คำถามที่ 2: ความเชื่อเรื่อง “ผู้ช่วยโลก” เป็นเอกลักษณ์ของอิสลามหรือไม่?
คำตอบ คำถามสำคัญที่หลายคนสงสัยคือ “แนวคิดเกี่ยวกับผู้ช่วยให้รอด (Savior) เป็นเอกลักษณ์ของศาสนาอิสลามหรือไม่ หรือมีอยู่ในศาสนาอื่น ๆ ด้วย?” คำตอบคือ ความเชื่อในเรื่อง ผู้ช่วยโลก ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่อิสลามเท่านั้น แต่แพร่หลายไปในศาสนาและวัฒนธรรมต่าง ๆ ทั่วโลก ความเชื่อนี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของแนวคิดเกี่ยวกับ ยุคสุดท้าย ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่โลกจะได้รับการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นผ่านบุคคลหนึ่งผู้มีภารกิจนำพาสังคมสู่ความยุติธรรมและความสงบสุข
1.ความเชื่อในศาสนาต่าง ๆ
เมื่อพิจารณาศาสนาของพระเจ้า (ศาสนาอิบราฮิม เช่น ยูดาย คริสต์ และอิสลาม) รวมถึงศาสนาและลัทธิสำคัญอื่น ๆ เช่น ฮินดู พุทธ และโซโรอัสเตอร์ พบว่าแต่ละศาสนามีแนวคิดเกี่ยวกับ ผู้ช่วยให้รอด อยู่ในคำสอนของตนเอง
แนวคิดนี้มีจุดร่วมดังต่อไปนี้:
- ผู้ช่วยโลกจะปรากฏตัวในช่วงสุดท้ายของประวัติศาสตร์
- สังคมโลกจะเปลี่ยนจากความทุกข์ยากไปสู่ยุคทองแห่งความยุติธรรมและความสงบสุข
- ความชั่วร้าย ความอยุติธรรม และความขัดแย้งจะหมดไป
- คุณธรรมและความดีงามจะเจริญรุ่งเรือง
- มนุษย์จะได้รับความสมบูรณ์ทั้งทางจิตวิญญาณและทางวัตถุ
2.ทำไมแนวคิดนี้จึงมีอยู่ในทุกศาสนา?
คำอธิบายแรก นั่นคือ แทบจะทุกศาสนามีการกล่าวถึง “ช่วงเวลาสุดท้าย” หรือ “ช่วงเวลาแห่งจุดสูงสุด” ของมนุษยชาติเสมอ และมักจะมีเรื่องราวของบุคคลปริศนาที่จะทำให้อุดมคตินั้นไปสู่ฝั่งฝัน และคำอธิบายที่สอง และจากแนวคิดเกี่ยวกับ ผู้ช่วยโลก เป็นความหวังสากลของมนุษย์ เนื่องจากตลอดประวัติศาสตร์ มนุษย์ต้องเผชิญกับความไม่ยุติธรรม สงคราม และความทุกข์ยาก ทำให้ความสนใจต่อการหาและศึกษาบุคคลหนึ่งที่ถูกกำหนดให้มาแก้ไขปัญหาเหล่านี้และนำโลกไปสู่ยุคใหม่ที่ดีกว่าถูกกระตุ้นขึ้นในหลายรอบครั้ง แม้ว่าแต่ละศาสนาจะมีรายละเอียดแตกต่างกันเกี่ยวกับลักษณะของผู้ช่วยให้รอด แต่องค์ประกอบหลักของความเชื่อนี้คล้ายคลึงกัน
ตัวอย่างเช่น:
- ในศาสนาโซโรอัสเตอร์ มีแนวคิดเกี่ยวกับ ซอชยันต์ (Saoshyant) ผู้ที่จะมากำจัดความชั่วร้ายและนำความสงบสุขมาให้
- ในศาสนาฮินดู มีความเชื่อว่า พระกัลกิ (Kalki) ซึ่งเป็นอวตารสุดท้ายของพระวิษณุ จะปรากฏเพื่อทำลายความชั่วร้าย
- ในพุทธศาสนา มีแนวคิดเรื่อง พระศรีอริยเมตไตรย ซึ่งจะมาเผยแผ่พระธรรมในอนาคต
- ในศาสนายิวและคริสต์ มีแนวคิดเกี่ยวกับ พระเมสสิยาห์ (Messiah) ผู้ที่จะมาก่อตั้งอาณาจักรแห่งความยุติธรรม
