สถิติล่าสุด ยอดผู้เสียชีวิตจากการโจมตีของซาอุดิอาระเบียในเยเมนช่วงหกเดือน พุ่งสูงถึง 7,400 คน
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนได้เผยว่า ในช่วงแปดเดือนที่ผ่านมา 7,400 มีพลเรือนเยเมน ถูกฆ่าตายในการโจมตีจากซาอุดิอาระเบีย
คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนเผยอีกว่า ซาอุดิอาระเบียผู้รุกราน ยังได้ดำเนินการโจมตีพลเรือนและแหล่งที่พักอาศัยของชาวเยเมนอย่างต่อเนื่อง และกล่าวเสริมว่า นอกจากนั้น ยังไม่นับผู้ได้รับบาดเจ็บอีกจำนวน 16,000 คน
ประเด็นหลักที่สำคัญในที่นี้ คือ ซาอุดิอาระเบีย เอาอาวุธจากไหนโจมตีพลเรือนเยเมน ???
แน่นอนซาอุดิอาระเบีย เอาอาวุธจากไหนนั้นสื่อต่างๆได้มีการนำเสนอ ว่า ชาติหลักที่ซาอุฯ สั่งซื้ออาวุธคือสหรัฐอเมริกา และซาอุดิอาระเบียขึ้นแท่นเป็นประเทศที่สั่งซื้ออาวุธมากที่สุดในโลก
รายการสั่งซื้ออาวุธของซาอุดิอาระเบีย มีดังนี้
17 พฤศจิกายน 2558 อเมริกาขายอาวุธมูลค่ากว่า 4.6 หมื่นล้านบาทให้ซาอุฯ
รัฐบาลสหรัฐฯ อนุมัติจำหน่ายระเบิดนำวิถีล็อตใหญ่ มูลค่า 1,290 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 46,400 ล้านบาท) ให้แก่ซาอุดีอาระเบีย หลังฝูงบินทัพฟ้าของริยาดทิ้งบอมบ์ใส่พลเรือนในเยเมนมานานหลายเดือนจนคลังแสงเริ่มร่อยหรอ
สภาคองเกรสมีเวลา 30 วันที่จะคัดค้านการจำหน่ายอาวุธให้แก่ริยาด ซึ่งคาดว่าการขัดขวางเช่นนี้คงไม่เกิดขึ้น อีกทั้งการส่งมอบระเบิดไฮเทคกว่า 19,000 ลูกก็มีความจำเป็นเร่งด่วน เนื่องการโจมตีทางอากาศในเยเมนยังคงเกิดขึ้นทุกวัน
คำสั่งซื้อล็อตนี้ประกอบด้วย ระเบิดนำวิถีด้วยเลเซอร์ Paveway II ชนิด GBU-10 และ GBU-12 จำนวน 5,200 ลูก และระเบิด GBU-24 Paveway III ที่เป็นรุ่นใหม่และมีพิสัยโจมตีไกลกว่าอีก 1,100 ลูก ทางการซาอุฯ ยังต้องการระเบิดสำหรับใช้งานทั่วไปขนาด 500-2,000 ปอนด์อีก 12,000 ลูก และ BLU-109 หรือ “ระเบิดทลายบังเกอร์” ขนาด 2,000 ปอนด์ที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงอีก 1,500 ลูก นอกจากวัตถุระเบิดหลายชนิดที่เอ่ยไปข้างต้นแล้ว รัฐบาลซาอุฯ ยังจะได้รับอุปกรณ์เสริมหลายพันชิ้นสำหรับแปลงระเบิดไม่นำวิถี (dumb munitions) ให้กลายเป็นสมาร์ทบอมบ์ที่กำหนดทิศทางได้ด้วยดาวเทียม เมื่อเดือนที่แล้ว ดีเอสซีเอ อนุมัติสัญญาซื้อขายมูลค่า 11 ,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 394,988 ล้านบาท สำหรับผู้ผลิตอาวุธรายใหญ่ของสหรัฐ ล็อคฮีด มาร์ติน ในการขายเรือรบ 4 ลำ ให้แก่รัฐบาลริยาร์ด แต่สัญญาการสั่งซื้อครั้งนี้ ประกอบด้วย ระเบิดนำวิถีด้วยเลเซอร์ เพฟเวย์2 รุ่น จีบียู-10 และ จีบียู-12 จำนวน 5,200 ลูก ระเบิดเพฟเวย์3 รุ่น จีบียู-24 ซึ่งทันสมัยและมีพิสัยไกลกว่า จำนวน 1,100 ลูก ระเบิดอเนกประสงค์ หนัก 500-2,000 ปอนด์ จำนวน 12,000 ลูก และระเบิดทำลายบังเกอร์ใต้ดินรุ่น บีแอลยู-109 หนัก 2,000 ปอนด์ จำนวน 1,500 ลูก
ซาอุดีอาระเบียซึ่งรุ่มรวยทรัพยากรน้ำมันถือเป็นลูกค้าอาวุธเบอร์ต้นๆ ของสหรัฐฯ และแม้การทำสัญญาซื้อขายอาวุธระหว่าง 2 พันธมิตรจะไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจในห้วงเวลาเช่นนี้ แต่ก็อาจถูกวิพากษ์วิจารณ์ได้เช่นกัน เพราะที่ผ่านมามีเสียงร้องเรียนหนาหูว่า เครื่องบินขับไล่ซาอุฯ ที่เข้าไปทิ้งบอมบ์ในเยเมนได้คร่าชีวิตพลเมืองผู้บริสุทธิ์ไปเป็นจำนวนมาก องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ประเมินว่า มีชาวเยเมนเสียชีวิตจากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของซาอุฯ ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน
15 กุมภาพันธ์ 2557 ในประเด็นข่าวค่ำ ช่วง World News : สหรัฐขายอาวุธมูลค่ากว่า 4.6 หมื่นล้านบาทให้ซาอุฯ “NOW26” 17-11-5ซาอุฯทุ่ม $10,000 ล้าน สั่งซื้อ “ยานเกราะ” ล็อตใหญ่จากบริษัทอาวุธมะกัน
รัฐบาลซาอุดีอาระเบียเซ็นสัญญาสั่งซื้อยานเกราะล็อตใหญ่รวมมูลค่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากบริษัทอาวุธแคนาดาซึ่งอยู่ในเครือ เจเนอรัล ไดนามิกส์ ผู้ผลิตอาวุธรายใหญ่ของสหรัฐฯ รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์แคนาดา เอ็ด ฟาสต์
ข้อตกลงดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่ริยาดเริ่มสะสมอาวุธเพื่อเตรียมรับมือสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ส่อเค้าลุกลาม
การสั่งซื้ออาวุธจากบริษัทอเมริกัน ซึ่งแม้ในที่นี้จะเป็นเพียงบริษัทลูกในแคนาดาก็ตาม สื่อให้เห็นว่า สหรัฐฯและซาอุดีอาระเบียยังคงประสานความร่วมมือด้านกลาโหมอย่างใกล้ชิด แม้จะมีปมขัดแย้งกันเรื่องอิหร่านและซีเรียในระยะนี้
ยานเกราะล็อตนี้จะผลิตโดยบริษัท Genral Dynamics Land Systems’Canada (GDLS) ที่เมืองลอนดอน รัฐออนแทรีโอ และมูลค่าของสัญญาอาจขยับขึ้นเป็น 13,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯหากมีการใช้สิทธิ์ออปชันทุกประเภท
สัญญาสั่งซื้อยังครอบคลุมถึงอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง การฝึกใช้งาน และบริการเสริมต่างๆ
รัฐมนตรีพาณิชย์แคนาดาชี้ว่า ข้อเสนอที่ดีกว่าของ GDLS ทำให้สามารถเอาชนะบริษัทอาวุธคู่แข่งในเยอรมนี ฝรั่งเศส และประเทศยุโรปอีกหลายแห่ง โดย “สัญญาซื้อขายครั้งประวัติศาสตร์” นี้จะช่วยสร้างงานในแคนาดาเพิ่มอีกกว่า 3,000 ตำแหน่ง และสนับสนุนภาคธุรกิจอีกกว่า 500 บริษัทที่ผลิตชิ้นส่วนและอะไหล่ส่งให้แก่ เจเนอรัล ไดนามิกส์
ด้าน เจสัน ไมเออร์ส ประธานสมาคมผู้ผลิตและส่งออกแคนาดา ก็ระบุว่า สัญญาสั่งซื้อนี้เป็นดั่ง “เหรียญโอลิมปิกส์” สำหรับแคนาดาและผู้ผลิตในแคนาดา
อย่างไรก็ดี พรรคฝ่ายค้านแคนาดาได้ตั้งคำถามเรื่องจริยธรรมในการขายอาวุธให้แก่ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีประวัติด่างพร้อยเรื่องสิทธิมนุษยชน ทั้งยังเตือนว่าอาวุธเหล่านั้นอาจถูกนำไปใช้กดขี่ข่มเหงพลเมืองซาอุฯ
เมื่อปี 2011 ซาอุดีอาระเบียเคยส่งทหารและยานเกราะเข้าไปช่วยบาห์เรนปราบปรามผู้ประท้วงมุสลิมต่อต้านรัฐบาล
ซาอุฯขึ้นแท่น “ผู้นำเข้าอาวุธ” รายใหญ่ที่สุดของโลก ส่วน USA รั้งแชมป์ “ส่งออกอาวุธมากสุด”
ซาอุดีอาระเบียครองตำแหน่งประเทศผู้นำเข้าอาวุธรายใหญ่ที่สุดของโลกประจำปี 2014 แซงหน้าแชมป์เก่าอย่างอินเดีย ทั้งนี้ เป็นข้อมูลจากผลการศึกษาล่าสุดของสถาบันวิจัยด้านความมั่นคง “เจนส์ อินฟอร์เมชัน กรุ๊ป” ในกรุงลอนดอนของอังกฤษ ซึ่งเป็นสถาบันที่อยู่ในเครือกลุ่มไอเอชเอส อิงค์ จากสหรัฐฯ
รายงานดังกล่าวซึ่งทำการสำรวจข้อมูลใน 65 ประเทศ ระบุ ในปีที่แล้วมูลค่าการค้าอาวุธยุทโธปกรณ์ทั่วโลกอยู่ที่ 64,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 2.09 ล้านล้านบาท) จากคำสั่งซื้อที่เพิ่มสูงขึ้นของประเทศต่างๆ โดยเฉพาะในภูมิภาคตะวันออกกลาง และเอเชียแปซิฟิก ข้อมูลระบุ ซาอุดีอาระเบียมีการสั่งนำเข้าอาวุธยุทโธปกรณ์ในปี 2014 เพิ่มสูงขึ้นถึง 54 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปี 2013 และคิดเป็นวงเงินมากกว่า 6,400 ล้านดอลลาร์ (ราว 208,440 ล้านบาท) แซงหน้าแชมป์เก่าอย่างอินเดียที่สั่งนำเข้าอาวุธเป็นมูลค่า 5,570 ล้านดอลลาร์ (ราว 181,411 ล้านบาท ) ในทางกลับกัน สหรัฐอเมริกายังคงรั้งตำแหน่งประเทศ “ผู้ส่งออกอาวุธรายใหญ่ที่สุดของโลก” ตามเดิม ด้วยยอดขายที่คิดเป็นวงเงินสูงกว่า 23,700 ล้านดอลลาร์ (ราว 771,900 ล้านบาท) ซึ่งในจำนวนนี้มากกว่า 1 ใน 3 เป็นการขายให้กับประเทศในตะวันออกกลาง ขณะที่ประเทศผู้ส่งออกอาวุธรายใหญ่รองจากสหรัฐฯ ประกอบด้วย รัสเซีย (10,000 ล้านดอลลาร์), ฝรั่งเศส (4,900 ล้านดอลลาร์), สหราชอาณาจักร (4,100 ล้านดอลลาร์) และเยอรมนี (3,500 ล้านดอลลาร์)
เหตุการณ์โจมตีพลเรือนเยเมนที่สูญเสียอย่างหนัก
29 กันยายน 2558 ตรงประเด็นข่าวเที่ยง ช่วง World News : ซาอุดิอาระเบียโจมตีพลาด ถล่มงานแต่ง-เสียชีวิต 27 ราย “NOW26” 29-9-58 ซาอุฯโจมตีพลาด ถล่มงานแต่ง-เสียชีวิต 27 ราย
ปฏิบัติการทางอากาศของพันธมิตรอาหรับในภาคตะวันตกเฉียงใต้ของเยเมน พลาดเป้า ถล่มงานแต่งงานของชาวบ้าน เป็นเหตุให้มีผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตอย่างน้อย 27 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก
สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่ามีผู้หญิง 12 คน เด็ก 8 คนและผู้ชาย 7 คน เสียชีวิตในเหตุโจมตีทางอากาศครั้งนี้ ที่ระเบิดถูกยิงลงมาโดนเตนท์ 2 หลังในหมู่บ้านอัล-วาฮิจาห์ ใกล้อัล-โมคา เมืองท่าริมทะเลแดง ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานแต่งงาน ด้านเอเอฟพี รายงานอ้างแหล่งข่าวด้านการแพทย์ว่า ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 40 ราย
ด้านขบนการอัลเฮาซีย์ ออกแถลงการณ์ประณามเหตุโจมตีครั้งนี้ว่าเป็นการก่ออาชญากรรมครั้งใหม่ นอกเหนือจากการสังหารหมู่ประชาชนชาวเยเมนของรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย
ปฏิบัติการโจมตีเพื่อปราบปรามเฮาซีย์ของกองกำลังพันธมิตรหลายครั้ง มักพลาดเป้าไปปลงยังอาคารที่พักอาศัย ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการทหาร ทำให้พลเรือนเสียชีวิตไปเป็นจำนวนมากในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา
27 ตุลาคม 2558 กลุ่มแพทย์ไร้พรมแดนเผย กองกำลังที่นำโดยซาอุดีอาระเบียโจมตีโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเยเมน
กลุ่มแพทย์ไร้พรมแดน หรือเอ็มเอสเอฟ แถลงว่า โรงพยาบาลในเยเมนซึ่งกลุ่มแพทย์ไร้พรมแดนดูแลอยู่ ถูกกองกำลังที่มีซาอุดีอาระเบียเป็นแกนนำถล่มโจมตี ซึ่งถือเป็นการโจมตีเป้าหมายพลเรือนอีกระลอกหนึ่งในปฏิบัติการโจมตีทางอากาศช่วงเวลา 7 เดือนในเยเมน
แถลงการณ์ของกลุ่มแพทย์ไร้พรมแดนทางทวิตเตอร์ระบุว่า โรงพยาบาลของกลุ่มในเมืองซาดาที่เยเมนถูกถล่มโจมตีทางอากาศหลายระลอกเมื่อคืนที่ผ่านมา ทั้งที่มีคนไข้และเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์อยู่ภายในโรงพยาบาลหลายคน
สำนักข่าวซาบาของทางการเยเมน ซึ่งดำเนินการโดยกลุ่มเฮาซีย์ รายงานโดยอ้างจากคำพูดของผู้อำนวยการโรงพยาบาลฮีแดนว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายคนจากการโจมตีดังกล่าว
“การโจมตีทางอากาศดังกล่าวได้สร้างความเสียหายให้กับโรงพยาบาลทั้งตึกพร้อมกับทุกสิ่งอย่างที่อยู่ภายใน เช่นอุปกรณ์ต่างๆ และเวชภัณฑ์ และทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บปานกลางหลายคน” นายแพทย์ อาลี มุกห์ลี กล่าว
สำนักข่าวซาบาระบุว่า การโจมตีทางอากาศของกลุ่มพันธมิตรยังลงที่โรงเรียนหญิงล้วนแห่งหนึ่งละแวกนั้นด้วยและสร้างความเสียหายให้บ้านเรือนประชาชนหลายหลัง
ในตอนนี้ยังไม่อาจยืนยันรายงานดังกล่าวได้ และโฆษกของกลุ่มพันธมิตรก็ยังไม่พร้อมให้ความคิดเห็น
ซาอุดีอาระเบียและชาติอ่าวอาหรับอื่นๆ เข้าแทรกแซงสงครามกลางเมืองในเยเมนเมื่อปลายเดือนมีนาคม แต่การโจมตีทางอากาศนาน 5 เดือนเพื่อคืนอำนาจแก่รัฐบาลบาลเยเมนที่ลี้ภัยอยู่ในซาอุฯ ก็ยังไม่อาจที่จะชิงการควบคุมกรุงซานาคืนจากกลุ่มฮูตีได้
บรรดากลุ่มสิทธิมนุษยชนแสดงความกังวลถึงตัวเลขผู้เสียชีวิตที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆจากการโจมตีทางอากาศและการสู้รบภาคพื้นดินที่กำลังลุกลามทั่วประเทศยากแค้นแห่งนี้
ความขัดแย้งนี้ได้คร่าชีวิตคนไปกว่า 5,600 คนแล้วและการทูตแบบกระสวยโดยนักการทูตของสหประชาชาติก็ยังคงไม่สามารถหาทางออกทางการเมืองหรือหน่วงเหนี่ยวการสู้รบนี้อาไว้ได้
นี่เป็นครั้งที่สองในเดือนนี้ที่โรงพยาบาลของเอ็มเอสเอฟถูกโจมตีในพื้นที่สงคราม โรงพยาบาลของพวกเขาในเมืองคุนดุซของอัฟกานิสถานถูกกองทัพสหรัฐฯทิ้งระเบิดใส่เมื่อวันที่ 3 คุลาคม และมีคนเสียชีวิตราว 30 คน