สำนักข่าวอิรนา (IRNA) ของอิหร่านรายงานว่า ตัวแทนซุนนีในที่ประชุมสภาผู้นำสูงสุด ได้ประณามความโหดร้ายและไร้มนุษยธรรมของขบวนการดาอิชหรือไอซิส ระบุ ปฏิบัติการพร้อมกับข้ออ้างต่างๆของขบวนการก่อการร้ายนี้ไม่ความสอดคล้องใดๆ กับหลักการศาสนาอิสลาม
เมาลาวี นาศีร อะหมัด ซาลามี ตัวแทนประชาชนพี่น้องชาวอะฮ์ลิซซุนะฮ์ จากเมือง ซิซถาน บุลุจิสถาน ในสภาผู้นำสูงสุด ผู้เป็นตัวแทนเดินทางไปยังอินเดียเพื่อร่วมนิทรรศการ อัลกุรอ่าน ครั้งที่ 6 ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวอิรนา ในเมือง เดลี ว่า ในศาสนาอิสลามไม่ใช่แต่เฉพาะสิทธิมนุษยชนเท่านั้นที่จะต้องให้ความสำคัญ แต่ในอิสลามแม้กระทั่งสัตว์ยังถือจะต้องให้เกียรติและสิทธิแก่มัน การเคลื่อนไหวที่ไร้มนุษยธรรมที่เต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมของขบวนการก่อการร้ายดาอิชไม่มีความสอดคล้องใดๆ กับสิ่งที่อิสลามสอนไว้หรือแบบฉบับที่ศาสดาอันทรงเกียรติได้แสดงเอาไว้
เขาได้เสริมอีกว่า ตามหลักของความรู้และบทบัญญัติในศาสนาอิสลามไม่อนุญาตให้ปฏิบัติต่อพลเรือนด้วยความอยุติธรรมและอันตรายต่างๆ ดังนั้นการเคลื่อนไหวที่ไร้ซึ่งมนุษยธรรมของขบวนการดาอิชนอกจากจะยังไม่มีความสอดคล้องกับศาสนาอิสลามแล้วอีกทั้งยังไม่สอดคล้องกับหลักมนุษยชนเช่นกัน
เมาลาวี ซาลามี ได้เปิดเผยอีกว่า ด้วยเหตุจึงจำเป็นจะต้องให้ความสำคัญกับเอกภาพและการเป็นปึกแผ่นกันระหว่างพี่น้องมุสลิมในการต่อต้านแผนการร้ายต่างๆ ของศัตรูอิสลามในขณะนี้ได้พยายามสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นในหมู่พี่น้องมุสลิมด้วยรูปแบบต่างๆ โดยใช้ทุกกลยุทธ์กับเครื่องมือต่างๆ เพื่อบ่อนทำลายและสร้างความอ่อนแอให้โลกอิสลาม
เขาได้ชี้ไปยังหนทางในการแก้ไขปัญหาในปัจจุบันว่า ผู้รู้ นักแสวงบุญ นักข่าว และสื่อต่างๆ จะต้องสร้างความพร้อมในการเผยแพร่สารแห่งเอกภาพเพื่อทำลายแผนการร้ายของศัตรูอิสลาม และเขาเชื่อว่า หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดวิกฤติต่างๆในตะวันออกกลาง คือ การแตกแยกกันในหมู่พี่น้องมุสลิม และเขาได้ชี้ว่า หนทางเดียวเท่านั้นที่จะแก้ไขปัญหาต่างๆเหล่านี้ได้ คือ เอกภาพในหมู่พี่น้องมุสลิม ดังนั้นประเทศอิสลามทุกประเทศ และบรรดามุสลิมจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้เกิดเอกภาพในหมู่พี่น้องมุสลิมให้จงได้