- ในศาสนาอิสลาม โดยเฉพาะในแนวคิดชีอะฮ์ เชื่อว่า อิมามมะฮ์ดี (อญ) จะเป็นผู้นำที่ถูกกำหนดมาเพื่อสร้างความยุติธรรมบนโลก
- ความเชื่อในยุคสุดท้าย:แรงบันดาลใจของมนุษย์
ตลอดประวัติศาสตร์ แนวคิดเกี่ยวกับ ผู้ช่วยโลก เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนมีความหวังและพยายามรักษาความดีไว้ แม้ว่าจะต้องเผชิญกับความยากลำบาก ความเชื่อนี้ทำให้มนุษย์สามารถหลีกเลี่ยงความสิ้นหวังและเฝ้ารอการมาของ มุศลิฮ์ เมาอูด (ผู้ช่วยให้รอดผู้ถูกสัญญา) ซึ่งจะนำโลกไปสู่ยุคทองของมนุษยชาติ
5.ผู้ช่วยโลกในศาสนาโซโรอัสเตอร์ – บทบาทของ “ซอชยันต์” (Saoshyant)
ศาสนาโซโรอัสเตอร์ (Zoroastrianism) เป็นศาสนาเก่าแก่ที่ก่อตั้งโดยศาสดาโซโรอัสเตอร์ (Zarathustra) ในอิหร่านโบราณ แนวคิดเรื่อง ผู้ช่วยโลก มีบทบาทสำคัญในศาสนานี้ โดยเรียกบุคคลดังกล่าวว่า “ซอชยันต์” (Saoshyant) ซึ่งหมายถึง “ผู้ช่วยเหลือ” หรือ “ผู้กอบกู้” โซโรอัสเตอร์สอนว่าโลกอยู่ในสงครามระหว่าง อาหุระมาซดา (Ahura Mazda) เทพเจ้าแห่งความดี และ อหริมัน (Angra Mainyu) วิญญาณแห่งความชั่วร้าย และในยุคสุดท้าย ซอชยันต์ จะปรากฏเพื่อกำจัดความชั่วและนำมนุษย์ไปสู่ยุคแห่งความสงบสุข
คุณลักษณะของซอชยันต์
ซอชยันต์เป็นบุคคลที่มีบทบาทสำคัญใน Frashokereti หรือ “การฟื้นฟูโลก” ซึ่งเป็นแนวคิดในศาสนาโซโรอัสเตอร์เกี่ยวกับการชำระโลกให้บริสุทธิ์และนำมนุษย์เข้าสู่ยุคทอง
- ผู้ช่วยโลกในยุคสุดท้ายซอชยันต์ถูกกำหนดให้มาปรากฏตัวในช่วงสุดท้ายของโลก เพื่อนำพาความยุติธรรมและกำจัดความชั่ว โลกจะได้รับการฟื้นฟูให้กลับสู่ความสมบูรณ์
- เชื้อสายของศาสดาโซโรอัสเตอร์ซอชยันต์เชื่อว่าเกิดจากเชื้อสายของศาสดาโซโรอัสเตอร์และได้รับภารกิจอันศักดิ์สิทธิ์ในการฟื้นฟูธรรมะ (Asha – ความถูกต้อง) และทำลายความชั่ว (Druj – ความชั่วร้าย)
- ผู้นำสู่ความเป็นอมตะเมื่อซอชยันต์มาปรากฏ โลกจะเข้าสู่ยุคที่ความตายและความเจ็บป่วยหมดไป มนุษย์จะบรรลุความเป็นอมตะ และมีชีวิตที่เต็มไปด้วยความสงบสุข
- การพิชิตอหริมันซอชยันต์จะเป็นผู้ทำลายอหริมัน (Angra Mainyu) ซึ่งเป็นตัวแทนของความชั่วร้าย โลกจะเต็มไปด้วยความยุติธรรมและความสงบสุข
คำกล่าวในคัมภีร์อเวสตะ (Avesta)
ใน อเวสตะ (คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาโซโรอัสเตอร์) ได้กล่าวถึงซอชยันต์ไว้อย่างชัดเจน เช่นใน Yasht 13.129 มีข้อความว่า “Astvat-ereta shall arise, he who is victorious, beneficent, and full of strength. He will bring about the final judgment and annihilate the Druj forever.”
