ภาพมัสยิดของอะฮลิซุนนะฮ ในจังหวัด ชอเบฮอร
สถานภาพของพี่น้องชาวอะห์ลิลซุนนะฮ์ในสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน เป็นประเด็นหนึ่งที่กลุ่มผู้ไม่หวังดี เช่น ตะวันตก และวะฮาบี มักจะหยิบยกขึ้นมา เพื่อสร้างภาพลบให้กับสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง สถานะทางศาสนา หรือ การเมือง ในบทความนี้จึงใคร่ที่จะนำเสนอ มุมมอง เกี่ยวกับ พี่น้องชาวอะห์ลิลซุนนะฮ์ในอิหร่านสักเล็กน้อย เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง และดับข้อคลุมเครือต่างๆที่ศัตรูอิสลามได้สร้างขึ้นเพื่อทำลายความสามัคคีในประชาชาติอิสลาม
โรงเรียนศาสนา เฮาซะ อิลมิยะฮ ดารุล อูลูม ซาฮิดอน
ประวัติย่อ
แต่ดั้งเดิมนั้น หลังจาก การปรากฏของศาสดาอิสลาม(ศ) ถือได้ว่าอิหร่าน เป็นประเทศที่ยอมรับในแนวทางของอิมามอาลี (อ) และมีความเชื่อในเรื่อง อิมามัต เพราะประชาชนชาวอิหร่านในยุคสมัยนั้น เป็นผู้ที่ต่างๆก็ยอมรับในแนวทางของอะฮลุลบัยต์ เนื่องด้วยหลายปัจจัย เช่น ความผูกพันระหว่าง ประชาชนชาวอิหร่าน กับ บรรดาอิมามของชีอะฮ หรือ ซัลมาน ฟารซีย์ อัครสาวกระดับใกล้ชิดของศาสดา ซึ่งเป็นชีอะฮ วันเวลาผ่านไป ได้มีอุลามาสายอะฮลิซุนนะฮ มากมาย ที่ได้ทำการเผยแพร่แนวทางซุนนะฮ ในประเทศ เราจะเห็นว่า อุลามา หรือ ผู้รู้ระดับปรมาจารย์หลายท่าน ล้วนแล้วแต่เป็นชาวอิหร่าน เช่น บุคอรี มุสลิม จากเมืองเนชาบูร เจ้าของตำราฮะดิษ ซอเฮียะ บุคอรี และซอเฮียะฮ มุสลิม อิมามฆอซาลีย์จากเมือง ตูส ฏอบารีย์ จากเมือง ฏอบเรสถาน หรือ อามุล ในปัจจุบัน และอุลามาท่านอื่นๆอีกมากมาย
จะเห็นได้ว่า นักวิชาการ ผู้เป็นเสาหลักของอะฮลิลซุนนะฮ มีชาวอิหร่านเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ที่ดีว่า ในยุคอดีตนั้น อิหร่านหลัง อิสลาม เป็นอาณาจักรที่ ซุนนี่ และ ชีอะฮ อยู่ร่วมกันมาโดยตลอด
คุตบะฮนมาซวันศุกร์ในมัสยิด มักกีย์ โดย เมาลาวีย อับดุลฮามีด อิสมาอีล ซาฮีย์ ผู้อำนวยการ สถาบันเฮาซะอิลมิยะฮ ดารุล อูลูม ซาฮิดาน และอิมามนมาซวันศุกร์
ในเวลาต่อมา ชีอะฮ ถูกถือ เป็นนิกายประจำอิหร่าน ในยุคสมัยของราชวงศ์ซอฟาวีย์ โดยทางกษัตริย์ ได้นำเสนอให้จัดการสัมมนาเชิงวิชาการณ์ และเลือกให้ชีอะฮ เป็นนิกายประจำชาติ เนื่องด้วยเหตุผลในหลายประการ
