วิกฤติผู้ลี้ภัย เสมือนวิกฤติสงครามโลกครั้งที่2 ที่เกิดซ้ำอีกครั้ง, 1ล้านคนรออพยพ, อเมริการับผู้ลี้ภัยแล้วกี่คน

3708

ประชาชนพากันเหน็ดเหนื่อยจากการก่อการร้ายด้วยอาวุธเข่นฆ่าจากตะวันตก การพังทลายของอาคารบ้านเรือน และการแสดงละครตบตาของชาติตะวันตก ทำให้ประชาชนเหล่านี้ตัดสินใจอพยพสู่ตะวันตก เพื่อให้รัฐบาลเหล่านี้ได้สัมผัสรสชาติแห่งความทุกข์โศกและระทมทุกข์ จากเหตุการณ์ที่พวกเขามีส่วนร่วมและยัดเยียดในการก่อให้เกิดสงคราม….. 

วิกฤตผู้ลี้ภัย เป็นผลลัพธ์ของการแทรกแซงของรัฐบาลตะวันตกและอาหรับในตะวันออกกลาง วัน เดือน และปีต่างๆเหล่านี้ ล้วนเป็นสิ่งคลุมเครือ และมีความเสี่ยงและอันตรายต่อประชาชนในโลก อีกด้านหนึ่ง บรรดาผู้ลี้ภัยจะมีความหวาดผวาต่อภัยของการก่อการร้าย สงคราม ความหิวโหย และไร้ที่พักพิง และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ วิกฤติความปลอดภัย จึงตัดสินใจอพยพยังต่างประเทศ และอีกด้านหนึ่งประชาชนของประเทศเหล่านี้ ต้องแบกรับในการจ่ายภาษีอย่างหนักให้กับรัฐบาลที่ไร้ความยุติธรรม

วิกฤตในตะวันออกกลางเริ่มขึ้นเมื่อประเทศอาหรับ-ตะวันตก ภายใต้ข้ออ้างในการโค่นล้มประธานาธิบดีซีเรีย จึงพร้อมให้การช่วยเหลือสนับสนุนในทุกด้าน การเงิน อาวุธและการเมืองให้กับกลุ่มก่อการร้ายที่อันตรายและน่ากลัวที่สุด แม้กระทั่งได้สร้างกลุ่มก่อการร้ายใหม่ขึ้นมา และผลของการดำเนินนโยบายของรัฐบาลตะวันตก ทำให้เกิดและเป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มก่อการร้ายไอซิส อัลนุศรา ฟรอนด์ และ…. ทั้งในซีเรียและอิรัก

ในวันนี้ รัฐบาลเหล่านี้แหละ ที่มีการจัดตั้งกลุ่มพันธมิตรเชิงสัญลักษณ์ขึ้นมา พร้อมกับประกาศว่ากำลังต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้าย แต่สิ่งทีประชาชนในซีเรียและอิรัก ประจักษ์เห็นนั้น มันมีความขัดแย้งและแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับสโลแกนของรัฐบาลตะวันตกและการโฆษณาชนเชื่อของสื่อตะวันตก

ประชาชนพากันเหน็ดเหนื่อยจากการก่อการร้ายด้วยอาวุธเข่นฆ่าจากตะวันตก การพังทลายของอาคารบ้านเรือน และการแสดงละครตบตาของชาติตะวันตก ทำให้ประชาชนเหล่านี้ตัดสินใจอพยพสู่ตะวันตก เพื่อให้รัฐบาลเหล่านี้ได้สัมผัสรสชาติแห่งความทุกข์โศกและระทมทุกข์ จากเหตุการณ์ที่พวกเขามีส่วนร่วมและยัดเหยียดในการก่อให้เกิดสงคราม แต่การจะไปถึงยังตะวันตกนั้นจำต้องผ่าฝันอุปสรรค์ปัญหาและสิ่งขวากหนามที่อยู่เบื้องหน้าอย่างแสนสาหัส ซึ่งหากพวกเขาไปถึงยังพรมแดนยุโรปอย่างปลอดภัย ก็เป็นเพียงการเริ่มต้นอุปสรรค์ใหม่ของตนในวันใหม่

อีกล้านคน รอคอยที่จะอพยพ, วิกฤติเหมือนกับสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง

สหประชาชาติได้มีการประมาณการว่า หากสงครามในซีเรียยังคงมีอย่างต่อเนื่องแล้ว ภายในสิ้นปีนี้จะมียอดจำนวนของผู้ลี้ภัยชาวซีเรียเพิ่มขึ้นประมาณหนึ่งล้านคน

ตามรายงานจากสำนักข่าว บีบีซี เผยว่า ยะอ์กูบ อัลฮุลว์ ผู้ประสานงานกิจการด้านมนุษยธรรมในซีเรีย ได้เรียกร้องให้นานาชาติ ซึ่งหากมีความสามารถแล้วขอให้ช่วยเหลือผู้ลี้ภัยชาวซีเรียที่มีปัญหาทางการเงิน

