเศษ พวกเขาสามารถละทิ้งความเห็นต่าง และรวมตัวกันอย่างแน่นแฟ้นภายใต้ธงเดียว การปรากฏตัวของประชาชนท่ามกลางการข่มขู่ของอิสราเอล หลังจาก “ปฏิบัติการคำมั่นสัญญาที่ซื่อสัตย์ 2” แสดงถึงความกล้าหาญที่หาที่เปรียบไม่ได้ของชาวอิหร่าน

การทำลายแผนการสร้างความหวาดกลัวของศัตรู

หนึ่งในประเด็นสำคัญคือ การปรากฏตัวอย่างทรงพลังของท่านอายะตุลลอฮ์อุซมา คาเมเนอีในการนมาซวันศุกร์ครั้งนี้ ขณะที่ฝ่ายศัตรูพยายามสร้างบรรยากาศแห่งความกลัวและหวาดวิตกผ่านการปล่อยข่าวลวง ตัวอย่างเช่น สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานข่าวเท็จว่า ผู้นำอิหร่านถูกย้ายไปยังสถานที่ปลอดภัย แต่การปรากฏตัวของท่านในพิธีนี้ถือเป็นการปฏิเสธข่าวลวงอย่างชัดเจน และยืนยันความแข็งแกร่งของสาธารณรัฐอิสลาม การที่ท่านผู้นำเข้าร่วมพิธีก่อนอะซานซุฮร์ และร่วมรำลึกถึงท่านชะฮีดซัยยิดฮะซัน นัศรุลลอฮ์ พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ระดับสูงทั้งทหารและรัฐบาล แสดงให้เห็นชัดเจนว่า อิหร่านยังคงมั่นคง และไม่ยอมถอยจากจุดยืน

ความแตกต่างจากที่ผ่านมา

สิ่งที่ทำให้การนมาซวันศุกร์ครั้งนี้พิเศษ คือการที่ท่านผู้นำได้นำทั้งนมาซซุฮร์และนมาซอัศริด้วยตนเอง ซึ่งแตกต่างจากปกติที่อิมามอีกคนหนึ่งจะนำละหมาดครั้งที่สอง นอกจากนี้ ท่านยังได้สนทนากับผู้คนในแถวแรกหลังจากเสร็จสิ้นนมาซ สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งสารชัดเจนต่อผู้ที่จับตามอง ว่าอิหร่านยังคงแข็งแกร่งและไม่หวั่นไหวแม้จะเผชิญกับสงครามจิตวิทยาจากศัตรู

สารสำคัญ: “ไม่ลังเล ไม่เชื่องช้า และไม่รีบร้อน”

การนมาซวันศุกร์ครั้งนี้ส่งสารสำคัญไปยังทั้งมิตรและศัตรู โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับชาวเลบานอนและปาเลสไตน์ ท่านอายะตุลลอฮ์อุซมา คาเมเนอีได้กล่าวในคุฏบะฮ์แรกว่า “การที่กองกำลังของเราทำสิ่งนี้นั้น เป็นเพียงการลงโทษที่น้อยที่สุดต่อระบอบไซออนิสต์ที่โหดร้าย และเราจะดำเนินหน้าที่ของเราโดยไม่ลังเล ไม่รีบร้อน แต่จะดำเนินการตามที่สมเหตุสมผล”

คำพูดนี้แสดงถึงความแน่วแน่ของอิหร่าน ที่จะปกป้องผลประโยชน์ของตนอย่างมั่นคง ไม่ว่าจะต้องเผชิญกับสถานการณ์ใด ศัตรูจะต้องทบทวนแผนการของตนใหม่ เพราะมหากาพย์ “วันศุกร์แห่งชัยชนะ” ครั้งนี้ จะไม่ถูกลืมในการคำนวณของพวกเขาในอนาคตอย่างแน่นอน

ประชาชนชาวอิหร่านได้แสดงให้เห็นชัดเจนแล้วว่า เมื่อใดก็ตามที่ศัตรูหรือผู้แทรกแซงจากต่างประเทศเข้ามาเกี่ยวข้อง พวกเขาจะรวมตัวกันเป็นหนึ่งเสียง และใครที่คิดจะทดสอบความกล้าหาญของประชาชนนี้ จะต้องเสียใจอย่างแน่นอน!

ที่มา : https://khl.ink/f/57880