เขาได้ชี้ไปยังผู้มีอิทธิพลในประเทศอิสลามอีกว่า ประเทศอิสลามและมุสลิมผู้มีอิทธิพลในประเทศนั้นๆจะต้องทำทุกวิถีทางด้วยกับความโปรดปรานต่างๆที่ได้รับจากพระผู้เป็นเจ้าในการต่อสู้กับแผนการร้ายของศัตรูและแก้ไขปัญหาต่างๆของโลกอิสลาม
ตัวแทนพี่น้องอะฮ์ลิซซุนนะฮ์ในสภาผู้นำสูงสุด ได้กล่าวว่า ศัตรูอิสลามกำลังพยายามหยุดความก้าวหน้าของความเป็นปึกแผ่นระหว่างประเทศต่างๆด้วยการพยายามสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นในระหว่างพี่น้องมุสลิม และถ้าหากพี่น้องมุสลิมมีวิธีการและกลยุทธ์ที่ถูกใช้โดยสอดคล้องกับโอกาสของมัน สถานภาพของพี่น้องมุสลิมจะดีกว่าปัจจุบันอย่างแน่นอน
อิมามนำละหมาดวันศุกร์อะฮ์ลิซซุนนะฮ์ เมือง พอเวะฮ์ ระบุ ดาอิชคือภัยพิบัติและโศกนาฏกรรมสำหรับโลกอิสลาม เอกถาพคือวิธีเดียวในการเอาชนะปัญหานี้
สำนักข่าวเมะร์ของอิหร่าน รายงานว่า อิมามนำละหมาดวันศุกอะฮ์ลิซซุนนะฮ์ร์ประจำเมือง พอเวะฮ์ ได้ออกมาปราศรัยว่า ดาอิช คือ โศรกนาฏกรรมอันยิ่งใหญ่และเป็นภัยพิบัติต่อโลกอิสลาม สังคมซุนนี่ได้รับผลกระทบและความเดือดร้อนอย่างมากจากขบวนการดาอิช และหนทางในการต่อสู้กับขบวนการก่อการร้ายนี้ คือ การแจ้งข่าวให้ประชาชนโดยเฉพาะเยาวชนได้ตาสว่างถึงภยันตรายต่างๆของขบวนการนี้
มุลลา กอดิรี ได้กล่าวในที่ประชุมเนื่องในหัวข้อสัปดาห์เอกภาพที่จัดขึ้นเมือง เกรมอนชาฮ์ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ว่า อิสลามเป็นศาสนาแห่งอิกภาพและความผาสุก เป็นศาสนาที่เรียกร้องให้บรรดามุสลิมเป็นเอกภาพซึ่งกันและกัน
เขาได้เสริมอีกว่า อิสลามได้เรียกร้องบรรดามุสลิมสู่การสร้างเกียรติยศและลุกขึ้นต่อสู้กับศัตรูในรูปแบบที่แตกต่างกัน มุลลา กอดิรี ได้อธิบายว่า อิสลามได้สอนเราว่า ห้ามยอมรับอำนาจปกครองที่กดขี่ ในทางตรงกันข้ามก็สอนให้เขาลุกขึ้นต่อสู้กับอำนาจการปกครองของผู้ปกครองที่อธรรม
เขาได้กล่าวว่า ขณะนี้สงครามที่ศัตรูกำลังเล่นงานเราอาจจะไม่ใช่สงครามทางทหาร และในวันนี้ประเทศต่างๆตกอยู่ในเชลยของสงครามทางการเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม และไม่จำเป็นที่เขาจะอ้างว่ามาจากศัตรูทั้งหมด แต่ทว่าบรรดามุสลิมสามารถเอาชนะปัญหาต่างๆเหล่านี้ได้ด้วยเอกภาพเท่านั้น