(استوت ارته خواهد آمد، او که پیروز، نیکوکار و پر از توانایی است. او قضاوت نهایی را به اجرا خواهد گذاشت و دروج (دروغ) را برای همیشه نابود خواهد کرد.)
“อัศวัตเอเรตะ (ซอชยันต์) จะปรากฏขึ้น เขาจะเป็นผู้มีชัยชนะ ผู้มีเมตตา และเปี่ยมด้วยพลัง เขาจะนำการพิพากษาครั้งสุดท้ายและทำลายความชั่วร้าย (Druj) ตลอดไป”
บทบาทของซอชยันต์ในยุคสุดท้าย (Frashokereti)
ศาสนาโซโรอัสเตอร์เชื่อว่า เมื่อถึงยุคสุดท้าย จะเกิดเหตุการณ์สำคัญที่เกี่ยวข้องกับซอชยันต์ ดังนี้:
- การฟื้นฟูโลกโลกจะถูกชำระล้างจากมลทินและความชั่วร้าย ธรรมชาติและสิ่งมีชีวิตทั้งหมดจะกลับสู่ความสมบูรณ์แบบ
- การฟื้นคืนชีพของผู้ตายผู้ที่เสียชีวิตไปแล้วจะได้รับการฟื้นคืนชีพ พวกเขาจะมีชีวิตใหม่ที่เต็มไปด้วยความสงบสุข
- ยุคแห่งความสงบสุขโลกจะไม่มีสงคราม ความเจ็บป่วย หรือความตาย มนุษย์จะอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขและมีความเจริญรุ่งเรือง
อิทธิพลของแนวคิด “ซอชยันต์” ต่อศาสนาและวัฒนธรรมอื่น ๆ
แนวคิดเกี่ยวกับ ซอชยันต์ มีอิทธิพลอย่างมากต่อศาสนาและวัฒนธรรมอื่น ๆ ที่พูดถึง ผู้ช่วยโลก เช่น:
- ศาสนายูดาย: ความเชื่อเรื่อง พระเมสสิยาห์ (Messiah)
- ศาสนาคริสต์: ความเชื่อเรื่อง การเสด็จกลับมาของพระเยซู
- ศาสนาอิสลาม: ความเชื่อเรื่อง อิมามมะฮ์ดี (อญ)
จุดร่วมของแนวคิดเหล่านี้คือ:
- การรอคอยบุคคลพิเศษที่ถูกกำหนดให้มากอบกู้โลก
- การปรากฏตัวของผู้ช่วยโลกจะนำไปสู่ยุคแห่งความยุติธรรม
- ความชั่วร้ายจะถูกทำลาย และมนุษย์จะได้รับความสุขอันแท้จริง
6.ผู้ช่วยโลกในศาสนาฮินดู – บทบาทของ “พระกัลกิ” (Kalki)
ในศาสนาฮินดู แนวคิดเกี่ยวกับ ผู้ช่วยโลก ปรากฏอยู่ในคำสอนเรื่อง อวตารของพระวิษณุ (Vishnu) ซึ่งหมายถึงการที่พระเจ้ามาปรากฏบนโลกเพื่อปกป้องธรรมะและกำจัดอธรรม
พระวิษณุมีทั้งหมด สิบอวตาร (Dashavatara) และในยุคสุดท้ายจะมีอวตารที่เรียกว่า “พระกัลกิ” (Kalki) ซึ่งเป็นอวตารสุดท้ายของพระองค์
ศาสนาฮินดูเชื่อว่าเมื่อโลกเข้าสู่ยุค กาลียูกะ (Kali Yuga) ซึ่งเป็นยุคที่เต็มไปด้วยความเสื่อมทราม พระกัลกิจะปรากฏขึ้นเพื่อทำลายความชั่วและฟื้นฟูธรรมะ
คุณลักษณะของพระกัลกิ
ตามคำทำนายในคัมภีร์ของศาสนาฮินดู พระกัลกิมีลักษณะสำคัญดังนี้:
- เป็นอวตารสุดท้ายของพระวิษณุพระกัลกิเป็นอวตารที่สิบของพระวิษณุ ซึ่งจะปรากฏตัวในยุคกาลียูกะ พระองค์จะมาปกป้องธรรมะและนำความยุติธรรมกลับมาสู่โลก