จากหลักฐานประวัติศาสตร์ ชี้ว่า มัซฮับ อะฮลิซุนนะฮ เป็นมัซฮับเก่าแก่อีกมัซฮับหนึ่งในประเทศอิหร่าน โดยส่วนมากแล้ว อะฮลิซุนนะฮ ในอิหร่าน คือ ผู้ปฏิบัติตามอิมามชาฟีอีย์ ท่านสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ผ่านทางเว็บไซต์ ศูนย์ข้อมูลหลักของอะฮลิลซุนนะฮในประเทศอิหร่าน เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของซุนนี่ในประเทศนี้
ยุคสมัยก่อนปฏิวัติอิสลาม
ยุคสมัยก่อนปฏิวัติอิสลาม เรซาชาห์ และมูฮัมมัด เรซาชาห์ ได้วางยุทธศาสตร์ในการ นำเสนอ แนวคิด เซคูลาริสม หรือ การแยกศาสนาออกจากการเมือง ด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การสร้างภาพลบให้กับผู้รู้ศาสนา การบังคับให้เลิกฮิญาบ การออกกฎหมายห้ามสวมชุดนักการศาสนาในที่สาธารณะ การลดจำนวนผู้รู้ศาสนา และสถาบันศาสนา การนำแนวคิดเรื่องชาตินิยมมานำเสนอ จากการดำเนินการในแผนการต่างๆ ทำให้นิกายต่างๆทั้งซุนนี่ และชีอะฮในอิหร่าน ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ในยุคสมัยนั้น มีความเป็นไปได้ว่า อิหร่านจะเป็นประเทศที่ทิ้งศาสนาอิสลาม แล้วเดินตามแนวทางของตะวันตกโดยสมบูรณ์
ทว่าจากการปฏิวัติของอิมามโคมัยนี(รฎ) ทำให้ประเด็นทางศาสนา ถูกฟื้นฟูขึ้นมาอย่างเต็มรูปแบบ ในเวลาดังกล่าว ผู้รู้ระดับสูงสุด ซึ่งเป็นมุฟตีย์ใหญ่ที่สุดของชาวอะฮลิลซุนนะฮ ในอิหร่าน ได้ประกาศสนับสนุนอิมามโคมัยนี(รฎ)ในการ สร้างสังคมแห่งเอกภาพ และทางอิมามโคมัยนี(รฎ)เอง ก็ได้ประกาศนโยบายในการรักษาสถานะความเป็นอยู่ของชาวอะฮลิซุนนะฮในประเทศอิหร่าน ไม่ให้มีสองมาตรฐานในสังคมของประเทศ
สถานะของชาวอะฮลิลซุนนะฮ
ชาวอะฮลิซุนนะฮในอิหร่านนั้นส่วนมากจะใช้ชีวิตอยู่ทางภาคใต้ของเมืองคุรอซาน และตามเมืองเก่าแก่ต่างๆของอิหร่าน เช่น บูชะฮร กุเลสถาน กัรมอน หรือ ฮอร์มอเซกอน โดยจำนวนประชากรมุสลิมนิกายซุนนี่ในอิหร่าน จากรายงานโดยองกรณ์สถิติของประเทศ องค์กรเผยแพร่ศาสนาอิสลาม และคณะผู้แทนทางการเมืองตามจังหวัดต่างๆทั่วประเทศมีดังต่อไปนี้
รายชื่อจังหวัด ได้แก่อาเซอร์ไบจารตะวันตก บูชะฮร์ คุรอซาน บาโลเชสถาน ฟาร์ซ คารเดสถาน กัรมอน เกรอมนชาฮ กุเลสตอน กีลอน ฮอรมอเซกอน
โดยมีประชากรมุสลิมนิกายอะฮลิลซุนนะฮ ประมาณ 5,307,142 ล้านคน มีมัสยิดของชาวอะฮลิซุนนะฮ ประมาณ 10,353 หลัง และในเตหะราน มีมัสยิดของชาวอะฮลิลซุนนะฮ จำนวน 9 หลัง ได้แก่
