หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งของเลบานอน ออกมาเขียนรายงานเชิงวิเคราะห์ กรณี ทำไม สื่อมะกันเพิ่งแฉซีไอเอว่าอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ ลอบสังหาร อิมาด มุฆนียะฮ์ แกนนำฮิซบุลเลาะห์ ???
นอกจากนี้ รายงานของเดอะ วอชิงตัน โพสต์ ระบุด้วยว่า ซีไอเอใช้เวลานานหลายปีในการติดตามความเคลื่อนไหว และวางแผนลอบสังหารมุกห์นิยะห์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์แม่นยำที่สุด
หลังจากที่ หนังสือพิมพ์ “เดอะ วอชิงตัน โพสต์” เสนอรายงานพิเศษเรื่องซีไอเออยู่เบื้องหลังการลอบสังหาร อิมาด มุกห์นิยะห์ สมาชิกระดับสูงของกลุ่มฮิซบุลเลาะห์ ด้วยวิธีคาร์บอมบ์ เมื่อปี 2551 นั้น ทำให้เกิดประเด็นในมุมมองของนักวิเคราะห์การเมือง ความมั่นคงและการทหารของยิวไซออนิสต์ ที่ว่า มันมีนัยยะอะไรซ่อนเร้นอะไรซ่อนเร้นในการแฉเอกสารในครั้งนี้ ????
ยูซี ไมลามาน นักวิเคราะห์ ผู้เขียนบทเคราะห์ในคอลัมน์ประจำสัปดาห์ของหนังสือพิมพ์ “มาอาริโย” อิสราเอล เผยว่า เป้าหมายของอเมริกาในการเปิดเผยเอกสารชิ้นนี้แก่อิสราเอลคือ เทลอาวีฟ ไม่สามารถบรรลุถึงเป้าหมายในตะวันออกลางได้ หากปราศจากความร่วมมือของอเมริกา…..
นักวิเคราะห์บางคนชี้ว่า การเปิดเผยเอกสารชิ้นนี้ เสมือนเป็นการดึงวอชิงตันเข้าสู่การปะทะกับกลุ่มฮิซบุลเลาะห์โดยปริยาย
ยูซี ไมลามาน เชื่อว่า ถึงแม้นว่า อิมาด มุกห์นิยะห์ เป็นผู้ปฏิบัติการในการสังหารโจมตีเหตุการณ์ต่างๆ หลายต่อหลายครั้งในการเผชิญหน้ากับอเมริกาและอิสราเอล แต่มีเป้าหลักคืออิสราเอล และแม้นว่าในความเป็นจริงการเปิดเผยเอกสารดังกล่าวจากวอชิงตันนั้น เป็นการส่งสาส์นเตือนแก่ชาวอิสราเอลและ นายกรัฐมนตรีอิสราเอล แต่รายงานเอกสารฉบับดังกล่าวก็ยังเอื้อประโยชน์ให้กับอิสราเอลอยู่ดี เพราะการเปิดเผยเอกสารลับชิ้นนี้จากทางอเมริกา เสมือนเป็นการดึงฮิซบุลลอฮ์เข้าสู่ความท้าทายในภายภาคหน้า และจะทำให้ฮิซบุลลอฮ์และอิหร่านตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากมากขึ้น นั่นคือ อิสราเอลจะไม่โดดเดี่ยวในการเผชิญหน้ากับทั้งสองประเทศอีกต่อไป เพราะจะมีอเมริกาที่คอยให้การสนับสนุนอยู่
Ranyn Bergman นักวิเคราะห์ชาวอิสราเอล เผยในเรื่องนี้ว่า Jeff Stein นักเขียนหนังสือพิมพ์ นิวยอร์กไทมส์ และ Adam Goldman นักเขียนหนังสือพิมพ์ “เดอะ วอชิงตันโพสต์ ได้ทำการวิจัยสอบสวนข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ โดยที่นักเขียนหนังสือพิมพ์ “เดอะ วอชิงตันโพสต์ ได้บทสรุปว่า อเมริกาคือผู้อยู่เบื้องหลังในการลอบสังหาร อิมาด มุกห์นิยะห์ แต่ นักเขียนหนังสือพิมพ์ นิวยอร์กไทมส์ ได้บทสรุปว่า อเมริกาเพียงแค่มีส่วนรู้เห็นเท่านั้น
ตามรายงานของ “เดอะ วอชิงตันโพสต์ เผยว่า เมื่อวันที่12 ก.พ. 2008 มอสสาด ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้วางแผนและดำเนินการ เริ่มจากการผลิตระเบิดชนิดพิเศษแล้วนำไปทดสอบที่รัฐนอร์ทแคโรไลนา จากนั้นนำระเบิดไปติดตั้งด้วยการซุกซ่อนเอาไว้ในยางสำรอง ที่อยู่ในกระโปรงหลังของรถยนต์คันที่มุกห์นิยะห์ใช้เป็นประจำ ทันทีที่มุกห์นิยะห์ก้าวขึ้นรถออกจากร้านอาหารในกรุงดามัสกัส แรงระเบิดทำให้มุกห์นิยะห์เสียชีวิตทันที พร้อมผู้ติดตามอีก 5 คน
ซึ่งโคลดแมน นักเขียนหนังสือพิมพ์ “เดอะ วอชิงตันโพสต์ กล่าวว่า ระเบิดดังชนิดกล่าว สำนักข่าวกรองของอิสราเอล (มอสสาด )เป็นผู้จัดเตรียมและจุดชนวนระเบิดด้วยรีโมท
แต่หนังสือพิมพ์ นิวยอร์กไทมส์ เผยว่า ระเบิดชนิดดังกล่าว อเมริกาเป็นผู้จัดหาให้ มีการส่งมอบโดยลักลอบผ่านชายแดนจอร์แดน เข้าซีเรีย และในวันเกิดเหตุซีไอเอประสานงานกับสำนักข่าวกรองของอิสราเอล ( มอสสาด ) ให้เป็นผู้จุดชนวนระเบิดด้วยรีโมท
Ranyn Bergman ตั้งข้อสังเกตว่า หากข้อมูลดังกล่าวถูกต้อง มันเป็นการบ่งชี้ถึงขอบข่ายความสัมพันธ์ในความร่วมมือระหว่างมอสสาดกับซีไอเอในเวลานั้นได้เป็นอย่างดี อีกทั้ง บ่งชี้ถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างทำเนียบข่าวกับสำนักนายกรัฐมนตรีอิสราเอล และศักยภาพด้านข่าวกรองข้อมูลของหน่วยงานทั้งสองฝ่าย อันเป็นการความสัมพันธ์ที่ดีระหว่าง อดีตประธานาธิบดีอเมริกา จอร์จ ดับเบิลยู. บุช กับ อาเรียล ชาร์รอน และ Ehud Olmert ของอิสราเอล
———
อ้างอิง
http://www.islamtimes.org/fa/doc/article/436799/چرایی-افشای-نقش-آمریکا-ترور-عماد-مغنیه
http://www.mehrnews.com/news/2483388/چرایی-افشای-نقش-آمریکا-در-ترور-عماد-مغنیه-جزئیات-ترور-حاج-رضوان