เขาบอกว่าถ้าไม่ทำสิ่งใดเลยเพื่อยุติสงครามแล้ว ภายในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ประชาชนอรกจำนวนมากจะต้องย้ายออกจากบ้านของพวกเขา

ตามคำกล่าของเขา หากสภาพและเงื่อนไขนี้ยังคงดำเนินอยู่เช่นนี้อย่างต่อเนื่อง จะทำให้สถานการณ์ของผู้ลี้ภัยในยุโรปไปถึงจุดหนึ่ง ที่สามารถเปรียบเทียบความร้ายแรงของสิ่งนี้กับเหตุการณ์ปีสุดท้ายของสงครามโลกครั้งที่สองเท่านั้น

ในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่เริ่มต้นสงครามกลางเมืองในซีเรีย ประมาณครึ่งหนึ่งของประชากรของประเทศ 22 ล้านคน ต้องลี้ภัย กว่าสี่ล้านคนของพวกเขาได้หลบภัยในประเทศอื่น ๆ ซึ่งสหประชาชาติได้เรียกว่าสถานการณ์ของผู้ลี้ภัยชาวซีเรีย คือ วิกฤติมนุษยธรรมที่เลวร้ายที่สุดในวันนี้

ขณะที่ตุรกีและเลบานอนเป็นประเทศที่ให้การพักพิงแก่ผู้ลี้ภัยชาวซีเรียมากที่สุด แต่ทว่าผู้ประสานงานด้านกิจการซีเรียของสหประชาชาติกล่าวว่า ขณะนี้ประเทศเหล่านี้กำลังอยู่บนปากเหวของวิกฤติ

เขากล่าวว่า ไม่มีเงินทุนพอสำหรับโครงการอาหารโลกในการส่งมอบอาหารให้กับ 5 ล้านคนผู้ลี้ภัยในซีเรียในเดือนถัดไป

เขากล่าวว่า การช่วยเหลือด้านอาหารไปยังผู้ประสบภัยสงครามในประเทศซีเรีย ในปีนี้อย่างน้อยต้องการงบประมาณช่วยเหลือประมาน 738,000,000 ดอลลาร์

ประเด็นที่น่าสนใจท่ามกลางวิกฤตินี้ คือบทบาทของอเมริกาและบรรดากษัตริย์ในเขตภูมิภาคตะวันออกกลาง พวกเขาเป็นปัจจัยหลักที่สนับสนุนการก่อการร้ายและฆ่าคนหลายพันคนในประเทศซีเรียอิรักและอัฟกานิสถาน แต่ไม่ยอมรับรับความผิดชอบเหล่านี้ อเมริกายอมรับผู้ลี้ภัยเพียงแค่ 1500 คน

การปฏิบัติต่อผู้ลี้ภัยเยี่ยงการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

ขณะที่สภาพอากาศที่หนาวเย็นแผ่ปกคลุมยุโรปและสถานการณ์ที่ย่ำแย่ของผู้ลี้ภัย นายกรัฐมนตรีของฮังการี ได้เรียกร้องชาติยุโรปเพื่อให้สกัดการหลั่งไหลของผู้ลี้ภัยของชาติเพื่อนบ้านซีเรียเพื่อลดการหลั่งไหลกระแสของผู้อพยพข้ามชาติสู่ยุโรป

วิคเตอร์ ออร์ บอนด์ ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ Bild เยอรมนี โดยออกมาปฏิเสธพร้อมกับปกป้องชาติยุโรปที่ไม่ยอมรับผู้อพยพที่เข้ามายังสหภาพยุโรปโดยผ่านฮังการี และบอกว่า ผู้ลี้ภัยชาวซีเรียมีค่ายรอบๆประเทศซีเรียแล้วซึ่งมีสถานที่ที่ปลอดภัยอยู่แล้ว

เขากล่าวว่า บรรดาผู้ที่มายังยุโรปนั้น ในความเป็นจริงแล้วไม่ได้ต้องการค้นหาความปลอดภัย แต่เพียงแค่ต้องการชีวิตที่ดีขึ้นเท่านั้น

ตามรายงานของสำนักข่าวเสียงของอเมริกา (VOA) ได้มีการวิพากษ์วิจารณ์ ฮังการีเพราะปราบปรามผู้ลี้ภัยเข้ามาในประเทศ แต่ทว่านายกรัฐมนตรีของฮังการี ออกมายืนข้อเสนอ ว่า ทุกประเทศในสหภาพยุโรปต้องประหยัดค่าใช้จ่าย แล้วส่งภาษีรายได้เพิ่มให้กับงบประมานของสหภาพยุโรปในอัตราร้อยละหนึ่งของงบประมานค่าใช้จ่ายทั้งหมด จากนั้นรายได้เหล่านี้ จะมีประมาน 3 พันล้านและ 400 ล้านดอลลาร์ เพื่อมอบและช่วยเหลือไปยังตุรกี เลบานอนและ จอร์แดนเพื่อนบ้านของซีเรีย

