ชีอะฮ์ในไนจีเรียถือเป็นชีอะฮ์ที่มีประชากรมากที่สุดของแอฟริกา กำลังตกเป็นเป้าโจมตีร่วมของรัฐบาล มหาอำนาจตะวันตก อิสราเอลและลัทธิวะฮาบี
สหพันธ์สาธารณรัฐไนจีเรีย เป็นประเทศในแอฟริกาตะวันตก เป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในแอฟริกา ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการ
ไนจีเรียมีอาณาเขตทางตะวันตกติดต่อกับเบนิน ทางตะวันออกติดต่อกับ ชาดและแคเมอรูน ทางเหนือติดต่อกับไนเจอร์ ทางใต้ติดต่อกับอ่าวกินี เมืองใหญ่ ๆ มีเช่นเมืองหลวงอาบูจา เมืองหลวงเดิมเลกอส อีบาดัน แคละบาร์ วาร์รี พอร์ตฮาร์คอร์ต เอนูกู คาโน คาดูนา โอนิตชา เอ็นเนวี จอส อีโลรีน ไมดูกูรี อาบา เบาชี โอเวอร์รี โซโคโต และเบนินซิตี
จำนวนประชากร 177 ล้านคน ประชากรร้อยละ 50 นับถือศาสนาอิสลาม ส่วนใหญ่อยู่ทางภาคเหนือ และร้อยละ 40 นับถือศาสนาคริสต์ ส่วนใหญ่อยู่ทางภาคใต้และเมืองลากอส นอกนั้นเป็นลัทธิดั้งเดิมของชนเผ่าต่าง ๆ ประมาณร้อยละ 10 หน่วยเงินตรา ไนรา (Naira)
ภูมิอากาศ อากาศร้อนชื้น มี 2 ฤดู คือ ฤดูร้อนและฤดูฝน ภาคใต้ฝนตกชุกเป็นระยะเวลานาน ภาคเหนืออากาศค่อนข้างร้อนและแห้งเกือบตลอดปี ระหว่างเดือนพฤศจิกายน – มีนาคม จะมีฝุ่นละอองพัดมาจากทะเลทรายซาฮาราปกคลุมทั่วท้องฟ้า เรียกว่า ฮามาตัน
รัฐบาลของประเทศไนจีเรียและพื้นที่ประกอบด้วย36 รัฐ ปัจจุบันประเทศไนจีเรียแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 36 รัฐ และ 1 เขตปกครองพิเศษที่เรียกว่า เฟเดอรัลแคพิทอลเทร์ริทอรี (Federal Capital Territory: FCT) อันเป็นที่ตั้งของเมืองอาบูจา เมืองหลวงของไนจีเรีย ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ 522 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (2556) รายได้ประชาชาติต่อหัว 2,817 ดอลลาร์สหรัฐ การขยายตัวทางเศรษฐกิจ ร้อยละ 6.2 ส่งออก 93.55 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ นำเข้า 55.98 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สินค้าออกที่สำคัญ ปิโตรเลียมและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม (ร้อยละ 95) โกโก้ และยางพารา สินค้าเข้าที่สำคัญ เครื่องจักร เคมีภัณฑ์ อุปกรณ์เกี่ยวกับการขนส่งสินค้าอุตสาหกรรม และอาหาร
ตั้งแต่ปี 2002 เกิดการปะทะกันระหว่าง กลุ่มก่อการร้ายโบโกฮาราม กับทหารของรัฐบาลทางภาคเหนือของไนจีเรีย กลุ่มก่อการร้ายโบโกฮารามเรียกร้องให้ปิดโรงเรียนทั้งหมดและกำหนดกฎระเบียบใหม่ที่มีแนวคิดแบบหัวรุนแรงและสุดโต่งในทุก 36 รัฐของไนจีเรีย
ชีอะฮ์ในประเทศไนจีเรีย
ชีอะฮ์ไนประเทศไนจีเรีย ถือเป็นประชากรของชีอะฮ์ที่มากที่สุดในทวีปแอฟริกา โดยในปี 2008 มีจำนวนประมาณ 7 ล้านคน ขบวนการเคลื่อนไหวอิสลามไนจีเรียเป็นของชีอะฮ์ในประเทศนี้ ภายใต้การนำของ เชค อิบรอฮีม ซักซากีย์ ซึ่งประชาชนชีอะฮ์ส่วนใหญ่จะอาศัยในเมือง ลากอส ซารียา และ นาคาโน โดยจะมีศูนย์กลางทางศาสนาในเมือง ซารียา
ร้อยละ 95 ของประชาชนชาวชีอะฮ์ส่วนใหญ่จากศาสนาอื่น แต่ในช่วงสามทศวรรษที่ที่ผ่านมา บรรดาบุคคลที่เข้ารับชีอะฮ์ ถูกรู้จักในนาม มุสตับซีรีน (ผู้ได้รับทางนำ) ชีอะฮ์ไนจีเรียจะนับถือสิบสองอิมาม นอกจากนั้น ยังมีกิจการเคลื่อนไหวงานวัฒนธรรมอย่างมากมาย เช่นการจัดงานศาสนา เดือนมุฮัรรอมและอัรบาอีน ที่จะมีผู้เข้ารับนับล้านคน การจัดพิมพ์ หนังสือพิมพ์นิตยสาร หนังสือ เว็บไซต์และผลิตเสียงและวิดีโอที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวศาสนาแห่งสายธารอะฮ์ลุลบัยต์(อ)ในภาคภาษาท้องถิ่นของไนจีเรีย
การปรากฏตัวของชีอะฮ์ในไนจีเรีย สามารถแบ่งเป็นสามช่วงประวัติศาสตร์ด้วยกัน
ช่วงแรกคือ ก่อนปี 1994 ในช่วงนั้นประชากรชีอะฮ์ทั้งหมดไม่เกิน 500 คน ในประเทศไนจีเรีย เนื่องจากประชาชนยังไม่คุ้นเคยกับมัศฮับชีอะฮ์
ช่วงที่สองคือ จาก 1994 เป็นต้นไป ณ จุดนี้มีการก่อตัวของขบวนการอิสลามในไนจีเรีย ซึ่งมาจากการเคลื่อนไหวของกลุ่ม “อิควานมุสลิม” หลังจากที่มีสมาชิกบางคนของขบวนการเข้ารับชีอะฮ์ทำให้เกิดความแตกแยกในกลุ่มขบวนการขึ้นมา และบางส่วนของผู้ที่เข้ารับชีอะฮ์ได้จะแยกตัวออกจาก กลุ่มอิควานมุสลิม บางคนการย้ายถิ่นไปยังต่างประเทศ ซึ่งนี่คือจุดเริ่มต้นแห่งการรู้จักชีอะฮ์ และท้ายที่สุดทำให้แพร่ขยายในหมู่ชาวมุสลิมในประเทศไนจีเรียในวงกว้าง
ช่วงที่สาม ซึ่งได้รับอิทธิพลจากคลื่นกระแสของการตื่นตัวและการปฏิวัติอิสลามในอิหร่าน โดยเริ่มต้นในปี 1999 และได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องจนถึงวันนี้ ณ จุดนี้เอง กระแสชีอะฮ์ในหมู่มุสลิมไนจีเรียได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม และยังคงมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว แม้จะมีการโฆษณาชวนเชื่อในเชิงลบและการชีอะต่อต้านชีอะฮ์ ก็ตาม แต่ก็มีประชาชนไนจีเรียเข้ารับชีอะอ์มากกว่า 7 ล้านคน
อิบรอฮีม ซักซากี คือใคร ?
อิบรอฮีม ยะอ์กูบ ซักซากี เกิดในปี 1953 เป็นผู้นำของขบวนการอิสลามของไนจีเรีย สำเร็จการศึกษาในสาขาเศรษฐศาสตร์ เขาถูกจำคุกหลายครั้งในทศวรรษที่ 80 และ 90
บุตรชายทั้งสามของเขา ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจไนจีเรียยิงเสียชีวิต ในวันอัลกุดส์ 2014 ในซารียา กิจกรรมความเคลื่อนไหวของเขานำไปสู่การเข้ารับสายธารอะฮ์ลุลบัยต์ของชนพื้นเมืองไนจีเรียจำนวนมาก
ประมาณ 30 ปีที่ผ่านมา เมื่อการปฏิวัติอิสลามในอิหร่านในปี 1979 ได้รับชัยชนะ ได้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้นำชีอะฮ์ไนจีเรีย หลังการปฏิวัติอิสลามในอิหร่านประสบชัยชนะ เขาเป็นบุคคลหนึ่งที่เคารพรักท่านอิมามโคมัยนี (รฎ) อย่างมาก และได้เดินทางมาศึกษาในสถาบันศาสนาในอิหร่านเป็นเวลาหลายปี และเมื่อเขากลับไปยังประเทศไนจีเรียในชุดนักการศาสนา เขาก็เริ่มเผยแผ่สายธารอะฮ์ลุลบัยต์(อ) โดยมีมืองซารียาเป็นศูนย์กลางการเผยแผ่
บีบีซี รายงาน ในการสัมภาษณ์ผู้นำทางศาสนาในประเทศไนจีเรีย ว่า “ครั้งที่ได้พบกับผู้นำศาสนาที่สวมเครื่องชุดพื้นบ้าน เหมือนรัฐบุรุษที่มีพฤติกรรมน่ายกย่องและมากด้วยประสบการณ์ เขาเหมือนกับชนอิหร่านที่ต่อต้านสหรัฐ เขาได้บอกว่าขณะนี้มีสาวกจำนวนหลายพันคน ในห้องของเขามีภาพท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามอิหร่าน อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี อีกทั้งยังเฝ้าติดตามเหตุการณ์ความเคลื่อนไหวในอิหร่านอย่างจริงจัง ”
แผนตะวันตกที่มีต่อชีอะฮ์ไนจีเรีย
การก่อตัวและการเติบโตอย่างรวดเร็วของชีอะฮ์ไนจีเรีย ที่ควบคู่ไปด้วยความเปล่งบานของความหวังและแรงบันดาลใจของผู้แสวงหาสัจธรรมและผู้ถูกดขี่ นำไปสู่การต่อต้านและความขัดแย้งที่รุนแรงสำหรับฝ่ายตรงกันข้าม คือ กลุ่มก่อการร้ายในไนจีเรีย ยิวไซออนิสต์ และลัทธิวะฮาบีที่มีต่อการเคลื่อนไหวของชีอะฮ์
เมื่อพิจารณาและตรวจสอบอย่างละเอียดของฝ่ายต่อต้าน สามารถบ่งชี้ถึงความร่วมมืออย่างลับๆ ระหว่างกลุ่มสาลาฟีตักฟีรีย์กับยิวไซออนิสต์ใน การก่อเหตุร้ายกับชีอะฮ์ในประเทศ มาตรการเหล่านี้ส่วนใหญ่ถูกวางแผนโดยมอสสาด และการมีส่วนร่วมของกองกำลังความมั่นคงไนจีเรียในการการปฏิบัติการ กรณีตัวอย่าง เช่น เหตุการณ์ลอบสังหาร อิบรอฮีม ซักซากี ผู้นำชีอะฮ์ ในปี 2009 โดยแผนการดังกล่าวนั้นจะมีการลอบวางระเบิดในบ้านพักของผู้นำชีอะฮ์ในเมืองซารียา แต่ทว่าอิบรอฮีม ซักซากี ผู้นำชีอะฮ์ ได้เปิดเผยแผนการร้ายดังกล่าวเมื่อ วันที่ 11 กันยายนในช่วงการกล่าวเทศนาธรรมในวันศุกร์
การเปิดเผยรายละเอียดของแผนดังกล่าว นอกจากเหนือจากการแทรกแซงของอเมริกาและอิสราเอลแล้ว ยังแสดงให้เห็นถึงการสนับสนุนจากประเทศซาอุดีอาระเบียอีกด้วย โดยมีการจ่ายเงินให้กับนักเผยแพร่ศาสนาบางคนทั่วประเทศ เพื่อทำการโจมตีขบวนการอิสลามภายใต้การนำของอิบรอฮีม ซักซากี ผู้นำชีอะฮ์
ในช่วงต้นเดือนกันยายนกองกำลังความมั่นคงไนจีเรียได้มีการรวมตัวกันในเมืองหลวงอาบูจาเพื่อทำการเจรจาในการดำเนินการตามแผนที่ได้วางไว้ ซึ่งส่วนหนึ่งของแผนดังกล่าว คือ การสร้างกระแสข้อกล่าวหาให้กับซักซากีและคนใกล้ชิดของเขา ภายใต้การสนับสนุนทางการเงินจากซาอุดิอาระเบียและดำเนินการโดยนักวิชาการวะฮาบี ในการกล่าวหาว่าชีอะฮ์ คือ “กลุ่มรอฟีเฏาะฮ์” จากนั้นมีการวางมารตาการที่เข้มงวดมากขึ้นต่อชีอะฮ์ในซารียา ซึ่งเป็นเมืองที่มีประชากรชีอะฮ์มากที่สุดรวมตัวกันในวันเดินประท้วงอัลกุดส์ที่จัดขึ้นในทุกปี
ในวันอัลกุดส์ปีที่ผ่านมา กองกำลังความมั่นคงไนจีเรีย ได้ส่งกองกำลัง ชื่อว่า ทีมต่อต้านการก่อการร้าย ไปยังรัฐต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองซารียา โดยมีข้ออ้างเพื่อติดตามและปราบปรามกลุ่มก่อการร้ายโบโกฮาราม (ซึ่งในความเป็นจริงแล้วต้องการสังหารพี่น้องชีอะฮ์) โดยหวังที่จะสังหารหมู่และอ้างในการจับกุมตัวบางกลุ่ม มีการตั้งจุดตรวจต่างๆ เพื่อสกัดกั้นไม่ให้ความช่วยเหลือจากใดๆ จากพื้นที่อื่น ๆ เข้ามายังเมืองของชีอะฮ์ ในขณะเดียวกันรัฐบาลที่ได้รับการสนับสนุนจากนักวิชาการในสังกัดของรัฐบาล เรียกร้องให้ออกมาพูดและประกาศจุดยืนว่าขบวนการเคลื่อนไหวอิสลามและผู้นำชีอะฮ์ไนจีเรียเป็นกลุ่มที่หลงทางที่จะต้องถูกกำจัด และหากเกิดกรณีของการสังหารหมู่สมาชิกของขบวนการอิสลามแล้ว ความเห็นอกเห็นใจและอารมณ์ร่วมของประชาชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ผู้หญิงและเด็กๆก็จะลดน้อยลง
ซึ่งแตกต่างจากในอดีตที่ผ่านมา เมื่อกลุ่มต่างๆถูกกระตุ้นให้โจมตีกลุ่มขบวนการเคลื่อนไหวอิสลาม แต่ในครั้งนี้กองกำลังความมั่นคงไนจีเรียเข้าสู่การปฏิบัติโดยตรง รัฐบาลไม่พอใจเพียงแค่การฆ่าผู้นำและสมาชิกของกลุ่มขบวนการการเคลื่อนไหวอิสลามแต่อย่างใด ซึ่งขั้นต่อไปของแผนการระยะยาวนี้ คือ การค้นหานักวิชาการและอุลามาอ์ที่มีอุดมการณ์เหมือนกับขบวนการเคลื่อนไหวอิสลามนี้
ตำรวจรัฐคาดูนาได้รายงานไปยังรัฐบาลกลาง และยอมรับว่าสถานทูตอเมริกาได้เรียกร้องให้ดำเนินการอย่างเด็ดขาดกับชีอะฮ์ไนจีเรีย
ไม่กี่วันที่ผ่านมา (ก่อนเกิดเหตุการณ์) Avigdor Lieberman รัฐมนตรีต่างประเทศอิสราเอล ได้เดินทางมายังไนจีเรียเมื่อเพื่อออกคำสั่งให้ปฏิบัติการ ซึ่งในการพบปะครั้งนั้น ในภาพรวมเป็นการลงนามเซ็นสัญญาและความร่วมมือทางการเกษตร และเทคโนโลยีระหว่างทั้งสองประเทศ แต่มีแฝงด้วยนัยยะความสัมพันธ์ลับด้านความมั่นคง ซึ่งไม่เป็นเพียงแค่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไนจีเรียที่ได้รับการฝึกฝนโดยอิสราเอลเท่านั้น แต่ยังเข้าแทรกแซงโดยตรงในความขัดแย้งท้องถิ่นที่เกิดขึ้น
ที่มา http://www.tasnimnews.com/fa/news/