สำนักข่าวต่างประเทศรายงานสถานการณ์ของพลเมืองชาวอิรักที่ตกเป็นเหยื่อสงครามในอิรัก อ้างแหล่งข่าวของรัฐและหน่วยงานสิทธิมนุษยชนอิรัก ระบุว่า จากเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นทำให้ชาวอิรักต้องลี้ภัยและเร่รอนแล้วจำนวน 2 ล้านกว่าคน และในสภาพอากาศที่เหน็บหนาวเช่นนี้ทำให้ผู้ลี้ภัยต้องตกในสภาพที่ยากลำบากอย่างมาก
รายงานระบุว่า บรรดาผู้ลี้ภัยสงครามต้องอพยพยังพื้นที่ที่ปลอดภัยกว่าภายในประเทศ เช่น ทางใต้ของกรุงแบกแดด รอบๆ เมืองอัรดะบีล และเขตพื้นที่ทางใต้ของอิรัก
ขณะนี้บรรดาผู้ลี้ภัยสงครามต้องพักอาศัยในแคมป์ที่ทางการรัฐสร้างขึ้นเมื่อช่วงหน้าร้อนที่ผ่านมา แต่ภายในแคมป์ผู้อพยพยังขาดแคลนสาธารณูปโภค และสุขอนามัย หากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้อีก อาจจะทำให้โรคติดต่อต่างๆ แพร่กระจายในหมู่ผู้ลี้ภัย
ศอและห์ มุฏลัก รองนายกรัฐมนตรีอิรัก และหัวหน้าฝ่ายดูแลแคมป์ผู้อพยพลี้ภัยในอิรัก เปิดเผยว่า แม้พวกเราจะพยายามอย่างดีที่สุดในการส่งมอบอาหาร เชื้อเพลิงและเวชภัณฑ์ให้กับผู้อพยพเหล่านี้ แต่ก็ถือว่ายังไม่เพียงพอ เพราะจำนวนของผู้อพยพที่เพิ่มสูงขึ้น และการขนส่งมอบอาหารและสิ่งต่างๆให้กับผู้อพยพเป็นสิ่งที่ยากลำบากพอสมควร
เขากล่าวเสริมว่า วิกฤติเหตุการณ์นี้มันแย่ลงกว่า สถิตรายงานที่ถูกเปิดเผย เรากำลังเผชิญหน้ากับยอดจำนวนของผู้ลี้ภัยที่เพิ่มสูงขึ้นซึ่งไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งทางเราคำนวนนับสถิติแล้วมีมากกว่า 2.5 ล้านคน ที่พวกเขาต้องอพยพทิ้งอาคารบ้านเรือน สังคมและแหล่งประกอบอาชีพ ไปอาศัยสถานที่อื่นที่มีความปลอดภัยกว่า สิ่งนี้ย่อมนำปัญหาต่างๆตามมาอย่างมากมาย