เวอร์เนอร์ ฟีแมน นายกรัฐมนตรีออสเตรีย ในการสัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์เยอรมัน เดอร์ส โดยทัศนะและความคิดเห็นอื่น ว่า เมื่อ ออร์ บอนด์ บอกว่า ทุกคนที่ลี้ภัยจากซีเรียล้วนเป็นผู้ลี้ภัยเชิงเศรษฐกิจที่หลบหนีการกระทำที่ขาดความรับผิดชอบ เขากล่าวว่า ออสเตรีย เยอรมนีและสวีเดน – เป็นประเทศที่ให้การพักพิงมากที่สุด- โดยถือว่าผู้ลี้ภัยเหล่านี้คือผู้อพยพทางสงคราม ที่พวกเราให้การปกป้องสิทธิของพวกในฐานะผู้ลี้ภัย

นายกรัฐมนตรีออสเตรีย รำลึกถึงพฤติกรรมของรัฐบาลฮังการีว่า เป็นยุคสมัยของนาซี

เขาได้ให้สัมภาษณ์กับ เดอร์ส ว่า “การกักขังผู้ลี้ภัยในรถไฟ หวังที่จะให้พวกเขาออกไปให้ไกลที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ชวนให้นึกถึงช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดของประวัติศาสตร์ของทวีปของเรา.”

เมื่อวันศุกร์ที่11 กันยายน ในที่ประชุม ณ ปราก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศฮังการี สาธารณรัฐเช็ก โปแลนด์และสโลวาเกีย เรียกร้องให้ชาติสมาชิกปฏิเสธ คำเรียกร้องของเยอรมนี ต่อโควตาที่สหประชาชาติรับรองและยืนยันให้รับจำนวนผู้ลี้ภัย

โปรแกรมนี้จะช่วย กระจายผู้ลี้ภัยจำนวน 160000 คน ยัง 28 ประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรป

ในขณะเดียวกัน Chancellor Angela Merkel แห่งเยอรมนี อ้ามือช่วยเหลือและยอมรับผู้ลี้ภัยนับหมื่น อันเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องและปฏิเสธการวิจารณ์ของพรรคพันธมิตรอนุรักษ์นิยม

วารสารรายสัปดาห์ เดอร์ส อ้างจาก Horst ซีอ็อฟ ผู้นำของสหภาพสังคมคริสเตียน กล่าวว่า การตัดสินใจที่จะยอมรับผู้อพยพนั้นเป็นสิ่งที่ผิดพลาด และจะส่งผลกระทบต่อเราในระยะยาว ”

เมื่อวันศุกร์ ที่ผ่านมา เดนมาร์กประกาศที่จะไม่ยอมรับผู้ลี้ภัยใด ๆเพิ่มอีกแล้ว จากจำนวน160,000 เพราะพวกเขาได้รับผู้ลี้ภัยมาแล้ว เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา จำนวน 3,000 กว่าคน ถึงแม้นว่า บรรดาผู้ลี้ภัยดังกล่าวมีความตั้งใจที่จะเดินทางอพยพยังสวีเดนก็ตาม

อังกฤษ ก็ไม่ยอมรับโควตาของผู้ลี้ภัยเพิ่มอีก และบอกว่า เราจะรับผู้ลี้ภัยชาวซีเรียแค่ 20,000 คน ในช่วงระยะเลาห้าปีเท่านั้น ส่วนอเมริกา นับจากเกิดเหตุการณ์วิกฤตในซีเรีย รับผู้ลี้ภัยเพียง 1,500 คน

ข่าวล่าสุดจากผู้ลี้ภัย

ทางการของเยอรมันกล่าวว่า ในช่วงวันเสาร์ที่ผ่านมา มี ผู้ลี้ภัยจำนวน 3,600 คนอพยพเข้ามาอยู่ในมิวนิค และคาดว่าในช่วงท้ายของวันดังกล่าว จำนวนยอดของพวกเขาจะมีมากถึง 10,000 คนหรือมากไปกว่านั้น

ฤดูหนาวที่กำลังจะมาเยือนอีกครั้ง บรรดาผู้ลี้ภัยจากแดนไกลหลายพันกิโลเมตร ลี้ภัยจากอัฟกานิสถาน ซีเรียและอิรัก ต้องเดินทางไปยุโรปในสภาพที่มีความยากลำบากมากขึ้น

ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติกล่าวในเรื่องนี้ว่า สืบเนื่องจากอากาศที่เริ่มจะหนาวเย็นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลากลางคืน เราควรที่จะเตรียมการให้ที่พักพิงแก่ครอบครัวผู้ลี้ภัยดังกล่าวอย่างรวดเร็ว

ตามรายงาน เอเอฟพี ประชาชนนับหมื่นคน เดินขบวนในกรุงลอนดอน มีการแจกใบปลิวที่เขียนข้อความว่า “เปิดพรมแดน” “ขอต้อนรับผู้ลี้ภัยสู่ที่นี่” “ผู้ลี้ภัยที่วิ่งหนีออกมาจากระเบิดของเรา ” และ “อย่าได้ทิ้งระเบิดในซีเรียอีกเลย”

http://www.jamnews.ir/detail/News/569353