- ประสูติในหมู่บ้านชัมพละ(Shambhala) พระกัลกิจะเกิดในหมู่บ้านชัมพละ เป็นบุตรของวิษณุยศา (Vishnuyasha) และสุมตี (Sumati)
- ทรงม้าขาวและถือดาบศักดิ์สิทธิ์พระองค์จะเสด็จมาบนหลังม้าขาวชื่อ เทวทัต (Devadatta) ในพระหัตถ์ถือดาบที่เปล่งแสง ซึ่งใช้ทำลายความชั่วร้าย
- นำยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยธรรมะเมื่อพระกัลกิปรากฏ โลกจะเข้าสู่ยุคใหม่ที่เรียกว่า สัตยะยุคะ (Satya Yuga) ซึ่งเป็นยุคแห่งความบริสุทธิ์และความยุติธรรม พระองค์จะกำจัดคนชั่วและนำพาโลกไปสู่ความสงบสุข
คำกล่าวในคัมภีร์ศาสนาฮินดูเกี่ยวกับพระกัลกิ
ใน ภควัทปุราณะ (Bhagavata Purana) กล่าวว่า: “เมื่อกษัตริย์ทั้งหลายกลายเป็นโจรในยุคกาลี พระกัลกิจะอวตารลงมา ทรงม้าขาวและถือดาบ เพื่อทำลายเหล่าคนชั่วและฟื้นฟูธรรมะ”
(ภควัทปุราณะ, 12.2.19-20)
บทบาทของพระกัลกิในยุคสุดท้าย (Kali Yuga)
ตามศาสนาฮินดู โลกจะผ่าน สี่ยุคสำคัญ ได้แก่:
- สัตยะยุคะ(Satya Yuga) – ยุคแห่งความบริสุทธิ์และความยุติธรรม
- เตรตายุคะ(Treta Yuga) – ยุคที่เริ่มมีความเสื่อมของธรรมะ
- ทวาปรายุคะ(Dvapara Yuga) – ยุคที่ธรรมะเริ่มลดลงครึ่งหนึ่ง
- กาลียูกะ(Kali Yuga) – ยุคที่เต็มไปด้วยความชั่วร้ายและการทุจริต
ปัจจุบัน โลกอยู่ในยุค กาลียูกะ ซึ่งเป็นยุคแห่งความเสื่อมศีลธรรม ความอยุติธรรม และความโลภ
เมื่อถึงจุดที่ความชั่วร้ายปกคลุมโลกอย่างเต็มที่ พระกัลกิจะมาปรากฏเพื่อกำจัดคนชั่วและนำโลกเข้าสู่ ยุคใหม่ของความยุติธรรม (สัตยะยุคะ)
พระกัลกิจะทำลายระบอบที่ไม่เป็นธรรม ปกครองโลกด้วยความเมตตา และทำให้มนุษย์มีจิตใจบริสุทธิ์อีกครั้ง
อิทธิพลของแนวคิด “พระกัลกิ” ต่อศาสนาและวัฒนธรรมอื่น ๆ
แนวคิดเกี่ยวกับ พระกัลกิ มีอิทธิพลต่อความเชื่อเรื่อง ผู้ช่วยโลก ในศาสนาอื่น ๆ เช่น:
- ศาสนาโซโรอัสเตอร์ – แนวคิดเรื่อง ซอชยันต์ (Saoshyant)
- ศาสนายูดาย – ความเชื่อเรื่อง พระเมสสิยาห์ (Messiah)
- ศาสนาคริสต์ – ความเชื่อเรื่อง การเสด็จกลับมาของพระเยซู
- ศาสนาอิสลาม – ความเชื่อเรื่อง อิมามมะฮ์ดี (อญ)
- พุทธศาสนา – ความเชื่อเรื่อง พระศรีอริยเมตไตรย
จุดร่วมของแนวคิดเหล่านี้คือ:
- การรอคอยบุคคลผู้ที่จะมากอบกู้โลกจากความชั่วร้าย
- การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นก่อนยุคแห่งความยุติธรรม
- การปรากฏตัวของผู้ช่วยโลกนำไปสู่สังคมที่เต็มไปด้วยคุณธรรม
7.ผู้ช่วยโลกในพระพุทธศาสนา – บทบาทของ “พระศรีอริยเมตไตรย”
