กลายเป็นเรื่องฉาวโฉ่กระฉ่อนโลก เมื่อคณะกรรมการข่าวกรองแห่งวุฒิสภาสหรัฐฯ เปิดเผยรายงานอันน่าตกใจและสะพรึงกลัวชี้ “ซีไอเอ” ใช้วิธีการทรมานนักโทษก่อการร้ายอย่างไร้มนุษยธรรมเพื่อรีดข้อมูล ประเทศไทยถูกพ่วงมีเอี่ยวให้ซีไอเอใช้เป็นสถานที่กักขังและทรมานนักโทษ
กรรมาธิการหน่วยข่าวกรองของวุฒิสภาสหรัฐฯ เผยแพร่รายงานสรุป ว่าด้วยการสอบสวนของหน่วยข่าวกรองกลางสหรัฐฯ หรือ “ซีไอเอ” ต่อผู้ต้องสงสัยที่อาจเกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย รายงานฉบับนี้มีความหนาถึง 525 หน้า ที่ใช้เวลาในการจัดทำนานถึง 5 ปี เป็นการสรุปวิธีทรมานต่างๆ อันน่าตกใจและน่าสะพรึงมากมาย ที่เจ้าหน้าที่ซีไอเอปฏิบัติต่อผู้ต้องสงสัยอย่างน้อย 119 คน นับตั้งแต่เกิดวินาศกรรม 11 กันยาฯ เป็นต้นมา
‘โครงการจับกุมและการสอบสวน’ ของ ‘สำนักข่าวกรองกลาง’ (CIA: ซีไอเอ) สมัยประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลู บุช ที่เคยเป็นความลับมาตลอด ถูกคณะกรรมการข่าวกรองแห่งวุฒิสภา (SIC: เอสไอซี) สหรัฐฯ เผยแพร่รายงานการค้นพบและข้อสรุปของการศึกษาออกสู่สาธารณะเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (9 ธ.ค.)
รายงานนี้จัดทำในช่วงที่สมาชิกพรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากในสภาสูง ได้เปิดเผยรายละเอียดโครงการลับที่เจ้าหน้าที่ซีไอเอ ใช้รีดข้อมูลผู้ต้องสงสัยก่อการร้ายราว 100 คนระหว่างปี 2544-2552 ซึ่งนางไดแอน ไฟน์สไตน์ ประธานคณะกรรมาธิการชุดนี้ กล่าวสรุปว่า การกระทำของซีไอเอเป็นมลทินในประวัติศาสตร์สหรัฐ
“การเปิดรายงานสรุปจำนวนห้าร้อยกว่าหน้านี้ไม่สามารถล้างมลทินใดๆได้ แต่จะช่วยและบอกให้ประชาชนของเราและโลกให้รู้ว่า อเมริกากล้าพอที่จะยอมรับความผิดและมั่นใจพอว่าจะเรียนรู้ความผิดพลาดต่างๆ นี้” นางไฟน์สไตน์กล่าว
รายงานสรุปพิเศษราว 525 หน้าจากรายงานฉบับเต็ม 6,200 หน้าของเอสไอซีครั้งนี้ โดยเป็นการทบทวนเอกสารของซีไอเอที่มีจำนวนถึง 6.3 ล้านหน้า เป็นการเผยแพร่รายละเอียดที่กว้างขวางที่สุดเกี่ยวกับวิธีสอบสวนทารุณของซีไอเอต่อผู้ต้องสงสัยอัลกออิดะห์ ที่รัฐบาลของประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช นำมาใช้จากความหวาดกลัวต่อนายโอซามา บิน ลาเดน หัวหน้าใหญ่กลุ่มก่อการร้ายอัลกออิดะห์ หลังจากเกิดเหตุวินาศกรรมตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์เมื่อวันที่ 11 ก.ย. 2001 เพียงไม่กี่วัน
บทสรุปโดยย่อของรายงานพบว่า สภาพของผู้ถูกจับกุมในพื้นที่สอบสวนลับสุดยอด ถูกปฏิบัติอย่างโหดร้ายยิ่งกว่าที่ซีไอเอเคยเปิดเผยออกมา นักโทษสำคัญมักถูกสอบสวนด้วยวิธีทรมานต่างๆ อย่างไร้มนุษยธรรม มีนักโทษอย่างน้อย 119 คน ที่ถูกซีไอเอจับเข้าโครงการสอบสวน ต่างจากที่ซีไอเอเคยเปิดเผยว่ามีเพียง 100 คน และมีนักโทษอย่างน้อย 26 คน ที่ถูกคุมขังอย่างผิดกฎหมาย หลายคนถูกขังนานเกินสมควรเป็นเวลาหลายเดือน
รายงานการค้นพบและข้อสรุปของการศึกษา โครงการจับกุมและการสอบสวน ของ ซีไอเอ (ภาพ: AFP PHOTO/US SENATE)
รายละเอียดที่น่าตกใจและสะพรึงกลัว
รายงานความยาวร่วม 500 หน้า เกี่ยวกับวิธีการสอบปากคำสมาชิกระดับสูงของกลุ่มอัล-กออิดะห์ และผู้ต้องสงสัยเป็นสมาชิกกลุ่มก่อการร้าย โดยเจ้าหน้าที่ของสำนักข่าวกรองกลาง ( ซีไอเอ ) ได้เปิดเผยรายละเอียดที่น่าตกใจและน่าสะพรึงมากมาย เช่น การทรมานสภาพร่างกายและจิตใจให้ผู้รับการสอบปากคำตกอยู่ในสภาวะไม่ต่างจาก ตายทั้งเป็น ทั้งการจับเปลือยกาย การบังคับให้อดอาหาร การปล่อยให้อยู่ภายในสถานที่ซึ่งมีอุณหภูมิเย็นจัด การราดน้ำเย็นจัดลงบนร่างกาย และการลงโทษด้วยการ “จู่โจม” โดยไม่ให้ทันตั้งตัว
ข้อมูลระบุด้วยว่า บางครั้งซีไอเอใช้วิธีที่โหดร้ายอย่างเหลือเชื่อ ที่รวมถึงการอัดแรงดดันเข้าเส้นเลือดแดง การใช้บุหรี่จี้ตามใบหน้า หรือพ่นควันบุหรี่เข้าใส่ใบหน้าของผู้รับการสอบปากคำติดต่อกันหลายครั้ง และการทรมานด้วยวิธีที่รู้จักกันดีในชื่อ “วอเทอร์บอร์ดิง’’” คือการใช้ผ้าขนหนูวางปิดใบหน้าของผู้รับการสอบปากคำ แล้วรินน้ำเย็นลงไปช้าๆ เพื่อให้อีกฝ่ายเกิดความรู้สึกคล้ายสำลักหรือกำลังจมน้ำ
หรือการลงโทษด้วยการ “จู่โจม” โดยไม่ให้ทันตั้งตัว ที่ซีไอเอมักใช้ คือการวิ่งเข้าไปในห้องขังแล้วจับนักโทษคนนั้นเปลือยกาย ก่อนเหวี่ยงร่างของอีกฝ่ายไปรอบห้อง หรือจับโยนขึ้นลง ร่วมด้วยการระดมต่อยและตบตีอย่างแรงตามร่างกาย
อีกหนึ่งวิธีที่ซีไอเอ นิยมใช้ คือการบังคับให้ผู้รับการสอบปากคำอดนอนติดต่อกันเป็นระยะเวลาสูงสุด 180 ชั่วโมง โดยอีกฝ่ายต้องอยู่ในท่ายืนหรือในอิริยาบถที่ไม่สามารถขยับร่างกายได้สะดวก และต้องวางมือทั้งสองข้างเอาไว้บนศีรษะตลอดเวลา
นายอาบู ซูเบย์ดาร์ ชาวซาอุดิอาระเบีย วัย 43 ปี อดีตสมาชิกระดับสูงของกลุ่มอัล-กออิดะห์ และหนึ่งในคนวงในของนายโอซามา บิน ลาเดน ใช้ชีวิตอยู่ในคุกลับของซีไอเอหลายแห่งในโลกนานกว่า 1 ทศวรรษ นับตั้งแต่ถูกจับตัวได้ในปากีสถานเมื่อปี 2545 ซีไอเอทรมานซูเบย์ดาร์มาแล้วทุกรูปแบบ ถึงขั้นทำให้สูญเสียดวงตาข้างซ้าย
ซี ไอเอใช้วิธีวอเทอร์บอร์ดิงกับซูเบย์ดาร์รวมทั้งสิ้น 83 ครั้ง เพื่อเค้นข้อมูลเกี่ยวกับบิน ลาเดน ซึ่งส่งผลกระทบต่อสภาพร่างกาย หลังครั้งหนึ่งอีกฝ่ายสำลักน้ำจนหมดสติและเกือบเสียชีวิต แม้ปัจจุบันซูเบย์ดาร์ยังคงถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำของสหรัฐบนอ่าวกวนตานาโม ในคิวบา แต่ศาลสิทธิมนุษยชนยุโรป ( อีซีเอชอาร์ ) มีคำสั่งเมื่อเดือนก.ค.ปีนี้ ให้รัฐบาลโปแลนด์จ่ายค่าชดเชยให้กับซูเบย์ดาร์ 100,000 ยูโร ( ราว 4.09 ล้านบาท ) จากการอนุญาตให้ซีไอเอนำตัวซูเบย์ดาร์มาทรมานร่างกายที่คุกลับในประเทศ ระหว่างปี 2545-2546
นอกจากนั้น นายเรดดาร์ อัล-นาจาร์ วัย 48 ปี เป็นชาวตูนิเซีย และคือหนึ่งในนักโทษไม่กี่คนซึ่งถูกคุมขังอยู่ภายในคุกลับของซีไอเอ ภายในฐานทัพอากาศบาแกรมในอัฟกานิสถาน รายงานระบุว่า อัล-นาจาร์อาศัยอยู่ภายในห้องมืดที่เย็นจัดและมีการเปิดเพลงเสียงดังตลอด เวลา แขนทั้งสองข้างถูกมัดเหนือศีรษะและสวมกุญแจมือ อัล-นาจาร์ไม่ได้รับสิทธิ์ใช้ห้องน้ำแต่จะมีการสวมผ้าอ้อมให้แทน ทั้งนี้ การทรมานร่างกายกินเวลาอย่างน้อย 22 ชั่วโมงต่อวัน เป็นเวลา 2 วันติดต่อกัน เพื่อให้อัล-นาจาร์ยอมเผย “ความลับ” แต่กลับแทบไม่เคยได้ผล
และนอกจากการทรมานร่างกายและจิตใจของผู้รับการสอบปากคำแล้ว ซีไอเอยังใช้หลักจิตวิทยาด้วยการข่มขู่ว่าจะทำร้ายหรือสังหารสมาชิกใน ครอบครัวของผู้รับการสอบปากคำด้วย หากสมาชิกในครอบครัวเป็นหญิง ซีไอเอจะข่มขู่ด้วยการใช้ถ้อยคำที่สื่อถึงการล่วงละเมิดทางเพศอย่างเจ็บปวด
รายงานยังระบุอีกว่า นักโทษในคุกลับของซีไอเออย่างน้อย 5 คน เคยถูกทรมานด้วยวิธี “รับประทาน” อาหาร ผ่านทางช่องทวารหนัก
วิธีรีดข้อมูลอันไร้มนุษยธรรมของ “ซีไอเอ”
จากรายงานดังกล่าว พอสรุปวิธีการอันโหดร้ายที่ซีไอเอใช้กับนักโทษเพื่อรีดข้อมูลได้คร่าวๆ ดังนี้
1.Confinement in a box (การกักขังในกล่องใบเล็ก) : ผู้ถูกกักขังจะถูกนำตัวไป ใส่ในกล่องใบเล็กๆ พอดีตัวที่ทำให้ไม่สามารถเคลื่อนตัวได้เลย นักโทษรายหนึ่งเล่าว่า ในปี 2002 เขาถูกจับไปขังในกล่องใบเล็กๆ ที่อึดอัดมากจนแทบจะหายใจไม่ไหว จนรู้สึกว่าเหมือนตัวเองได้ตายไปแล้ว
2. Cold water (น้ำเย็น) : ผู้ถูกกักขังจะถูกเปลือยกาย ห่อด้วยพลาสติก และถูกนำไปแช่ในน้ำที่เย็นจัดเป็นเวลาหลายนาที และเคยมีนักโทษบางรายเสียชีวิตด้วยเหตุนี้เพราะร่างกายมีอุณหภูมิต่ำเกินไป
3. Rectal feeding (ให้อาหารทางรูทวาร) : นักโทษจะถูกทำนอนในท่าที่ศีรษะอยู่ต่ำกว่าร่างกาย แล้วจะถูกฉีดให้อาหารทางทวารหนัก
4.Waterboarding (ทรมานด้วยน้ำ) : นักโทษจะถูกจับนอน แล้วมัด ใช้ผ้าปิดตา ปาก และจมูก จากนั้นจะถูกน้ำเย็นๆ ราดใส่หน้าแบบไม่ยั้งจนหายใจไม่ไหว หากนักโทษยังไม่ยอมพูดความจริง ก็จะถูกทรมานต่อเรื่อยๆ
5. Beatings and threats (ทำร้ายร่างกายและข่มขู่) : นักโทษหลายรายถูกทำร้ายร่างกายด้วยวิธีต่างๆ ทั้งตบ ต่อย โดยในวันหนึ่งจะโดนนับครั้งไม่ถ้วน
6.Stress position (สภาพความตึงเครียด) : วิธีนี้จะเน้นให้ผู้ถูกกักขังเกิดความเครียดหรือทนไม่ไหวกับสิ่งที่เจอ เช่น ถูกสั่งให้ปัสสาวะและอุจจาระรดใส่ตัวเอง และสั่งให้ยืนตรงนั้น หรือบางคนก็ถูกล็อกกุญแจมือแล้วล่ามไว้กับพื้น แล้วต้องยกแขนเหนือศีรษะตลอดเวลาจนร่างกายเมื่อยล้า
7. Sleep deprivation (การอดหลับอดนอน) : มีการเปิดเพลงเสียงดังตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อรบกวนการนอนหลับ บางครั้งก็เปิดแบบนั้นตลอด 3 วัน 3 คืนจนนักโทษเกิดความทรมานจากการไม่ได้หลับไม่ได้นอน แต่หากเริ่มจะผล็อยหลับ เจ้าหน้าที่ก็จะมาฉีดน้ำใส่หน้าเพื่อขัดขวางการนอนหลับ
8. Forced nudity and restricted diets (บังคับให้เปลือยกายและควบคุมอาหาร) : บังคับให้เปลือยกายก็เพื่อให้เกิดความอาย ส่วนควบคุมอาหารในที่นี้ก็จะเน้นให้กินเฉพาะอาหารรสชาติจืดๆ แย่ๆ อาหารเหลวๆ
ประเทศไทยถูกพ่วงมีเอี่ยวให้ซีไอเอใช้เป็นสถานที่กักขังและทรมานนักโทษ
ประเทศไทยติดร่างแหการละเมิดสิทธิมนุษยชนของสหรัฐอเมริกามหามิตร โดยในรายงานเปิดโปงซีไอเอ มีระบุว่า บางส่วนกระทำในคุกลับซึ่งรวมถึงที่ตั้งอยู่ในไทยด้วย
ในรายงานของวุฒิสภาสหรัฐได้ยกกรณีตัวอย่างที่เกิดกับนายอาบู สุไบดาห์ ซึ่งทางการสหรัฐระบุว่าเป็นอดีตผู้วางแผนปฏิบัติการและรับสมัครผู้ก่อการ ร้าย เขาถูกจับกุมที่ปากีสถานและถูกส่งตัวไปยังสถานที่ลับในเมืองไทย
มีการระบุสถานที่คุมขังว่าเป็นห้องขังสีขาวที่ปราศจากแสงธรรมชาติหรือ หน้าต่าง แต่มีไฟสี่ดวงส่องเข้ามาในห้องขังและมีเครื่องปรับอากาศ
นายสุไบดาห์มีเก้าอี้ 2 ตัว ตัวหนึ่งนั่งสบายกว่าอีกตัว สลับกันไปแล้วแต่ว่าเขาจะร่วมมือมากน้อยแค่ไหน
ช่วงระหว่างวันที่ 4-23 สิงหาคม 2545 หลังจากที่เขาถูกขังเดี่ยวเป็นเวลา 47 วัน อาบู สุไบดาห์ ถูกสอบปากคำอย่างเข้มข้นเกือบ 24 ชั่วโมงต่อวัน
