สหรัฐฯ พึ่งเงินซาอุฯ หนุนกบฏซีเรีย ส่วนหนึ่งจากความสัมพันธ์แบบ ‘น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า’ ร่วมทศวรรษ

1619

วอชิงตัน- เมื่อประธานาธิบดี บารัก โอบามา แอบลงนามอนุมัติให้ ซีไอเอ เริ่มแผนการติดอาวุธกองกำลังกบฏพร้อมรบซีเรียในปี 2013 หน่วยสืบราชการลับรู้ดีว่า ปฏิบัติการนี้ย่อมต้องมี “คู่หู” ที่เต็มใจจะให้การสนับสนุนด้านการเงินมาร่วมงานด้วยอย่างแน่นอน จะเป็นใครอื่นไม่ได้ นอกเสียจาก พันธมิตรดั้งเดิม …ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย… ที่ซีไอเอ เคยพึ่งพาอาศัยมาตลอดหลายทศวรรษ โดยเฉพาะเรื่องเงินๆ ทองๆ และดุลยพินิจเมื่อคำนึงถึงปัญหาความขัดแย้ง

นับจากนั้นเป็นต้นมา ซีไอเอ และคู่หู ซาอุดีฯ ก็ได้ร่วมกันดำเนินแผนการ ตามภารกิจ เพื่อฝึกอาวุธเหล่ากบฏอย่างต่อเนื่อง แผนการที่ชาวอเมริกันเรียกกันโดยชื่อรหัส ” Timber Sycamore” – ภายใต้ข้อตกลงที่วางไว้ คณะผู้บริหารทั้งชุดเก่าและปัจจุบัน ชี้แจงว่า ซาอุดีฯ มีส่วนร่วม ให้การสนับสนุนด้านอาวุธ และเงินเป็นจำนวนมาก ส่วน ซีไอเอนั้นทำหน้าที่ฝึกฝนบรรดากบฏ ให้รู้จักวิธีการโจมตีด้วยไรเฟิล AK-47 และรถถังทำลายขีปนาวุธ

การสนับสนุนเหล่ากบฏซีเรีย เป็นเพียงแค่บทล่าสุดในหนังสือความสัมพันธ์หลายทศวรรษระหว่าง หน่วยงานลับ ซีไอเอ กับ ซาอุดีอาระเบีย และ สหรัฐฯ – พันธมิตรร่วมทุกข์ร่วมสุข: ผ่านเหตุการณ์ในยุค Iran-Contra scandal (กรณีอื้อฉาวอิหร่าน-คอนทรา) และเคยประคับประคองกันเกื้อหนุนกลุ่มนักรบมุจาฮีดีน ต่อต้านสหภาพโซเวียตฯ ในอัฟกานิสถาน อีกเคยได้ร่วมกันฝ่าฟันสงครามตัวแทนในแอฟริกามาด้วยกัน บางครั้ง ในซีเรีย ประเทศทั้งสองก็ยังได้ประสานงานไปพร้อมๆ กันอีกด้วย ในสายตาผู้อื่น ซาอุดีอาระเบีย ก็คือผู้เขียนเช็คค้ำประกัน กิจการลับต่างๆของอเมริกาดีๆ นี่เอง

Secrets of the Kingdom ความลับของราชอาณาจักร

โปรแกรมร่วมฝึกฝนและติดอาวุธ ซึ่งประเทศในตะวันออกกลางอื่นๆ ได้ช่วยกันลงขันให้การสนับสนุน ยังคงดำเนินอยู่ต่อไป ตามความสัมพันธ์ของอเมริกากับซาอุดีฯ – ราคาน้ำมันที่ถูกกว่า และภูมิรัฐศาสตร์ทางการเมือง – โซ่เส้นเก่าที่ได้คล้องสัมพันธไมตรีของสองประเทศเอาไว้ เริ่มหย่อนยานลง เมื่อความต้องการน้ำมันต่างประเทศของสหรัฐฯลดลง และ เมื่อคณะผู้บริหารโอบามาเปลี่ยนทิศ หันเท้าเดินย่องเข้า สานสัมพันธ์ทางการทูตกับอิหร่าน

กระนั้นความเป็นพันธมิตรร่วมกับซาอุดีฯ ก็ยังคงมีความเข้มข้นอยู่ สหรัฐฯ ยังคงลอยลำอยู่เหนือทะเลเงินของซาอุดีฯ ต่างฝ่ายต่างยังคงแสวงหาผลประโยชน์เพื่อตนเองร่วมกัน – นอกเหนือไปจากเหตุผลที่ซาอุดีฯ มีบ่อน้ำมันสำรองขนาดใหญ่ และเป็นประเทศเสาหลัก ครองบทบาทผู้นำทางจิตวิญญาณที่สำคัญหนึ่งของโลกมุสลิมสุนหนี่ ความสัมพันธ์มาอย่างยาวนานด้านงานข่าวกรอง ยังได้ช่วยอธิบายให้เราเข้าใจมากขึ้น ถึงสาเหตุที่ว่าทำไมสหรัฐฯ จึงลีลาไม่ปริปากวิจารณ์ การละเมิดสิทธิมนุษยชนของซาอุดีฯ ต่อประชาชนของตนอย่างเปิดเผย ตัวอย่างเช่น ในกรณีที่ซาอุดีฯ ปฏิบัติกับพลเมืองสตรีของตน และ การสนับสนุนของซาอุดีฯต่อลัทธิสุดโต่ง วาฮาบี เชื้อเพลิงที่คอยปลุกเร้าประชาชนจนเกิดเป็นกลุ่มผู้ก่อการร้าย ที่ซึ่งอเมริกากำลังต่อกรด้วยอยู่ จากในอดีตจวบจนถึงปัจจุบัน – และล่าสุด คณะรัฐบาลของโอบามาไม่ได้ทำการประณามซาอุดีฯ อย่างเปิดเผย ภายหลังจากที่ซาอุฯ ได้สั่งประหารชีวิตนักการศาสนามุสลิมชีอะฮ์ – เชค นิมัร อัล นิมัร -ในข้อหาท้าทายอำนาจราชวงศ์กษัตริย์

ถึงแม้ว่า ซาอุดีฯ จะทำให้เป็นที่รับรู้โดยทั่วกันว่า ตนมีส่วนร่วมช่วยติดอาวุธ กลุ่มกบฏซีเรีย ทว่าขอบเขตของซาอุดีฯในแคมเปญกิจการลับของซีไอเอ และในฐานะผู้สนับสนุนทางการเงินโดยตรงของหน่วยงานลับ ยังคงไม่ถูกเปิดเผย รายละเอียดต่างๆถูกจับต้นชนปลายเข้าด้วยกันเอง จากหลายๆ บทสัมภาษณ์ของเจ้าหน้าที่จากรัฐบาลสหรัฐฯทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่กว่าสิบคน รวมกับข้อมูลที่มาจากประเทศกลุ่มอ่าวเปอร์เซียหลายๆประเทศ ส่วนมากจะยอมพูด ด้วยกับเงื่อนไข คือ ไม่อนุญาตให้มีการเปิดเผยตัวตน เพราะมีคำสั่งเข้มไม่ให้อภิปรายเรื่องโปรแกรมใดๆ ทั้งสิ้น

ซาอุดีฯทุ่มเงินสนับสนุนซีไอเอ มานับตั้งแต่วินาทีที่แผนการลับของซีไอเอเริ่มต้นขึ้น

“พวกเขาเข้าใจดีว่า พวกเขาต้องพึ่งพาเรา และเราเองก็เข้าใจดีว่าเราต้องพึ่งพาพวกเขา,” Mike Rogers อดีตวุฒิสภาพรรครีพับลีกัน จากรัฐมิชิแกน ผู้เคยดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการหน่วยข่าวกรอง เมื่อคราวที่ปฏิบัติการของซีไอเอเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น Rogers ปฏิเสธไม่ขอพูดถึงรายละเอียดของโปรแกรมที่ได้จัดเตรียมไว้

เจ้าหน้าที่รัฐอเมริกันยังคงไม่เปิดเผย ขอบเขตการมีส่วนร่วมของซาอุดีฯ ในแผนการของซีไอเอ ซึ่งเท่าที่ทราบ คือซาอุดีฯ เป็นชาติที่ให้การเกื้อหนุนกบฏซีเรียในการต่อกรกับกองกำลังทหารของประธานาธิบดี บาชาร อัล อาซาด สูงที่สุดเมื่อเทียบกับชาติอื่นๆ ตัวเลขจำนวนเงิน คิดค่าอาวุธ และฝึกฝน รวมกันโดยประมาณ ตกอยู่ที่ หลายพันล้านดอลลาร์

กษัตริย์ซัลมานแห่งราชอาณาจักซาอุดีฯ กับประธานาธิบดีบารัก โอบามา เมื่อเดือนกันยายน ณ ทำเนียบขาว
กษัตริย์ซัลมานแห่งราชอาณาจักซาอุดีฯ กับประธานาธิบดีบารัก โอบามา เมื่อเดือนกันยายน ณ ทำเนียบขาว

ทำเนียบขาวจัดหาเงินทุนลับจากซาอุดีฯ และจากประเทศ กาตาร์ จอร์แดน และตุรกี – ขณะเดียวกัน นายโอบามาก็ได้ผลักดันให้บรรดาประเทศอ่าวเข้าครอบครองบทบาทด้านการรักษาความปลอดภัยในภูมิภาคให้มากยิ่งกว่าเดิม

