เปิดโปงปฏิบัติการมอสสาด
1. ลักพาตัว อดอล์ฟ ไอชมันน์ หนึ่งในพรรคนาซี ถูกตั้งข้อหาสังหารหมู่ชาวยิว ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดย อดอล์ฟ ไอชมันน์ ถูกทรมานก่อนระยะหนึ่ง และถูกนำตัวไปศาลอิสราเอล โดยศาลพิพากษาให้ประหารชีวิต
ภาพการขึ้นศาลของอดอล์ฟ ไอช์มันน์ ในเยรูซาเล็ม
2. จัดประชุมลับระหว่างเจ้าหน้าที่อิสลาม และจอร์แดน ในปี 75 ในครั้งแรก และในครั้งที่ 2 ในปี 77 โดยในปลายปี 70 เจ้าหน้าที่มอสสาด ได้ปฏิบัติการ เคลื่อนย้ายชาวยิวนับร้อยคนจากอูกันด้าสู่อิสราเอล โดยปฏิบัติการมีชื่อว่า “ปฏิบัติการโมเสส”
3. วางแผนบุกโจมตีเลบานอนในปี 82 และวางแผนบุกศูนย์กลางของกลุ่ม PLO หรือ องค์การปลดปล่อยปาเลสไตน์ และในตูนีเซีย ซึ่งเป็นเหตุให้มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิต 56 คน
4. มาร์เดคาย วาโนโน วิศวกรชาวยิว-โมรอคโค หนึ่งในผู้ร่วมสร้างนิวเคลียร์ดีโมนา ในแผ่นดินที่อิสราเอลยึดครอง มาร์เดคาย เปิดโปงโครงการนิวเคลียร์ลับ ให้ชาวโลกได้รับรู้ ในโรม อิตาลี ปี 86 เขาได้สัมภาษณ์สำนักข่าวอังกฤษ โดยมอบข้อมูลลับทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับโครงการนิวเคลียร์ลับของอิสราเอล ให้กับ The Sunday Times ของอังกฤษ
5. พยายามลอบสังหารซัดดัม ฮุสเซน ในปี 91, 97 แต่ไม่ประสบความสำเร็จ
6. พยายามลอบสังหาร คอลีด มัชอัล และนักโทษปาเลสไตน์ที่ถูกปล่อยตัว 70 คน แต่ไม่ประสบความสำเร็จ
7. ช่วยเหลือหน่วยข่าวกรองตุรกี ในการจับกุมตัว อับดุลลอฮ โอจูลาน ผู้นำกลุ่มแบ่งแยกดินแดน ตุรกี เคนยา ในปี 99 ซึ่งในสิบปีต่อมา กอร์ดอน โทมัส เจ้าหน้าที่ CIA ที่มีความสัมพันธ์กับมอสสาด ได้เปิดเผยในหนังสือของเขาว่า จริงๆ แล้ว โอจูลาน ไม่ได้ถูก เจ้าหน้าที่สหรัฐ และ ตุรกีจับกุมตัว มอสสาดเป็นฝ่ายลงมือปฏิบัติการนี้ และหลังจากที่จับตัวได้ พวกเขาก็ส่งนายคนนี้ให้ตุรกี
8 .ใช้พาสปอร์ตปลอมแล้วถูกจับได้ โดยสายลับมอสสาดสองนาย นาม อีลีย์ คอรอม และ เอวรีล คัลมอน ถูกจับข้อหาปลอมพาสปอร์ตสัญชาตินิวซีแลนด์ ในปี 2004 โดยศาลลงโทษโดยการจำคุกเป็นเวลา 6 เดือน ผลจากการปลอมพาสปอร์ตของสายลับสองนาย นำไปสู่การคว่ำบาตรความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่าง อิสราเอล กับ รัฐบาลนิวซีแลนด์
9. ลอบสังหารสายลับของตัวเอง ภายหลังจากที่ สายลับออกมาเปิดโปงความลับ และแปรพรรค จากองค์กร จำนวนหนึ่ง เช่น ลอบสังหารนาย เบนซีกีเยอร์ ในคุกภายหลังจากถูกจับกุมตัว เบน ซีกีเยอร์ เป็นชาวออสเตรเลีย มีภรรยาเป็นชาวยิว และมีบุตรด้วยกัน สองคน เขาเข้าทำงานเป็นสายลับให้มอสสาดในปี 2010 เขาถูกขังในคุกลับเป็นเวลาประมาณ 4 เดือน และภายหลังจาก 4 เดือน มีผู้พบร่างของเขาถูกแขวนคอจนเสียชีวิต
