อีกครั้งหนึ่งที่ตุรกีและซาอุดิอาระเบีย ได้พยายามเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับกลุ่มก่อการร้ายไอซิสเพื่อเอื้อผลประโยชน์ให้กับตน เอง โดยฉายซ้ำเหตุการณ์ก่อการร้ายที่เกิดขึ้นในซีเรีย อีกครั้งหนึ่งให้เกิดขึ้นในเยเมน
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา กลุ่มก่อการร้ายตักฟีรีย์ ได้ก่ออาชญากรรมครั้งใหม่ โดยมุ่งเป้าสังหารและคร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์นับร้อยคนในขณะกำลังร่วมพิธีนมาซวันศุกร์ในมัสยิดกรุงซานา เยเมน
รายงานระบุ ว่าคนร้าย 4 คนซึ่งคาดเข็มขัดระเบิด ลงมือโจมตีนักแสวงบุญทั้งในและนอกมัสยิด 2 แห่ง
มือระเบิด 3 คน โดยคนแรกโจมตีด้านในมัสยิด บัดร์ ทางใต้ของซานา เปิดทางให้คนที่ 2 กดชนวนถล่มนักแสวงบุญที่หลบหนีออกมาด้านนอก ส่วนมือระเบิดฆ่าตัวตายรายที่ 3 ดำเนินการโจมตีมัสยิด อัล-ฮาชา ฮุช ทางเหนือของเมืองหลวง คร่าชีวิตผู้คนอย่างต่ำ 137 ศพ และบาดเจ็บ 340 คน
กลุ่มก่อการร้ายไอซิส ที่เพิ่งประกาศตัวตนในเยเมนอย่างเป็นทางการ ออกมารับผิดชอบในการก่อเหตุครั้งนี้
มุฮัมมัด อับดุลสลาม โฆษกของ กลุ่มอันศอรุลลอฮ์ เยเมน แถลงหลังเหตุการณ์ก่ออาชญากรรมครั้งเลวร้ายครั้งนี้ ว่า การโจมตีครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากซาอุดิอาระเบีย
แต่คำถามมีอยู่ว่า ทำไมซาอุดิอาระเบีย จึงถูกกล่าวหาและเป็นจำเลยหมายเลขหนึ่งในการโจมตีของกลุ่มก่อการร้ายครั้งนี้ด้วย???
มุฮัมมัด อับดุลสลาม เผยว่า เนื่องจาก ก่อนหน้านี้ ซาอูด อัลฟัยศ็อล รัฐมนตรีต่างประเทศของซาอุฯ ออกมาเผยว่า จะให้การสนับสนุนทางทหารในการปกป้องประธานาธิบดีผู้ลี้ภัยของเยเมนอย่างเต็มที่ ด้วยเหตุนี้ซาอุฯจึงถูกตราเป็นจำเลยหมายเลขหนึ่งผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ก่อการร้ายในครั้งนี้
เพราะเขาย่อมรู้ว่า ซาอุฯไม่มีทหารที่มีศักยภาพพอที่จะแสดงอำนาจที่ทรงประสิทธิภาพ และไม่มีกองกำลังติดอาวุธที่เพียงพอในการเผชิญหน้าต่อสู้กับกองกำลังอาสาสมัครของประชาชนในเยเมน จะมีเพียงแต่กลุ่มก่อการร้ายเท่านั้นที่เป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขา ที่ใช้เพื่อสนองผลประโยชน์ ให้กับราชวงศ์ซาอุฯ ในการเข่นฆ่าและสังหารหมู่พี่น้องผู้บริสุทธิ์ในตะวันออกกลาง
สถานีโทรทัศน์ อัลมะยาดีน รายงานย้ำว่า การโจมตีครั้งนี้เสมือนเป็นการถอดแบบการคุกคามต่อกลุ่มอันศอรุลลอฮ์แห่งเยเมน เพื่อขยายสงครามนิกายให้เกิดขึ้นอย่างแพร่หลายในเยเมน
ควรที่จะถามในที่นี้ ว่า บรรดาเด็กๆ สตรีและผู้บริสุทธิ์เหล่านี้อยู่ภาคส่วนไหนของสมการแห่งการแสวงหาอำนาจ ต่อการวางแผนของซาอุฯและการปฏิบัติการของกลุ่มก่อการร้ายในการสังหารหมู่ผู้บริสุทธิ์???