ในพระพุทธศาสนา มีความเชื่อเกี่ยวกับ พระพุทธเจ้าองค์อนาคต ซึ่งรู้จักกันในชื่อ “พระศรีอริยเมตไตรย” (Maitreya หรือ Metteyya ในภาษาบาลี) พระองค์จะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ถัดไปเพื่อฟื้นฟูพระธรรมและนำมนุษย์เข้าสู่ยุคแห่งความสงบสุข แนวคิดเรื่อง พระศรีอริยเมตไตรย สะท้อนถึงความเชื่อใน “ผู้ช่วยโลก” เช่นเดียวกับในศาสนาอื่น ๆ ที่กล่าวถึงผู้กอบกู้ซึ่งจะปรากฏตัวในยุคสุดท้าย
- คุณลักษณะของพระศรีอริยเมตไตรย
ตามคำสอนทางพระพุทธศาสนา พระศรีอริยเมตไตรยมีคุณลักษณะสำคัญดังนี้:
- พระพุทธเจ้าองค์อนาคตเมื่อพระพุทธศาสนาของพระโคตมพุทธเจ้าเสื่อมสูญไป พระศรีอริยเมตไตรยจะมาตรัสรู้และฟื้นฟูพระธรรม พระองค์จะเป็นพระพุทธเจ้าผู้สอนธรรมะที่บริสุทธิ์และสมบูรณ์อีกครั้ง
- ตรัสรู้ในยุคที่มนุษย์มีอายุยืนยาวในอนาคต มนุษย์จะมีอายุยืนถึง 80,000 ปี และโลกจะเต็มไปด้วยความสงบสุข พระศรีอริยเมตไตรยจะอุบัติขึ้นในยุคนั้นและสั่งสอนธรรมะแก่มวลมนุษย์
- นำมนุษย์ไปสู่ความสงบสุขพระองค์จะเผยแผ่พระธรรมที่ช่วยให้มนุษย์พ้นจากกิเลสและความทุกข์ ผู้ที่ติดตามพระองค์จะพบกับความสงบทั้งทางโลกและทางจิตวิญญาณ
คำกล่าวในพระไตรปิฎกเกี่ยวกับพระศรีอริยเมตไตรย
ใน พระไตรปิฎก เล่มที่ 11 พระสุตตันตปิฎก เล่ม 3 ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค จักกวัตติสูตร ได้กล่าวถึงพระศรีอริยเมตไตรยว่า:
“ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุ 80,000 ปี พระผู้มีพระภาคทรงพระนามว่าเมตไตรย์ จักเสด็จอุบัติขึ้นในโลก พระองค์เป็นอรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบ ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เสด็จไปดีแล้ว ทรงรู้แจ้งโลก เป็นสารถีฝึกบุรุษที่ควรฝึกไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกพระธรรม…”
(พระไตรปิฎก เล่มที่ 11 พระสุตตันตปิฎก เล่ม 3 ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค จักกวัตติสูตร)
“เมื่อมนุษย์มีอายุยืนยาวถึง 80,000 ปี พระศรีอริยเมตไตรยจะอุบัติขึ้นบนโลก พระองค์จะเป็นพระพุทธเจ้าผู้ทรงคุณธรรม ทรงนำทางมนุษย์ไปสู่หนทางแห่งความสงบสุขและความหลุดพ้น”
บทบาทของพระศรีอริยเมตไตรยในยุคสุดท้าย
พระศรีอริยเมตไตรยจะมีบทบาทสำคัญในอนาคตดังนี้:
- การฟื้นฟูพระพุทธศาสนาเมื่อพระธรรมของพระโคตมพุทธเจ้าถูกลืม พระศรีอริยเมตไตรยจะมาตรัสรู้และนำสัจธรรมกลับมาสู่โลก ผู้คนจะหันกลับมาปฏิบัติตามพระธรรมอีกครั้ง