กอร์ดอน โทมัส (Gordon Thomas) อดีตสายลับมอสสาด ได้เขียนในบทความฉบับหนึ่ง ในเดือน Sebtember ปี 2012 โดยเผยแพร่บทความในเว็บไซต์ ในบทความมีการพูดถึง ความเป็นนักฆ่า และจิตแห่งการลอบสังหารของ มอสสาด
เขาได้เล่าว่า ครั้งหนึ่ง ราฟี อีทัน (Rafi Eitan) อดีต ผอ. มอสสาด เคยพูดกับเขาว่า “ เป้าหมายลอบสังหารหลายคน คือ คนที่ ไม่สามารถนำตัวมาพิพากษาได้ในอิสราเอล เพราะเหตุนี้ เราถึงจำเป็นต้องสังหารพวกเขา”
ในอีกวาระหนึ่ง อีทัน เล่าถึงประสบการณ์ทำงานลอบสังหารของตัวเองให้ กอร์ดอน ฟังว่า “เมื่อผมปฏิบัติภารกิจสังหารใครสักคนหนึ่ง ลูกตาของเป้าหมายจะถลนออกมาจากเบ้า ซึ่งมันทำให้เราเห็นถึงความหวาดกลัวของมันได้ ตัวของเป้าหมายจะส่งกลิ่นความกลัวออกมา ซึ่งบางเวลา ผมจะใช้มือของตัวเอง หรือ ปืนเก็บเสียง (ในการกำจัดเป้าหมาย) และผมไม่เคยรู้สึกเสียใจต่อการสังหารเขาเหล่านั้น”
ในสมัยที่ เมียร์ เอมิท (Meir Amit) ดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการ มอสสาด ครั้งหนึ่งเขาเคยพูดว่า “เราก็เหมือนกับเพชรฆาต หรือ หมอฆ่าประหาร ซึ่งทุกอย่างที่เราทำ อยู่ภายใต้สายตาของรัฐบาลอิสราเอล”
เมื่อ โทมัส ได้พบกับ เมียร์ ในพิพิทภัณฑ์รำลึกมอสสาด เขาเห็น รูปปั้นขนาดใหญ่ คล้ายสมองของมนุษย์ ซึ่งใต้รูปปั้นอันนั้น มีชื่อเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่งที่เสียชีวิตขณะปฏิบัติการลอบสังหารผู้อื่น เมียร์ พูดกับโทมัสว่า “ใน มอสสาด ปฏิบัติการลอบสังหารคนๆ หนึ่ง เรียกกันว่า การโยนลูกเต๋า”
ในช่วงเหตุลอบวางระเบิด โรงแรม พาราไดส์ เกาะมอมบาซา มอสสาด ได้ถือว่า ปฏิบัติการนี้เป็นฝีมือของ อัลกออิดะฮ์ สมาชิกกลุ่ม ไกเดียน (คือหนึ่งในหน่วยงานลอบสังหารเฉพาะของมอสสาด) ทีมหนึ่ง ที่มีความเชี่ยวชาญในการลอบสังหาร ได้แยกตัวกันเดินทางไป เกาะมอมบาซา พวกเขาได้แยกชิ้นส่วนประกอบระเบิด ออกเป็นหลายชิ้น เพื่อนำมาประกอบทีหลัง ทีมสังหารกลุ่มนี้ สามารถพูดภาษาซาวาฮีลีย์ และภาษาท้องถิ่น และเข้าเมือง มอมบาซา ในฐานะพ่อค้าอาหรับ ซึ่งมีคนสามคนในกลุ่มนี้ ถูกลอบสังหารในเวลาต่อมา
เทคนิคการลอบสังหารของมอสสาด
ผู้หญิงที่เป็นสมาชิกของกลุ่มไกเดียน จะใช้ร่างกายของตัวเองเป็นเครื่องมือในการทำงาน ตามที่เมียร์ ได้กล่าวไว้ว่า “การกระตุ้นให้เกิดความสัมพันธ์ทางเพศ คือ เครื่องมือชั้นเลิศของเจ้าหน้าที่หญิงของเรา จริงอยู่ที่การกระทำนี้จะต้องมีกับศัตรู แต่มันก็ทำให้สามารถล้วงข้อมูลมาจากเขาได้”
