ไซออนิสต์ในแอฟริกา : สงครามภายในกับการแบ่งแยกดินแดน
อิทธิพลการแทรกซึมของขบวนการไซออนิสต์ในแอฟริกาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในซูดานและเอธิโอเปีย ซึ่งอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงภายในของอิสราเอลได้ออกมาถอดรหัสการเคลื่อนไหวที่มีจำนวนมากในทวีปแอฟริกา
อดีตรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงภายในอิสราเอลได้ออกมาพูดว่า ในสมัยที่ซูดานได้ออกมาประกาศเอกราชของตน ได้มีผู้เชี่ยวชาญของอิสราเอลจำนวนมากออกมาพูดคุยให้ทัศนะถึงประเด็นดังกล่าว ซึ่งทั้งหมดมีทัศนะเหมือนกัน คือไม่ควรปล่อยให้ซูดานผันตัวมาเป็นศัตรูใหม่ของอิสราเอลในโลกอาหรับ
สามเหลี่ยมเอริเธีย เอธิโอเปีย และซูดาน ถือเป็นพื้นที่ที่อิสราเอลให้ความสนใจเป็นพิเศษเนื่องจากในสถานที่ดังกล่าวมีทรัพยากรอยู่จำนวนมาก อิสราเอลได้ดำเนินการแทรกแซงทางภาคใต้ของซูดานในชนเผ่าต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นฆราวาสและเป็นคริสเตียนโดนพวกเขาปลุกระดมด้วยการสร้างความขัดแย้งและกระตุ้นให้เกิดสงครามภายในโดยการนำอาวุธแจกจ่ายให้แก่กลุ่มกบฏจนในที่สุดนำสู่การแบ่งแยกดินแดนซูดานออกมา อิสราเอลและสหรัฐเป็นกลุ่มประเทศแรกๆ ที่ออกมายอมรับเอกราชของซูดานและประกาศให้การนับสนุนพวกเขา สถิติที่ถูกประกาศออกมาอย่างเป็นทางการจากสหประชาชาติ ระบุว่าในช่วงเกิดสงครามกลางเมืองในซูดานทำให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 1 ล้านคน และกว่า 4 ล้านคนไร้ที่อยู่อาศัยกลายเป็นคนพลัดถิ่น
ผู้อพยพชาวเอธิโอเปียได้เดินทางยังอิสราเอลหวังจะมาหางานทำแต่กลับกลายตกเป็นเหยื่อของการเหยียดผิว
ปัจจุบันมีพลเมืองประเทศซูดานและเอธิโอเปียมากกว่าหมื่นคนที่อาศัยอยู่ในอิสราเอลตกอยู่ในสภาวะทางเศรษฐกิจที่ไม่ดีและการใช้ชีวิตที่ยากลำบาก เหล่าคนผิวสีที่เดินทางมาจากทวีปแอฟริกาเพื่อมาหางานทำในอิสราเอลตกเป็นเหยื่อของการเลือกปฏิบัติในประเทศดังกล่าว พวกเขาถูกถือว่าอยู่ในฐานะพลเมืองชั้น 3
ในมุมมองของสมบัติและทรัพยากรที่มีอยู่ในสองประเทศนี้อิสราเอลได้เข้าไปจัดการสานต่อทั้งทางด้านเกษตรกรรม ชลประทาน อุตสาหกรรมเหมืองแร่ ซึ่งเหล่านายทุนที่เป็นผู้ดูแลปกครองเรื่องดังกล่าวล้วนเป็นอิสราเอล ทั้งสองประเทศถือได้ว่าส่วนใหญ่ของประชากรเป็นคนยากจนแร้นแค้นอีกทั้งยังต้องมาโดนไซออนิสต์ปล้นทรัพยากรของประเทศตนไปอีก
อาชญากรรมของเหล่าผู้บัญชาการของไซออนิสต์
“เรียล ชารอน” รายงานอย่างเป็นทางการคือ เขาเริ่มฆ่าคนตั้งแต่อายุ 13 ปี ซึ่งในขณะนั้นเขาได้กลายเป็นสมาชิก ฮากาน่า และเขาได้ปลิดชีวิตชาวปาเลสไตน์จำนวนมากในขณะปฏิบัติการเข้ายึดดินแดน เขาได้ทำการระเบิดบ้านเรือนกว่า 40 หลังพร้อมทั้งพลเรือน และเขาเคยสังหารหมู่ถึง 70 คน ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนแต่เป็นสตรีและเด็ก
สถานการณ์ที่ไม่สงบในสังคมและการประท้วงด้วยการเผาตัวเองในพื้นที่ที่ถูกยึดครอง
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาได้เกิดกระแสการเผาตัวเองเป็นประวัติการณ์ในแผ่นดินที่ถูกยึดครองขึ้น เกิดการประท้วงและการเผาตัวเองในพื้นที่ที่ไซออนิสต์อาศัยอยู่ ซึ่งสิ่งนี้เพิ่มปัญหาให้กับระบอบการปกครองอันจอมปลอมนี้มากขึ้น ปัญหาหลักคือความไม่สงบทางสังคมและความไม่แน่นอนในสังคมภายใน