- นำพามนุษย์เข้าสู่ยุคแห่งความสุขโลกจะอยู่ในภาวะที่เจริญรุ่งเรือง ผู้คนมีจิตใจบริสุทธิ์ ความขัดแย้ง สงคราม และความทุกข์จะหมดไป
- สังคมในยุคของพระศรีอริยเมตไตรยโลกจะเต็มไปด้วยความรัก ความเมตตา และสันติภาพ พระองค์จะสอนมนุษย์ให้หลุดพ้นจากทุกข์และนำพาสังคมไปสู่ยุคทอง
จุดร่วมของแนวคิดเหล่านี้คือ:
- การรอคอย บุคคลพิเศษ ที่จะมาปรากฏตัวและกอบกู้โลก
- การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นก่อนยุคแห่งความสงบสุข
- การนำพามวลมนุษย์ไปสู่เส้นทางแห่งความดีงาม
8.ผู้ช่วยโลกในศาสนาคริสต์
ในศาสนาคริสต์ แนวคิดเกี่ยวกับ ผู้ช่วยโลก เชื่อมโยงกับ การเสด็จกลับมาของพระเยซูคริสต์ (Second Coming of Christ) ซึ่งเป็นเหตุการณ์สำคัญที่กล่าวถึงในพระคัมภีร์ไบเบิล โดยพระเยซูจะเสด็จกลับมาเพื่อพิพากษาโลก ทำลายความชั่ว และนำความยุติธรรมมาสู่มนุษย์ คริสต์ศาสนาเชื่อว่า เมื่อถึงยุคสุดท้าย พระเยซูจะกลับมาเพื่อปกครองโลก นำความสงบสุข และช่วยปลดปล่อยมนุษยชาติจากความบาปและความทุกข์ นี่เป็นแนวคิดที่คล้ายคลึงกับ พระศรีอริยเมตไตรย ในพุทธศาสนา, พระกัลกิ ในศาสนาฮินดู และ อิมามมะฮ์ดี ในศาสนาอิสลาม
คุณลักษณะของพระเยซูในฐานะผู้ช่วยโลก
ตามพระคัมภีร์ พระเยซูมีบทบาทสำคัญในยุคสุดท้าย ดังนี้:
- พระเยซูจะเสด็จกลับมาในพระสิริคัมภีร์ไบเบิลกล่าวว่า พระเยซูจะเสด็จกลับมาอย่างสง่างามพร้อมด้วยกองทัพทูตสวรรค์ พระองค์จะมาเพื่อฟื้นฟูอาณาจักรของพระเจ้าและทำให้โลกกลับคืนสู่ความบริสุทธิ์
- การพิพากษาโลกและการกำจัดความชั่วพระเยซูจะทำลายซาตานและพลังแห่งความชั่วร้าย พระองค์จะตัดสินมนุษย์ตามการกระทำของพวกเขา
- การสร้างฟ้าใหม่และแผ่นดินใหม่โลกเก่าที่เต็มไปด้วยความบาปจะสูญสิ้นไป พระองค์จะสร้างโลกใหม่ที่เต็มไปด้วยความสงบสุขและความบริสุทธิ์
- คำกล่าวในพระคัมภีร์เกี่ยวกับการเสด็จกลับมาของพระเยซู
มัทธิว 24:30 (Matthew 24:30)”แล้วหมายสำคัญแห่งบุตรมนุษย์จะปรากฏในท้องฟ้า และชนชาติทั้งปวงทั่วแผ่นดินโลกจะร่ำไห้ และพวกเขาจะเห็นบุตรมนุษย์เสด็จมาในเมฆบนท้องฟ้า ด้วยฤทธานุภาพและพระสิริอันยิ่งใหญ่”
วิวรณ์ 20:11-12 (Revelation 20:11-12) “แล้วข้าพเจ้าเห็นบัลลังก์ใหญ่สีขาวและพระองค์ผู้ประทับบนบัลลังก์นั้น แผ่นดินและท้องฟ้าก็หนีไปจากพระพักตร์ของพระองค์ ไม่มีที่สำหรับพวกมันอีก และข้าพเจ้าเห็นคนตายทั้งเล็กและใหญ่ยืนอยู่หน้าพระบัลลังก์ มีหนังสือเล่มหนึ่งเปิดอยู่ อีกทั้งยังมีหนังสือเล่มอื่นซึ่งเป็นหนังสือแห่งชีวิต คนทั้งปวงถูกพิพากษาตามสิ่งที่พวกเขาได้กระทำตามที่เขียนไว้ในหนังสือเหล่านั้น”