วิคเตอร์ ออสทโรวสกีย์ (Victor Ostrovsky) หนึ่งในอดีตสายลับ ไกเดียน ออกมาเปิดเผยถึงการใช้สิ่งที่กล่าวมาข้างต้น รวมถึงวิธีการต่างๆ ที่มีความหลากหลาย เช่นการใช้มีดตัดเนย , อาวุธเก็บเสียง และยาพิษ
ปัจจุบัน วิคเตอร์ อาศัยอยู่ใน อาริโซน่า อเมริกา เคยมีคนถามเขาว่า “คุณเคยฆ่าใครบ้าง” เขาไม่ตอบคำถามใดๆ เพียงแต่ชื่อแจงถึงสาเหตุการลาออกของตัวเองจากไกเดียน ว่า เขา รับไม่ได้กับการฆ่าคนด้วยวิธีรุนแรง และน่าสยดสยองของมอสสาด
หลักฐานชัดเจนที่สุด เกี่ยวกับการลอบสังหารของมอสสาด คือ การสังหาร บุคคล ผู้มีฉายาว่า “มุฮันดิซ” (หมายถึงวิศวกร) ชะตากรรมของเขา คล้ายคลึง กับ ชะตากรรมของ ยะฮยา อัยยาช โดยชายผู้นี้ ถูกตั้งข้อหา ประกอบวัตถุระเบิดให้ฮามาส เพื่อใช้ลอบวางระเบิดทหารอิสราเอล มุฮันดิซ อาศัยอยู่ในเขตเวสแบงค์ ในวันหนึ่ง หลานชายของเขาได้เดินทางจากกาซ่า เพือจะมาเยี่ยมเขา หลังจากที่มุฮันดิซ ได้ร้องขอให้หลานชายอยู่ที่นั่นในตอนกลางคืน หลานชายจึงขอโทรศัพท์หาครอบครัว เพื่อบอกถึงข่าวคราวการเป็นอยู่ของเขา หลานชายออกนอกบ้านเพื่อหาสัญญาณโทรศัพท์ เมื่อหันไปหา น้าชาย ก็พบว่า น้าชายกำลัง ชี้ไปหา นักฆ่าไกเดียนสองคนที่อยู่บนดาดฟ้า กำลังลงมาข้างล่าง ซึ่งในช่วงเวลานั้น พวกเขาได้ติดตั้งระเบิดแล้วจากไป เช้าวันรุ่งขึ้น หลานชายได้รับโทรศัพท์จากมุฮันดิซ และเมื่อกดรับสาย มุฮันดิซ จึงถูกระเบิดในทันที
อีกปฏิบัติการหนึ่งของไกเดียน คือ การลอบสังหาร ดร.ฟัตฮีย์ ชักกอกีย์ เลขาธิการกลุ่มญิฮาดอิสลามีย์ (Fathi Shkaki) และ เจอรัล บูล (Gerald Bull ) วิศวกรทหาร ได้ออกมาปฏิเสธการใช้อาวุธของซัดดัมในครั้งที่สอง และชี้แจงว่า ไกเดียน เป็นผู้คิดวิธีการลอบสังหาร ตามคำกล่าวของเจอรัล
“ ไกเดียนทุกกลุ่มจะมีสมาชิก 4 คน คนแรกคือ ผู้แสดงเป้าหมาย จะทำหน้าที่ ในการควบคุมเป้าหมาย นาที ต่อนาที จนกว่าจะถูกสังหาร คนที่สอง คือ ผู้ขนส่ง ทำหน้าที่เคลื่อนย้าย ทีมออกจากสถานที่ภายหลังจากสังหาร ส่วนอีกสองคนที่เหลือ คือ ผู้สังหาร”
เหตุการณ์ลอบสังหาร เจอรัล บูล ผู้สังหารได้รับความช่วยเหลือจาก ซายานีม ซึ่งเป็นคำภาษาฮิบรู หมายถึง “ผู้ช่วยเหลือ” หรือ กองหนุน โดย ซายานีม ได้ดึงความสนใจหน่วยอารักขา เจอรัล เพื่อเคลียร์ทางให้หน่วยไกเดียน ลอบเข้าไปสังหารนายเจอรัล มือสังหารสองคน สวมชุดคนส่งเอกสาร FedEx เข้ามากดกริ่งประตูบ้าน ซึ่งเมื่อเจอรัล เปิดประจู หนึ่งในสองซึ่งถือกล่อง เฟ็ดเอ็กซ์ ได้ลั่นไก่ปืนไปที่ตัวของเขา เจอรัล ถอยหลังเพื่อหนี แต่ก็ถูกยิงจากข้างล่างจนเสียชีวิต