ภายหลังจากที่ซาอุฯพ่ายแพ้เกมการเมืองในเยเมนให้กับกลุ่มอันศอรุลลอฮ์ไปแล้ว โดยพวกเขาถือว่าเยเมนเสมือนเป็นกระดูกสันหลังหนึ่งของซาอุฯ จึงเข้าสู่สงครามนี้อย่างไม่รั้งรอ เพื่อให้เยเมนกลายเป็นสมรภูมิเช่นซีเรียและอิรัก โดยบนเส้นทางนี้ พวกเขาได้คร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ในซีเรียไปแล้วประมาณ 200,000 กว่าคน
ขณะที่ตนเองถือว่าเป็นผู้นำของโลกอิสลาม เป็นผู้ถือครองสิทธิในคราบสมุทรอาหรับอย่างเบ็ดเสร็จ ซึ่งไม่อาจที่จะทนรับได้ให้คนอื่นที่ไม่ใช่สมุนของตนในเยเมนขึ้นมีอำนาจปกครองเหนือแผ่นดินอาหรับที่มีความสำคัญเช่นนี้เป็นอันขาด และเมื่อพวกเขาไม่มีอำนาจพอที่จะเข้าไปมีบทบาทได้ ก็หวังที่จะทำลายเยเมนให้เกิดสงครามกลางเมือง
ในจำนวนนี้ยังมีตุรกีที่มีส่วนและตัวการหลักร่วมอยู่ด้วย ตุรกีเป็นชาติดั้งเดิมที่ให้การสนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายไอซิส โดยให้ความร่วมมือกับกลุ่มก่อการร้ายอย่างเห็นได้ชัดในการส่งกลุ่มการร้ายเข้าสู่เยเมน และเชิญชวนซาอุดิอาระเบียที่มีความอ่อนแอ ช่วยเสริมศักยภาพให้กับตนเองมากขึ้น ในการสร้างเหตุการณ์นองเลือดให้เกิดขึ้นในเยเมน เพื่อฉายซ้ำประสบการณ์ที่สำเร็จมาแล้วในการเข่นฆ่าและสังหารหมู่พี่น้องผู้บริสุทธิ์ในซีเรีย โดยครั้งนี้ให้เกิดขึ้นในเยเมน
ซาอุดิอาระเบีย ชาติที่มีความร่ำรายมหาศาลจากการค้าน้ำมัน ได้สร้างกระแสข่าวต่างๆ นาๆ เพื่อลบเลือนและสร้างความหลงลืมในการก่ออาชญากรรมของตน พวกเขาเหมือนดังผู้ที่กำลังจะจมน้ำ ซึ่งจะเกาะทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้ตนเองรอดและปลอดภัย จึงเข้าไปเกาะติดยิวไซออนิสต์ และกลุ่มก่อการร้ายตักฟีรีย์ ทว่าพวกเขา ลืมสองประเด็นหลักที่สำคัญด้วยกัน ประการแรกคือ คราใดที่ความอดทนอดกลั้นของประชาชาติมุสลิมในเขตภูมิภาคเอ่อล้นแล้ว ครานั้นภัยอันตรายและความสั่นคลอนก็จะเกิดขึ้นกับราชวงศ์ซาอุฯอย่างแน่นอน
และประการที่สอง อัลลอฮ์ (ซบ) ทรงให้คำมั่นและพันธะสัญญาในอัลกุรอาน แล้ว ว่า แผ่นดินนี้จะถูกปกครองโดยผู้ทรงคุณธรรม และสิ่งนี้มันจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ในเร็วๆ นี้