วิวรณ์ 21:1-4 (Revelation 21:1-4)”แล้วข้าพเจ้าเห็นฟ้าใหม่และแผ่นดินใหม่ เพราะฟ้าแรกและแผ่นดินแรกได้สูญสลายไป และทะเลก็ไม่มีอีก ข้าพเจ้าเห็นนครบริสุทธิ์ กรุงเยรูซาเล็มใหม่ ที่ลงมาจากสวรรค์จากพระเจ้า ซึ่งจัดเตรียมไว้เหมือนเจ้าสาวที่แต่งตัวสำหรับสามีของเธอ ข้าพเจ้าได้ยินเสียงดังจากบัลลังก์กล่าวว่า ‘นี่คือพลับพลาของพระเจ้าในหมู่มนุษย์ พระองค์จะประทับอยู่กับพวกเขา และพวกเขาจะเป็นประชากรของพระองค์'”
บทบาทของพระเยซูในการเสด็จกลับมา
พระเยซูจะมีบทบาทสำคัญในยุคสุดท้าย ดังนี้:
- การพิพากษาโลกพระเยซูจะทำให้ความยุติธรรมสมบูรณ์โดยการพิพากษามวลมนุษย์ ผู้ชอบธรรมจะได้รับรางวัล และผู้ชั่วร้ายจะถูกลงโทษ
- การทำลายซาตานและความชั่วร้ายซาตานและอำนาจแห่งความชั่วร้ายจะถูกทำลายอย่างถาวร โลกจะได้รับการชำระล้างให้บริสุทธิ์
- การนำมนุษย์สู่ยุคแห่งความสงบสุขผู้ที่ศรัทธาจะได้รับความรอดและอยู่ร่วมกับพระองค์ในอาณาจักรของพระเจ้า ความทุกข์ยากและความเจ็บปวดจะหมดไป
อิทธิพลของแนวคิด “การเสด็จกลับมาของพระเยซู” ต่อศาสนาและวัฒนธรรมอื่น ๆ
แนวคิดเกี่ยวกับการเสด็จกลับมาของพระเยซูมีความคล้ายคลึงกับแนวคิด ผู้ช่วยโลก ในศาสนาอื่น ๆ เช่น:
- ศาสนาโซโรอัสเตอร์ – แนวคิดเรื่อง ซอชยันต์ (Saoshyant)
- ศาสนาฮินดู – แนวคิดเรื่อง พระกัลกิ (Kalki)
- ศาสนายูดาย – ความเชื่อเรื่อง พระเมสสิยาห์ (Messiah)
- ศาสนาอิสลาม – ความเชื่อเรื่อง อิมามมะฮ์ดี (อญ)
- พุทธศาสนา – ความเชื่อเรื่อง พระศรีอริยเมตไตรย
สรุป
แนวคิดเกี่ยวกับ “ผู้ช่วยโลก” หรือ “ผู้กอบกู้” เป็นแนวคิดที่มีรากฐานลึกซึ้งและแพร่หลายในศาสนาและวัฒนธรรมต่าง ๆ ทั่วโลก ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะในศาสนาอิสลามเท่านั้น แต่ปรากฏในคำสอนของศาสนาอื่น ๆ เช่น ศาสนาโซโรอัสเตอร์ ศาสนาฮินดู พระพุทธศาสนา ศาสนายูดาย และศาสนาคริสต์
จากการศึกษาข้อมูลในศาสนาต่าง ๆ สามารถสรุปประเด็นสำคัญได้ดังนี้:
- ความเป็นสากลของแนวคิดผู้ช่วยโลกทุกศาสนามีความเชื่อใน บุคคลผู้กอบกู้ ซึ่งจะปรากฏตัวในช่วงสุดท้ายของประวัติศาสตร์เพื่อนำพาความยุติธรรม ความสงบสุข และความเมตตาสู่โลก แนวคิดนี้สะท้อนถึงความหวังของมนุษย์ต่ออนาคตที่ดีกว่า และเป็นสิ่งที่ช่วยหล่อเลี้ยงจิตใจของผู้คนในยุคแห่งความทุกข์ยาก
- บทบาทของผู้ช่วยโลกในศาสนาต่างๆ