อีไล โคเฮน (Eli Cohen) สายลับมอสสาด ที่คอยส่งข้อมูลสำคัญของรัฐบาลซีเรียให้อิสราเอล ในช่วงก่อนสงคราม 6 วัน ซึ่งภายหลังจากถูกเปิดเผยตัวตนในปี 65 เขาถูกรัฐบาลซีเรียสั่งประหารชีวิต บัญชีลอบสังหารบุคคลในแต่ละเดือน หรือ สัปดาห์ถูกเปิดโปง รวมถึงการเลือกทีมสังหาร หนึ่งในนั้นคือแผนสังหาร ซัดดัม ฮุสเซน โดยมอสสาดได้วางแผนสังหารซัดดัม ในสถานที่แห่งหนึ่ง ในอิรัก แต่ไม่ประสบความสำเร็จ
วิคเตอร์ ออสทโรวสกีย์ ได้เขียนในหนังสือสองเล่ม หลังจากหลบหนีไปสหรัฐ เขาได้เปิดโปง ธาตุแท้ของมอสสาดให้ชาวโลกได้รับรู้ ในหนังสือของเขาได้บอกเล่าว่า องค์กรมอสสาด มีสำนักงานและกองกำลังกระจายอยู่ทั่วโลก และอีกหน่วยงานหนึ่ง คือ ซายานีม ที่กระจายอยู่ทั่วโลกเช่นกัน โดย ซายานีม จะทำเคลื่อนไหวในสถานทูตของทุกประเทศร่วมมือกันกับมอสาด
อัฟรออีม ฮอลาวีย์ อดีต ผู้อำนวยการมอสสาด ได้เปิดเผยถึงรายละเอียด ปฏิบัติการ “ปลิดชีพ” โดยในปฏิบัติการนี้ มอสสาด ได้เสนอ สถิติการฝังตัวของกลุ่มกองกำลังต่างๆ (เป็นสถิติที่ส่วนใหญ่มอสสาดเป็นผู้สร้างขึ้น) ที่ฝังตัวอยู่ในสถานทูตต่างๆ ของลีเบีย ทั่วโลก CIA และ MI6 ต่างมีความเห็นว่า จะต้องจู่โจมประเทศนี้ ผลคือ สหรัฐ และอังกฤษ จึงทำการโจมตี ประเทศนี้ ในวันที่ 14 เมษายน 1986 เครื่องบินรบสหรัฐ และ เอฟ 111 เอสของอังกฤษ ทิ้งบอมลงลิเบีย ทำให้มีชาวลิเบียเสียชีวิตมากกว่า 60 คน
ในช่วงเวลานั้นฝรั่งเศสไหวตัวทัน ต่อปฏิบัติการปลิดชีพ จึงไม่อนุญาตให้สหรัฐใช้น่านฟ้าของประเทศเพื่อเข้าสู่น่านฟ้าลีเบีย มอสสาด ประสบความสำเร็จในปฏิบัติการปลิดชีพ และ 17 ปี หลังจากนั้น มีเหตุการณ์โจมตีที่คล้ายคลึงกันเกิดขึ้นในช่วงสงคราม อิรัก-สหรัฐ ซึ่งการโจมตีเหล่านั้น ถือเป็นผลประโยชน์ที่ดีสำหรับอิสราเอล
นักบุญสายลับ
นอกจากมอสสาดจะออกปฏิบัติการนอกประเทศแล้ว พวกเขายังปฏิบัติการในประเทศโดยการควบคุมสังคมอิสราเอล ด้วยการใช้นักบุญ ในช่วงศึกษา นักบุญเหล่านี้ จะทำงานคู่กับสายลับมอสสาด และจะออกปฏิบัติการในเชิงเทศกาล เช่น เทศกาลซับโต และ เทศกาลเกาชัร เรื่องราวนี้ถูกเปิดเผยโดยอดีตเจ้าหน้าที่มอสสาดคนหนึ่งที่ไม่ประสงค์ออกนาม เขาได้ให้สัมภาษณ์ นสพ. อิสราเอลีย์ มะอารียู เพื่อบอกเล่าถึงเรื่องราวนี้
บรรดาศาสนจารย์หน้าใหม่ จะต้องอยู่ภายใต้การอบรม และการเรียนรู้ทฤษฎี และแนวคิดของ ศาสนจารย์ระดับสูงซึ่งเป็นมอสสาด ซึ่งตัวตนของพวกเขาถูกปกปิดเป็นความลับ หนึ่งในนั้นคือ นาพพล อวีชาย รอนเทซสกีย์ (Avichai Rontzki) ดำรงตำแหน่งเป็นศาสนจารย์ชั้นอาวุโส ในช่วงปี 2006-2010
ผู้เขียนได้นำเสนอเรื่องราว การก่อตั้ง เทคนิคปฏิบัติการ และคำบอกเล่าของอดีตเจ้าหน้าที่มอสสาด ที่พูดถึงปฏิบัติการมอสสาดมาแล้ว ผู้เขียนเห็นสมควรว่าจะเปิดเผย บัญชีรายชื่อ ผู้ที่ถูกสังหารโดยมอสสาด ในตอนต่อไป