แต่ละประเทศมีรากฐาน หลักการและนโยบายต่างประเทศที่เป็นของตัวเอง ซึ่งหลักการและรากฐานเหล่านี้ถูกกำหนดวางเพื่อสนองตอบความต้องการและกลยุทธ์ของประเทศ อันเป็นหลักการที่สามารถดำเนินการต่อหลายทศวรรษและเป็นพื้นฐานสำหรับการประเมินผลในภายภาคหน้า
การปฏิวัติอิสลามอิหร่าน ประสบความสำเร็จในปี 1979 อันเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงหลักการ พื้นฐานหลักของนโยบายทั้งภายในและนโยบายต่างประเทศ ของสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เป็นไปในลักษณะที่ว่า บรรดานักเขียนและนักประวัติศาสตร์การปฏิวัติอิหร่าน ได้ประเมินว่า นี่คือการปฏิวัติที่แท้จริงของโลก เพราะมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างขั้นพื้นฐานอย่างมากมาย และไม่ใช่เป็นโครงสร้างขั้นพื้นฐานในเขตพื้นที่ภูมิศาสตร์ของอิหร่านเท่านั้น แต่ได้กินภูมิศาสตร์รอบนอกและทรงอิทธิพลในวงกว้าง
ก่อนหน้าการปฏิวัติอิสลาม นโยบายต่างประเทศของอิหร่านมีความสัมพันธ์และร่วมมือกับตะวันตก ประนีประนอมกับอำนาจของตะวันออก เป็นมหาอำนาจในภูมิภาค และที่สำคัญที่สุดให้ความร่วมมือกับยิวไซออนิสต์อิสราเอล ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้มันกลับเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือทันทีหลังการปฏิวัติอิสลาม และอิหร่านกลายเป็นประเทศปฏิวัติที่เป็นคู่แข่งและศัตรูที่สำคัญสำหรับตะวันตก จากนั้นได้ละทิ้งการใช้อำนาจบาตรใหญ่ในภูมิภาค และเสนอตัวประกาศชัดในในความร่วมมือกับทุกชาติในการสร้างความสงบสุขและความสันติในภูมิภาค ประกาศสโลแกน “ไม่มีตะวันตกและตะวันออก” เพื่อให้เป็นที่ประจักษ์ชัดต่อประชาคมโลกว่าไม่มีการประนีประนอมกับตะวันตกและตะวันออก และตัดความสัมพันธ์อย่างสิ้นเชิงกับอิสราเอลอีกทั้งยังถือว่า อิสราเอลเป็นมะเร็งร้ายที่จะต้องกำจัดให้สิ้นซาก และต้องให้การปกป้องสนับสนุนชาวปาเลสไตน์
อิมามโคมัยนี เป็นผู้วางรากฐานนโยบายหลักของสาธารณรัฐอิสลามในการต่อต้านและเป็นปรปักษ์กับการตั้งรัฐเถื่อนยิวอิสราเอล ทำให้ความหวังของอิสราเอล ที่ได้ทำสงคราม 4 ครั้งกับชาติอาหรับต้องฝันสลาย และการเปลี่ยนยุทธศาสตร์การเมืองของตะวันออกกลางจึงสามารถเอื้อประโยชน์กับชาวปาเลสไตน์ ยิ่งทำให้เหล่าผู้นำของอิสราเอล ตกอยู่ในสภาพที่กดดันและกระอักกระอ่วน
อิหร่านก่อนการปฏิวัติอิสลามเป็นพันธมิตรหลักของยิวอิสราเอล ในเขตภูมิภาค และเป็นแหล่งพึ่งพาหลักของอิสราเอลอีกด้วย แต่หลังจากการปฏิวัติอิสลามสำเร็จ อิหร่านได้เปลี่ยนสนามอันนี้ให้เป็นประโยชน์กับปาเลสไตน์ โดยประกาศนโยบายระดับภูมิภาคในการสนับสนุนปกป้องปาเลสไตน์ผู้ถูกกดขี่อย่างเป็นรูปธรรมให้กับชาวโลกได้ประจักษ์เห็น
ย้ำในประเด็นการต่อสู้กับอิสราเอล