มุลลา กอดิรี ได้กล่าวว่า ดาอิช คือ โศกนาฏกรรมและภัยพิบัติสำหรับโลกอิสลาม ถ้าหากเราคิดว่า ขบวนการดาอิช คือ ชาวอะฮ์ลิซซุนนะฮ์ โดยมีเป้าหมายเพื่อฆ่าชาวชีอะฮ์ ไม่ใช่เลย!! เพราะตามสถิติที่ถูกรายงานมาจากเจ้าหน้าที่ของอิรัก 84% ที่ถูกขบวนการดาอิชฆ่านั้นเป็นพี่น้องชาวซุนนะฮ์ และอีก 16% เป็นมุสลิมชาวชีอะฮ์
อิมามนำละหมาดวันศุกร์คนนี้ยังได้กล่าวอีกว่า ชาวเคิร์ดและชาวอะฮ์ลิซซุนะฮ์ได้รับผลกระทบอย่างมากจากขบวนการดาอิช และทางเดียวในการจะต่อต้านการเคลื่อนไหวของขบวนการก่อการร้ายนี้และขบวนการอื่นๆ คือ การคว่ำบาตรและการทำให้ประชาชนตาสว่างโดยเฉพาะเยาวชนหนุ่มสาว ขบวนการที่มีการเคลื่อนไหวที่รุนแรงจะไม่สามารถยืนหยัดได้อย่างยาวนาน แต่สามารถสร้างผลกระทบจากความเสียหายแก่อิสลามได้อย่างยาวนาน “ชุมชนชาวซุนนี่ในอิหร่านหลายปีที่ผ่านมาหลังจากชัยชนะในการปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่านได้ทำการต่อสู้ปกป้องศาสนาอิสลามไม่ว่าจะด้วยปากกา หรือเลือดในทุกย่างก้าว โดยได้ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับมุสลิมชาวชีอะฮ์ในการปกป้องบ้านเกิดเมืองนอนของตนเอง”
เขาได้ชี้ไปยังการใส่ร้ายต่างๆนาๆของศัตรูที่พยายามสร้างความแปดเปื้อนให้แก่ศาสนาอิสลามและเพื่อทำลายรัฐอิสลาม โดยกล่าวว่า แผนการฟิตนะห์ของศัตรูในปี 88 ถ้าหากได่รับชัยชนะในวันนั้น ผมมีความมั่นใจเลยว่า วันนี้ประเทศอิหร่านก็ไม่ได้แตกต่างไปจากประเทศอื่นๆที่อยู่ภายใต้การควบคุมของประเทศมหาอำนาจ และสถานที่ต่างๆจะเต็มไปด้วย เสียงเพลง และสิ่งมึนเมาต่างๆ ที่ขัดกับศาสนบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า
ใช้จุดร่วมระหว่างซุนนีและชีอะฮฺในการสร้างเอกภาพ
มุสลิมชาวชีอะฮ์และซุนนีสามารถใช้ความเชื่อหลักในการช่วยเหลือซึ่งกันและกันในการพัฒนาและสร้างความก้าวหน้าแก่โลกอิสลาม และเรียกร้องชาวมุสลิมสู่การเป็นปึกแผ่นกันมากขึ้น เพื่อให้บรรลุอุดมคติของศาสนาอิสลาม ในช่วงเวลาที่ศาสนาตกอยู่ในภยันตรายไม่จำเป็นที่จะต้องเผยแพร่ถึงประเด็นย่อยที่จะทำให้ศาสนาตกอยู่อันตรายมากยิ่งขึ้น แต่เราควรเน้นประสานจุดร่วมที่มีอยู่ถึง 95% ในการยกระดับขั้นของศาสนาอิสลาม เขาได้ยกประเด็นการหลีกเลี่ยงการดูหมิ่นสิ่งศักดิ์สิทธิ์และประเด็นที่มีความละเอียดอ่อน โดยเรียกร้องสู่การให้ความสำคัญกับจริยธรรมอิสลาม และร่วมกันแก้ไขถึงประเด็นที่มีความสำคัญ ทั้งปัญหาทางด้านจริยธรรม โดยทั้งนี้ทั้งหมดจะสามารถแก้ไขได้ด้วยเอกภาพในระหว่างพี่น้องมุสลิมเท่านั้น