การประท้วงเกิดขึ้นจากสถานการณ์ปัญหาเศรษฐกิจและสภาพความเป็นอยู่ของประชากรอิสราเอลในช่วงหลายปีที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรีอิสราเอลที่เป็นภัยคุกคามภายนอกกลับกลายมาเป็นภัยคุกคามต่อบุคคลภายในประเทศตน จึงสร้างความสั่นคลอนและตกต่ำแก่ระบบกการปกครองดังกล่าว การประท้วงเกิดขึ้นโดยชาวบ้านผู้อพยพมายังประเทศอิสราเอลได้ออกมาประท้วงเรียกร้องเนื่องจากปัญหาความไม่เท่าเทียมกันทางด้านสังคมและเศรษกิจเป็นเหตุทำให้ถนนต่างๆของเทลอาวีฟและเยรูซาเล็มเต็มไปด้วยผู้ประท้วงชาวไซออนิสต์นับหมื่นคน ซึ่งในแต่ละครั้งที่เกิดการประท้วงพวกเขาจะต้องโดนปราบปรามจากทางตำรวจอย่างรุนแรง จนแม้แต่องค์กรนิรโทษกรรมสากลยังออกมาประณามการกระทำดังกล่าว
สงคราม 51 วันในฉนวนกาซ่า
สงครามสิ้นสุดลงหลังจากเกิดการรุกรานของอิสราเอลอย่างโหดร้ายในฉนวนกาซ่าถึง 51 วัน ในช่วงระยะเวลาดังกล่าวอิสราเอลได้ทำการบุกโจมตีฉนวนกาซ่าทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการบุกทางภาคพื้นดินด้วยรถถัง ทางอากาศ และทางเรือ พวกเขาได้ทิ้งระเบิดลงใส่อาคารบ้นเรือนอย่างห่าฝน มีผู้คนล้มตายบาดเจ็บนับพันคน อาคารบ้านเรือนนับร้อยถูกทำลาย และเป้าหมายการโจมตีของพวกเขาคือการทำลายอาคารบ้านเรือนให้ราบเป็นหน้ากลอง
เมื่อสงครามสิ้นสุดลงเสียงปืนใหญ่ก็เงียบสงบเสียงเครื่องบินที่เข้าแทนที่เสียงนกเสียงกาก็ได้ห่างหายไปจากฉนวนกาซ่า รถถังและเหล่าทหารที่หลายครั้งได้ขู่จะโจมตีเต็นท์ผู้อพยพในรอบๆพื้นที่สงครามต่างก็ถอยจากไป พวกเขากลับสงครามไปด้วยกับความพ่ายแพ้ที่ขมขื่น ได้ลิ้มรสแห่งความลำบาก จนกระทั้งพวกเขามั่นใจว่าพวกเขาไม่สามารถจะพบกับชัยชนะได้ในพื้นที่แห่งนี้
การต่อสู้เคลื่อนไหวอย่างโดดเดี่ยวในหมู่อาหรับ
ในสงครามกาซ่าและการเผชิญกับอาชญากรรมอื่นๆของอิสราเอล เหล่าประเทศอาหรับผู้อ้างตนว่าเป็นเจ้าโลกอิสลามและโลกอาหรับ เป็นดั่งมฤตยูเงียบที่ยืนดูอาชญากรรมต่างๆอย่างเลือดเย็น อีกทั้งพวกเขายังออกห่างปฏิเสธที่จะออกมาประณามการรุกลานอย่างป่าเถื่อนของอิสราเอล มีแค่เพียงครั้งเดียวที่พวกเขาเคลื่อนไหวเมื่อสันนิบาตอาหรับฟ้องกับสำนักงานปรมาณูระหว่างประเทศเนื่องจากอิสราเอลใช้อาวุธที่มีสารยูเรเนียมเข้าโจมตีฉนวนกาซ่า ซึ่งการฟ้องร้องดังกล่าวก็ไม่ได้รับตรวจสอบและไม่ได้มีผลอะไร
เอกอัครราชทูตอังกฤษในอิสราเอล : นับวันอิสราเอลยิ่งพบกับความอ่อนแอลง
เขาคือหนึ่งในไซออนิสต์ที่มีความคิดหัวรุนแรงอยู่ ซึ่งเขาเชื่อว่า อิสราเอลได้ลงทุนอย่างมหาศาลด้านการข่าวและการสื่อสาร แต่ทว่าประชาชนของพวกเขากลับไม่สนใจและไม่ไว้วางใจกับพวกเขา สื่อของอิสราเอลไม่ได้มีความสำคัญสำหรับประชาชนของพวกเขา ประชาชนสามรถแยกแยะความดีความชั่วอย่างง่ายดาย พวกเขาไม่ยอมรับโฆษณาชวนเชื่อของอิสราเอล พวกเขาเห็นการบุกยึดครองดินแดนผู้อื่นและการสร้างถิ่นฐานที่ผิดกฎหมาย พวกเขาเห็นเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในฉนวนกาซ่า ใครก็ตามที่มีความกังวลกับสถานภาพของอิสราเอลโปรดรู้เถิดว่า อิสราเอลนับวันจะยิ่งพบกับความอ่อนแอ