อิมามโคมัยนี ได้กล่าวว่า ทุกวันนี้ กิบละฮฺแห่งแรกของมุสลิมยังตกอยู่ในอาณัติของอิสราเอล มะเร็งร้ายของตะวันออกกลาง ทุกวันนี้พวกมันยังคงกดขี่บีฑาชาวปาเลสไตน์ ที่ต้องนอนจมกองเลือดอยู่ทุกวี่วัน ทุกวันนี้อิสราเอลยังคงสร้างความร้าวฉานด้วยสื่อแห่งมารทุกรูปแบบ จึงเป็นหน้าที่ของมวลมุสลิมทุกคนที่จะต้องตระเตรียมตัวเองให้พร้อมต่อกรกับอิสราเอล
เชิญชวนสู่การยืนหยัดต่อสู้กับอิสราเอล
อิมามโคมัยนี กล่าวว่า หลังจากที่ได้มีการกำหนดกฎเกณฑ์อันศักดิ์สิทธิ์แห่งอิสลามแล้ว ฉันไม่รู้ว่าจะมีเรื่องราวใดที่มีความจำเป็นสำหรับมวลมุสลิมมากยิ่งไปกว่าการที่พวกเขาต้องปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของพวกเขาไปในวิถีทางอันมีเกียรติแห่งอิสลาม เมื่อพวกท่านเห็นว่า เลือดของพี่น้องชาวปาเลสไตน์ผู้บริสุทธิ์ต้องถูกหลั่งในดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์แห่งปาเลสไตน์ และเมื่อใดที่พวกท่านประจักษ์ว่าผืนแผ่นดินของพวกเราต้องถูกทำลายล้างโดยน้ำมือของอาชญากรไซออนิสต์ ภายใต้เงื่อนไขเหล่านี้ไม่มีแนวทางที่ต้องดำเนินต่อไปนอกจากการญิฮาดเท่านั้น และเป็นภาระหน้าที่สำหรับมุสลิมทุกคนที่จะต้องให้ความช่วยเหลือทั้งวัตถุและจิตใจไปในการญิฮาดอันศักดิ์สิทธิ์นี้
อิมามโคมัยนี กล่าวอีกว่า ฉันขอบอกว่า ประเด็นการปรากฏของอิสราเอล และการยอมรับการมีอยู่นั้นเป็นหายนะอันใหญ่หลวงของมุสลิม และเป็นระเบิดเวลาของประเทศอิสลามทั้งหลาย และขอยืนยันว่า การต่อต้านอิสราเอลนั้นเป็นภาระหน้าที่ทางศาสนาที่ยิ่งใหญ่
อนาคตของปาเลสไตน์เป็นของอิสลามอย่างแน่นอน
อิมามโคมัยนี ได้ให้ความสำคัญกับปาเลสไตน์ตามยุทธ์ศาสตร์ที่ได้วางไว้ โดยถือว่าปาเลสไตน์เป็นของมวลมุสลิมทุกคน ไม่เฉพาะของอาหรับเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ด้วยความชาญฉลาดและวิสัยทัศน์ของท่าน จึงกำหนดวันศุกร์สุดท้ายของเดือนรอมฎอนทุกปี เป็นวันอัลกุดส์ สากล เพื่อให้มวลมุสลิมได้ตระหนักในภาระหน้าที่ของตนที่มีต่อปาเลสไตน์ โดยท่านกล่าวว่า
“วันกุดส์มิใช่วันของปาเลสไตน์เท่านั้น แต่เป็นวันแห่งอิสลาม วันแห่งรัฐบาลอิสลาม ต้องเป็นวันที่ธงแห่งรัฐอิสลามถูกดึงขึ้นสู่ยอดเสา เป็นวันที่ต้องทำให้มหาอำนาจเข้าใจว่า พวกเขาไม่อาจเสนอหน้าอยู่ในประเทศอิสลามอีกต่อไป และเชื่อว่า วันอัลกุดส์ คือวันแห่งอิสลาม วันแห่งท่านรอซูลุลลอฮ์ เป็นวันที่เราจักต้องเตรียมพร้อมสรรพกำลังทั้งหมดของเราเพื่อสามารถปลอดแอกปาเลสไตน์และอัลกุดส์จากอุ้งมือของยิวไซออนิสต์”
ดังเราสามารถสรุปหัวข้อและประเด็นหลักของท่านอิมามโคมัยนีที่มีต่อปาเลสไตน์ดังนี้
1 กำจัดและลบอิสราเอลออกจากแผนที่โลก
2 เชิญชวนมวลมุสลิมสู่ความเป็นเอกภาพเพื่อต่อสู้กับอิสราเอล
3 กำหนดทรัพย์สินของมวลมุสลิมเพื่อใช้จ่ายเฉพาะในเรื่องปาเลสไตน์
4 กำหนดศุกร์สุดท้ายของเดือนรอมฎอนของทุกปีเป็นวันอัลกุดส์สากล
http://www.islamtimes.org/fa/doc/article/464513/