มัสยิดศอดิกียะฮ ถนนศอดิกีย์
มัสยิดเตฮรานพอรซ ถนนดารอวะรอน
มัสยิดชะฮเรกุดส์ บริเวณญอดเดะกอดีม
มัสยิดคะลีจฟารซ์ ตั้งอยู่บริเวณ ถนนฟัตฮ
มัสยิดอันนะบีย์ ตั้งอยู่บริเวณชะฮเเรก
มัสยิด ฮัฟตญูบ ตั้งอยู่ ที่ ญอดเดะมุลารัด
มัสยิดวาฮีดียะฮ ตั้งอยู่ที่ ชะฮริยอร
มัสยิด นะซีมชะฮร ตั้งอยู่ที่อักบัรออบอด
มัสยิดริฏอออบอดีย์ ตั้งอยู่ที่สามแยกชะฮริยอร
สถานะทางการศึกษาและสถานะทางศาสนาของชาวอะฮลิลซุนนะฮ ในอิหร่าน ไม่แตกต่างๆใดๆ กับ นักศึกษาเยาวชนชาวชีอะฮ พวกเขามีสิทธิในการเรียนรู้ และเข้ารับการศึกษาในระดับสูงจนถึงระดับชั้นมหาวิทยาลัย และยังมีโรงเรียน และมหาวิทยาลัยของชาวอะฮลิลซุนนะฮในอิหร่าน เฉพาะอีกด้วย มีดังต่อไปนี้
เฮาซะอิลมียะฮ อะฮนอฟ คอวาฟ
เฮาซะอิลมียะฮ คอลีล ออบอด คอวาฟ
เฮาซะอิลมียะฮ อัลวารุลอูลูมทอยบอด
เฮาซะฮ คอดิมุลกุรอ่าน ซังกอน คอวาฟ
เฮาซะฮ อิลมียะฮ อิรฟาร ออบอด กุเลสตอน
เฮาซะอิลมียะฮ อิรฟานีย์ กอรเระฮบาลอฆกุเลสตอน
เฮาซะอิลมียะฮ อิชอเอะฮ เตาฮีด ซอฮิดอน
มะฮฟัล ฟะกีฮ อะฮนาฟ
ดารุล อูลูม ออลีย์ ฮารอต
ดารุลอูลูมการอชีย์
มหาวิทยาลัยมะซาฮิบอิสลามีย์ เตหะราน
มัสยิด วาฮีดียะฮ เขต ชะฮริยอร กรุงเตฮราน
ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องชีอะฮ และ อะห์ลิลซุนนะฮ์ ในอิหร่าน
กล่าวได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างชีอะฮ และซุนนี่ ในประเทศอิหร่านนั้น อยู่ในระดับที่ ลึกซึ้งและแน่นแฟ้น นับตั้งแต่การปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน โดยท่านอิมามโคมัยนี(รฎ) จนถึงปัจจุบัน อาทิเช่น การประกาศสัปดาห์เอกภาพในช่วงวันเมาลิดนบี(ศ) การเข้าร่วมในการต่อต้าน ภัยร้ายตักฟีรีย์, การประกาศสนับสนุน ผู้นำสูงสุดอิหร่าน ซัยยิด อาลี คาเมเนอีย์ โดยบรรดาผู้รู้ คณาจารย์ และมุฟตีย์อะฮลิซุนนะฮ ในประเทศ เช่น ฮุจญะตุลอิสลาม มันศูร ชัรกีย์ ตัวแทนอิมามญะมาอัตอะฮลิซุนนะฮ ประจำจังหวัด กีลาน ได้ให้แถลงการณ์ว่า “ศัตรูกำลังตื่นกลัวกับการ สร้างเอกภาพระหว่าง ซุนนี่ และชีอะฮ การรักษาเอกภาพระหว่างอุลามาซุนนะฮ และชีอะฮ ถือเป็นภารกิจสำคัญอีกประการหนึ่งจะต้องให้ความสำคัญ
การสร้างเอกภาพคือ เป้าหมายสูงสุดของโลก และการสร้างเอกภาพอันนี้ คือ ความเชื่อ ของมุสลิมในอิหร่าน ซุนนี่ และชีอะฮ จะทำให้ศัตรูต้องตาบอด เพราะเอกภาพอันนี้