- ในศาสนาโซโรอัสเตอร์ซอชยันต์ (Saoshyant) เป็นผู้กอบกู้ที่ถูกส่งมาเพื่อนำโลกไปสู่ยุคแห่งความบริสุทธิ์
- ในศาสนาฮินดูพระกัลกิ (Kalki) เป็นอวตารสุดท้ายของพระวิษณุที่จะมาปราบปรามความชั่วและนำพายุคทองกลับมา
- ในพระพุทธศาสนาพระศรีอริยเมตไตรย จะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ใหม่และสอนธรรมะแก่มนุษยชาติ
- ในศาสนายูดายและศาสนาคริสต์เชื่อว่าพระเจ้าได้สัญญาว่าจะส่ง พระเมสสิยาห์ (Messiah) หรือ การเสด็จกลับมาของพระเยซู เพื่อนำความยุติธรรมมาสู่โลก
- ในศาสนาอิสลามโดยเฉพาะแนวคิดชีอะฮ์ เชื่อว่า อิมามมะฮ์ดี (อญ) จะเป็นผู้นำที่พระเจ้าทรงแต่งตั้งมาเพื่อกำจัดความอยุติธรรมและนำโลกไปสู่ความสงบสุข
- จุดร่วมของแนวคิดผู้ช่วยโลกในศาสนาต่างๆ
- ผู้ช่วยโลกจะปรากฏในช่วงเวลาที่มนุษยชาติเผชิญกับวิกฤติศีลธรรมความทุกข์ยาก และความอยุติธรรม
- หลังจากการปรากฏตัวของผู้ช่วยโลกโลกจะเข้าสู่ยุคแห่งความยุติธรรมและสันติสุข
- ความชั่วร้ายจะถูกกำจัดอย่างสมบูรณ์และคุณธรรมจะรุ่งเรือง
- ความเชื่อและอิทธิพลต่อสังคม
- แนวคิดเกี่ยวกับผู้ช่วยโลกเป็นแรงบันดาลใจให้มนุษย์มีความหวังแม้จะต้องเผชิญกับความอยุติธรรมและความทุกข์ยาก
- หลายศาสนาใช้แนวคิดนี้เป็นแรงผลักดันให้ผู้คนดำรงตนอยู่ในความดีและเฝ้ารอวันแห่งการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น
ข้อสรุปทางวิชาการ
แนวคิดเรื่อง “ผู้ช่วยโลก” เป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญที่เชื่อมโยงศาสนาและวัฒนธรรมต่าง ๆ เข้าด้วยกัน โดยเป็นภาพสะท้อนของความหวังและความปรารถนาของมนุษย์ที่ต้องการเห็นความยุติธรรมและความสงบสุขในโลก
แม้ว่ารายละเอียดของผู้ช่วยโลกในแต่ละศาสนาจะแตกต่างกันในด้านชื่อ คุณลักษณะ และวิธีการปรากฏตัว แต่จุดร่วมของแนวคิดนี้แสดงให้เห็นว่า มนุษยชาติมีแนวคิดร่วมกันเกี่ยวกับ “จุดเปลี่ยนของโลก” ที่นำไปสู่สังคมที่สมบูรณ์แบบ
ข้อคิดส่งท้าย
แนวคิดเกี่ยวกับผู้ช่วยโลกไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของศาสนาเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับจิตวิทยาและสังคมวิทยา โดยสะท้อนถึงธรรมชาติของมนุษย์ที่มีความหวังและความปรารถนาในการสร้างโลกที่ดีขึ้น
ไม่ว่าผู้ช่วยโลกจะปรากฏขึ้นในรูปแบบใด ความเชื่อนี้มีบทบาทสำคัญในการปลุกจิตสำนึกของมนุษย์ให้มุ่งมั่นในการทำความดี สร้างความยุติธรรม และเตรียมตนเองให้พร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต