เปิดประวัติกษัตริย์องค์ใหม่ของซาอุฯ
กษัตริย์ ซัลมาน บิน อับดุลอาซิส อาลีซาอูด เป็นกษัตริย์พระองค์ที่เจ็ด ขึ้นครองราชบัลลังก์แห่งราชวงศ์ซาอูด เป็นโอรสองค์ที่ 25 ของกษัตริย์ อับดุลอาซิส บิน อับดุลรอฮ์มาน อัลไฟศอล อาลีซาอูด
กษัตริย์ ซัลมาน บิน อับดุลอาซิส อาลีซาอูด กำเนิดในวันที่ 31 ธันวาคม ปี 1935 เป็นน้องชายต่างมารดาของอดีต
กษัตริย์ อับดุลลอฮ์ (ที่เพิ่งสวรรคต) เป็นน้องชายร่วมมารดากับอดีตกษัตริย์ ฟาฮัด นาเยฟ และสุลฏอน ซึ่งเป็นมกุฎราชกุมารองค์ก่อนหน้าเจ้าชายซัลมาน ดังนั้น กษัตริย์ซัลมานบิน อับดุลอาซิส จึงเป็นหนึ่งในทายาทของ “7 สุดัยรีย์” (ชื่อของตระกูลฝ่ายมารดา)
เส้นทางทางการเมืองของกษัตริย์ ซัลมาน บินอับดุลอาซิส เป็นที่ปรึกษาเฉพาะของอดีตกษัตริย์อับดุลลอฮ์ มีบทบาทพิเศษในการบริหารกิจการภายในประเทศ ซึ่งท่านถูกนับเป็นบุคคลสำคัญอันดับสามในราชวงศ์ซาอูด รองจาก อดีตกษัตริย์ อับดุลอลฮ์ และเจ้าชายนาเยฟ บิน อับดุลอาซิส (เสียชีวิตแล้ว) และหลังจากการเสียชีวิตของเจ้าชาย ซุลฏอน บิน อับดุลอาซิส ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ภายหลังจากที่เจ้าชาย นาเยฟ บิน อับดุลอาซิส เสียชีวิต ในวันที่ 16 มิถุนายน ปี 2012 ท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็นมกุฎราชกุมารองค์ที่สามของกษัตริย์ อับดุลลอฮ์ บิน อับดุลอาซิส
กษัตริย์ซัลมาน เคยดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าเมืองกรุงริยาดสามสมัย
กษัตริย์ซัลมาน เริ่มกิจกรรมทางการเมืองในปี 1954 ด้วยการทำหน้าที่เป็นเจ้าเมืองกรุงริยาด แทนเจ้าชาย นาเยฟ บิน อับดุลอาซิส พี่ชายของท่าน และในเดือน เมษายน ปี 1955 ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าเมืองกรุงริยาด หนึ่งปีหลังจากที่ลาออกจากตำแหน่ง อดีตกษัตริย์อับดุลลอฮ์ บิน อับดุลอาซิส ได้ทรงประกาศแต่งตั้งให้ท่านเป็นเจ้าเมืองกรุงริยาดอีกครั้งในปี 1960 และ ปี 1963
ภายหลังการเสียชีวิตของเจ้าชาย นาเยฟ บิน อับดุลอาซิส มกุฎราชกุมาร และ รองนายกรัฐรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและการบินของซาอุดิอาระเบีย ในเดือนมิถุนายน ปี 2012 อดีตกษัตริย์ อับดุลลอฮ์ บิน อับดุลอาซิส ได้แต่งตั้งให้ท่านเป็น มกุฎราชกุมาร และ รองนายกรัฐรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและการบินของซาอุดิอาระเบีย
ซัลมาน บิน อับดุลอาซิส ถือเป็นมกุฎราชกุมารองค์แรก ของราชวงศ์ซาอูด ที่ได้รับการเลือกให้เป็นรัชทายาทลำดับต้น ต่อมาในปลายเดือนมีนาคม ปี 2014 อดีตกษัตริย์อับดุลลอฮ์ ได้มีคำสั่งแต่งตั้งให้ เจ้าชาย ม็อคเรน บิน อับดุลอาซิส เป็นมกุฎราชกุมาร และผลตามราชโองการดังกล่าว ม็อคเรน บิน อับดุลอาซิส จึงเป็นมกุฎราชกุมาร และได้ให้การสัตยาบันกับรัชทายาทกษัตริย์องค์ต่อไป คือ เจ้าชาย ซัลมาน บิน อับดุลอาซิส
ซัลมาน บิน อับดุลอาซิส จึงเป็นหนึ่งในเสาหลักที่สำคัญของราชวงศ์ซาอูด เป็นผู้ได้รับความไว้วางใจและเป็นที่ปรึกษาของกษัตริย์มาโดยตลอด
ซัลมาน บิน อับดุลอาซิส ได้แต่งงานมาแล้วสามครั้ง ซึ่งมีบุตรทั้งสิ้น 13 คน
เจ้าชายซัลมาน มีพระชนมายุ 79 พรรษาแล้วในปีนี้(2558) และมีพระพลานามัยที่ไม่ดีนัก เพราะท่านมีอาการเส้นโลหิตในสมองตีบ จนทำให้พระพาหาซ้ายเป็นอัมพฤกษ์มาจนถึงทุกวันนี้
การให้คำมั่นสานต่อนโยบายในวันแรก หลังขึ้นเป็นกษัตริย์
ซัลมาน บิน อับดุลอาซิส กษัตริย์องค์ใหม่ของซาอุดิอาระเบีย ได้ยืนยันเรื่องการดำเนินนโยบายเดิมของกษัตริย์อับดุลลอฮ์ และยังเรียกร้องให้กลุ่มประเทศในอาหรับและตะวันออกกลางอยู่ร่วมกันด้วยความสามัคคี เพื่อเสถียรภาพที่มั่นคงและสันติสุขในภูมิภาค
ในคำแถลงถึงประชาชนครั้งแรกในฐานะผู้ปกครองคนใหม่ กษัตริย์ซัลมาน ประกาศนำพาประเทศอยู่บนเส้นทางแห่งความมั่นคงและเรียกร้องความรักความสามัคคีในหมู่ชาวมุสลิม รวมถึงจะอุทิศพระวรกายเพื่อปกป้องประเทศอีกด้วย
6 กษัตริย์องค์แรกของสายตระกูล อับดุลอาซิสแห่งราชวงศ์ซาอูด
อับดุลอาซิส บิน อับดุลรอฮ์มาน บิน ไฟศอล 19023- 1953
ซาอูด บิน อับดุลอาซิส 1953- 1964
ไฟศอล บิน อับดุลอาซิส 1964 -1975
คอลิด บิน อับดุลอาซิส 1975 -1982
ฟาฮัด บิน อับดุลอาซิส 1982 -2005
อับดุลลอฮ์ บิน อับดุลอาซิส 2005 -2015
ซัลมาน บิน อับดุลอาซิส 2015 – ……………..
ม็อคเรน มกุฎราชกุมารองค์ใหม่แห่งราชวงศ์ซาอูด
เจ้าชาย ม็อดเรน บิน อับดุลอาซิส อาลีซาอูด เป็นลูกหลานของอดีตกษัตริย์อับดุลอาซิส คนที่ 35 และเป็นคนสุดท้อง กำเนิดในเดือนตุลาคม ปี 1954 เริ่มต้นการศึกษาจากสถาบันดีเด่นแห่งชาติในกรุงริยาด จากนั้นเข้าสู่กองทัพอากาศซาอุดิอาระเบีย และวันนี้ได้ปลดเกษียณมาแล้ว
เจ้าชาย ม็อคเรน บิน อับดุลอาซิส อาลีซาอูด จะใช้เวลาส่วนใหญ่ในการศึกษาค้นคว้าเรื่องการบินทางทหาร ด้วยเหตุนี้ จึงเข้าสู่กองกำลังของกองทัพอากาศ ในปี 1986 สำเร็จการศึกษาด้านการบินจากประเทศอังกฤษ จากนั้นในปี 1974 เข้าศึกษาต่อที่ประเทศสหรัฐอเมริกา จากนั้นได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรองหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการบิน และ หัวหน้าฝ่ายวางแผนและการปฏิบัติการทางอากาศของซาอุดิอาระเบีย
หลังจากที่ปลดเกษียณ เจ้าชาย ม็อคเรน บิน อับดุลอาซิส อาลีซาอูด ในปี 1980-2000 ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าเมือง ฮายิล และหลังจากนั้นได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าเมืองมะดีนะห์ จนถึงปี 2005 หลังจากที่อดีตกษัตริย์อับดุลลอฮ์ บิน อับดุลอาซิส ได้ขึ้นครองราชย์ เจ้าชาย ม็อดเรน บิน อับดุลอาซิส อาลีซาอูด เริ่มเข้าไปมีบทบาทอย่างสูงในราชวงศ์ซาอูด จากนั้นได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าหน่ยสืบราชการลับของซาอุฯ และดำรงตำแหน่งเป็นตัวแทนของเจ้าชาย “นาวาฟ บิน อับดุลอาซิส”
ในวันที่ 19 กรกฎาคม ปี 2012 ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาของอดีตกษัตริย์อับดุลลอฮ์ บิน อับดุลอาซิส และเป็นตัวแทนพิเศษของกษัตริย์อับดุลลอฮ์
วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2013 ถูกแต่งตั้งให้เป็นรองนายกรัฐมนตรี
การแต่งตั้งและการถอดถอนครั้งแรก หลังเจ้าชาย ซัลมาน บิน อับดุลอาซิส ขึ้นครองบัลลังก์
หลังจากขึ้นครองราชย์ ทรงโปรดเกล้าฯแต่งตั้งให้ เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน พระราชโอรส ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าองคมนตรีและที่ปรึกษาพิเศษ แทน คนเก่า “ คอลิด อัลตุวัยญีรีย์”
และแต่งตั้งให้เจ้าชาย มุฮัมมัด บิน นาเยฟ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และเป็นรัชทายาทอันดับ 2 ต่อจากเจ้าชาย ม็อดเรน มกุฎราชกุมาร
และแต่งตั้งให้ ฮัมด์ บิน อับดุลอาซิส อัลสุวัยลีม เป็นประธานสำนักพระราชวัง
อีกทั้งแต่งตั้งให้ ฮัมด์ อัล ฮุวัยฮาลี เป็นหัวหน้าฝ่ายการักษาความปลอดภัยส่วนพระองค์
http://fa.alalam.ir/news/1669307
เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน พระราชโอรสของซัลมาน ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคนใหม่
เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน รัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ของซาอุดิอาระเบีย วัย 39 ปี สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขานิติศาสตร์จากมหาลัย คิงส์ซาอูด กรุงริยาด หลังจากสำเร็จการศึกษาและก่อนเข้าสู่การเมือง ได้สร้างบริษัทธุรกิจจำนวนหลายแห่ง
ในปี 2009 ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น ที่ปรึกษาพิเศษ ของ “ซัลมาน บิน อับดุลอาซิส (บิดา)” สมัยดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าเมืองริยาด
ท้ายที่สุดแล้ว แม้ว่าการขึ้นครองบัลลังก์ของเจ้าชายซัลมาน บิน อับดุลอาซิส จะเป็นไปอย่างราบรื่นแต่ก็ไม่ได้การันตีว่าราชบัลลังก์แห่งราชวงศ์ซาอุดีอาระเบียจะมีเสถียรภาพเสมอ ไป เพราะกษัตริย์องค์ใหม่ซึ่งมีอายุ 79 ปี ก็หาได้มีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรงมากนัก ส่วนรัชทายาท เจ้าชายม็อคเรน ก็มีอายุ 69 ปี ทำให้มีความไม่แน่นอนว่าจะทรงมีอายุอยู่จนได้ขึ้นครองราชย์ หรือไม่ ต้องติดตามกันต่อไปกัน ว่ามันจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญหรือไม่อย่างไร………
http://fa.alalam.ir/news
http://www.farsnews.com
http://www.shia-news.com/