นอกจากนี้ เอกภาพยังเป็นปัจจัยในการพัฒนาประเทศ โดยการสร้างเอกภาพจะทำให้สังคมในประเทศสามารถรักษาความมั่นคงได้อย่างสมบูรณ์แบบ และจะเป็นตัวทำลายแผนการของสหรัฐอเมริกา และไซออนิสต์ให้หมดสิ้น
ภายหลังจาก การปฏิวัติอิสลามอันทรงเกียรติ ทำให้ประเทศ เกิดการเปลี่ยนแปลงโดยการสร้างสรรค์เอกภาพระหว่างมัซฮับต่างๆในอิสลามขึ้นมาได้ ซึ่งสิ่งนี้นับเป็นสาส์นแรกที่อิมามโคมัยนี(รฎ) ได้ส่งไปยังชาวโลก และทุกวันนี้ เอกภาพระหว่าง ซุนนี่ และชีอะฮ ก็มาจากการชี้นำของอิมามผู้ล่วงลับ
ในประเทศ เกี่ยวกับ การสังหารหมู่เด็กๆผู้บริสุทธิ์ในปากีสถาน เชค ชัรกีย์ ได้กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า
“อัลกุรอาน คือ หลักแห่งเอกภาพของมุสลิม ทว่าบรรดาผู้มีแนวคิดสุดโต่ง ซึ่งหลุดจากศาสนา ได้แสดงบทบาทปฏิบัติการต่างๆภายใต้การวางแผนของสหรัฐ โดยแท้จริงแล้ว พวกเขาเหล่านั้น ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆระหว่าง ซุนนี่ และชีอะฮ เลย “
เชค มันศูร ได้กล่าวถึง ประเด็นเรื่อง คำสั่ง และโอวาทจาก ซัยยิด อาลี คาเมเนอี ว่า “เราทุกคนต่างหวังว่า จะได้รับ บะซีรัต (ความเข้าใจที่ล้ำลึก การรู้เท่านั้น ไหวพริบ สติปัญญาอันล้ำลึก) ของท่าน เพื่อการสร้างความสมดุล และพัฒนาประเทศต่อไปในอนาคต”
http://www.tasnimnews.com/Home/Single/593092
ตัวอย่างที่สอง การประกาศการต่อต้าน สถานีโทรทัศน์เคเบิล ที่พยายามสร้างความแตกแยก
อิมามญุมอะฮ ประจำเมือง ซาฮิดาน เมาลาวีย์ อับดุลฮะมีด อิสมาอีล ซะฮียฺ ได้ให้ประกาศแถลงการณ์ว่า “ในวันนี้สังคมอิสลาม ต้องการความสงบสุข ทุกๆสถานีโทรทัศน์จะต้องให้ความสำคัญกับประเด็นนี้ พวกเขาจะต้องไม่ทำลายขอบเขตต่างๆ และจะต้องไม่ประณามต่อการ”
เช่นเดียวกัน เมาลาวีย์อับดุลฮามีด ยังได้ส่งจดหมายให้ กษัตริย์ซาอูด ในกรณีเชคนะมัรอีกด้วย โดยทางศูนย์ข้อมูลอะฮลิซุนนะฮในอิหร่าน ได้รายงานว่า เมาลาวีย์ อับดุลฮะมีด ได้ส่งจดหมายฉบับหนึ่ง ให้กับ กษัตริย์ซาอุ โดยในจดหมาย เมาลาวีย์ ได้เรียกร้อง ให้ยกเลิกคำสั่งประหารชีวิต อยาตุลลอฮ เชคนะมัร บากิรุนนัมร์
ในประเทศอิหร่านนั้น มีมุฟตีย์หลายคน และผู้รู้ระดับสูงชาวซุนนะฮ จำนวนมาก ที่ดำเนินนโยบายในการรักษาเอกภาพระหว่างซุนนี่และชีอะฮ