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจะเดินเข้ามาในห้องขัง ใส่กุญแจมือ คลุมศีรษะ และเปลื้องผ้าเช็ดตัว ปล่อยให้เขาอยู่ในสภาพเปลือย
รายงานระบุว่า “อาบู สุไบดาห์ ถูกปล่อยให้อยู่ในสภาพเปลือยเปล่า และอดหลับอดนอนเป็นเวลานาน” เขายังถูกจับกระแทกกับผนัง บนพื้นมีกล่องที่ดูเหมือนโลงศพตั้งอยู่ เมื่อใดก็ตามที่ผู้ต้องสงสัยไม่ยอมให้ข้อมูลบางอย่าง ผู้สอบปากคำจะใช้มือขย้ำหรือตบที่ใบหน้า
ในคืนแรก อาบู สุไบดาห์ ถูกทรมานด้วยการทำให้สำลักน้ำ ซึ่งทำให้เขาไอ อาเจียน และชักกระตุก รายงานระบุว่าเป้าหมายของการกระทำดังกล่าวก็ “เพื่อให้แน่ใจว่า (เขา) อยู่ในสภาพที่อ่อนแอที่สุด” ตลอดเวลา
ผวาโดนเอาคืน สหรัฐเตือนพลเมืองในอัฟกานิสถาน-ปากีสถานและไทยระวังตัว
‘ยูเอ็น-กลุ่มสิทธิฯ’ ร้องมะกันฟ้อง ‘CIA’
องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) และกลุ่มสิทธิมนุษยชน ออกมาเรียกร้องให้มีการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่สหรัฐฯที่มีส่วนเกี่ยวข้อง กับโครงการสอบสวนผู้ต้องสงสัยกลุ่มก่อการร้าย อัลเคดา ด้วยวิธีทรมาน ของสำนักข่าวกรองกลาง (CIA: ซีไอเอ) ของสหรัฐฯ หลังจากคณะกรรมการข่าวกรองแห่งวุฒิสภา เผยแพร่รายงานแฉเรื่องดังกล่าว
เบน เอมเมอร์สัน ผู้เสนอรายงานพิเศษว่าด้วยสิทธิมนุษยชนและการต่อต้านลัทธิก่อการร้ายแห่ง สหประชาชาติ มีแถลงการณ์ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ซึ่งวางแผนและสนับสนุนการก่ออาชญากรรม ต้องถูกนำตัวมาดำเนินคดี เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่ของซีไอเอและหน่วยงานอื่นๆของสหรัฐฯ ที่รับผิดชอบต่อการทรมานนักโทษ
ขณะที่นาย เคนเนธ รอธ ผู้อำนวยการบริหารองค์กรสิทธิมนุษยชน ‘ฮิวแมน ไรท์ วอตช์’ ชี้ว่า การกระทำของซีไอเอเป็นอาชญากรรม และไม่มีวันจะกลายเป็นเรื่องที่ชอบธรรมได้ ขณะที่ หากกระบวนการบวกความจริงครั้งสำคัญนี้ไม่นำไปสู่การดำเนินคดี การทรมานก็จะยังเป็นนโยบายทางเลือกสำหรับประธานาธิบดีในอนาคต
ลิงค์ข่าวที่เกี่ยวข้อง
http://www.washingtonpost.com/news/checkpoint/wp/2014/12/09/new-u-s-embassy-warnings-posted-after-release-of-cia-interrogation-report/
http://www.reuters.com/article/2014/12/09/us-usa-cia-torture-idUSKBN0JM24I20141209
http://www.bbc.com/news/world-us-canada-30407950