โฆษก ทั้งจากฝ่าย C.I.A. และสถานเอกอัครราชทูตซาอุดีอาระเบียในกรุงวอชิงตันปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเมื่อนายโอบามาลงนามอนุมัติให้มีการติดอาวุธกบฏซีเรีย ช่วงฤดูใบไม้ผลิ ปี 2013 อนึ่งแผนการนี้ดำเนินอยู่บนความพยายามในการแสวงหาอิทธิพลในภูมิภาค ทั้งกาตาร์และซาอุดีฯต่างทำหน้าที่ส่งเสบียงอาวุธเข้าไปในซีเรียมานานกว่าปี กาตาร์ยังได้ลักลอบนำเข้า  ขีปนาวุธยิงข้ามไหล่ FN-6  อาวุธที่จีนเป็นผู้สร้าง ผ่านทางชายแดนตุรกีอีกด้วย

น้ำพักน้ำแรงของซาอุดีฯ ก่อเกิดมาภายใต้การบังคับบัญชาของเจ้าชายผู้โด่งดัง พรินซ์ บันดาร บิน ซุลตาน ณ ตอนนั้น คือหัวหน้างานหน่วยสืบราชการลับ ผู้ที่เคยสร้างผลงานกำกับ บรรดาสายลับซาอุดีฯ ให้กว้านซื้อ AK-47s กว่าพันกระบอก และกระสุนปืนจากยุโรปตะวันตกอีกว่าหลายล้านลูก เพื่อส่งมอบให้กับกบฏซีเรีย หน่วยงานลับ ซีไอเอ ช่วยจัดแจงการซื้ออาวุธบางส่วนให้กับซาอุดีฯ ณ ที่นี้รวมไปถึง การซื้อขายขนาดใหญ่ในเมือง Croatia เมื่อปี 2012

กระทั่งช่วงฤดูร้อนปี 2012 อิสรภาพยังคงมีอยู่ตามแนวชายแดน ตุรกียังคงส่งอาวุธ และเงินที่ได้มาจากประเทศอ่าวให้กับกลุ่มกบฏซีเรียอย่างเสรี

หน่วยสืบราชการลับ ซีไอเอ ในระหว่างนั้นทำเพียงแค่เล่นอยู่ที่ขอบสนาม ได้รับอนุมัติจากทำเนียบขาวภายใต้โปรแกรมฝึก Timber Sycamore ให้สามารถส่งมอบความช่วยเหลือ nonlethal aid  (อาวุธชนิดที่ไม่ได้ยิงกระสุนหัวโลหะจากดินขับ ไม่อาจทำให้เป้าหมายถึงแก่ชีวิต) แก่บรรดากบฏ แต่ไม่ได้รับอนุญาตให้ส่งเสบียงอาวุธสงครามเข้าไปในซีเรีย ในปลายปี 2012 อดีตเจ้าหน้าที่รัฐอเมริกันอาวุโส สองคนเล่าว่า David H. Petraeus และผู้กำกับงานหน่วยสืบราชการลับ ซีไอเอ เคยได้ว่ากล่าวบรรดาเจ้าหน้าหน่วยงานข่าวกรองจากหลายๆ ประเทศอ่าวอย่างขึงขัง ในการประชุม ณ บริเวณใกล้กับทะเลเดดซี ในจอร์แดน เขาตำหนิเหล่าเจ้าหน้าที่ ที่ได้ส่งอาวุธเข้าไปในซีเรียโดยไม่ผ่านการประสานงานซึ่งกันและกัน และไม่ผ่านการหารือกับเจ้าหน้าที่ ซีไอเอ ที่ประจำการอยู่ในจอร์แดนและตุรกี

หลายเดือนถัดมา โอบามา อนุมัติซีไอเอ ให้เริ่มทำการฝึกอาวุธและเสริมเขี้ยวเล็บโดยตรงแก่บรรดากบฏซีเรีย จากฐานที่ตั้งในจอร์แดน เปลี่ยนแปลงโปรแกรม Timber Sycamore โดยครั้งนี้ อนุญาตให้มีการช่วยเหลือทางด้านอาวุธสงคราม (lethal) – ภายใต้การจัดแจงใหม่ ซีไอเอเข้าครอบครองบทบาทเป็นผู้นำในการฝึกอาวุธ ขณะที่หน่วยงานข่าวกรองซาอุดีฯ ผ่านทางนายพล ทำหน้าที่ส่งมอบเงิน และอาวุธ (ขีปนาวุธต่อต้านรถถัง TOW ก็รวมอยู่ใน อาวุธที่ว่านี้ด้วย)

กาตาร์เองก็ช่วยลงขัน คอย สปอนเซอร์เงินที่ใช้สำหรับการฝึกอาวุธ และอนุญาตให้สามารถใช้สถานที่ในประเทศสำหรับเป็นฐานฝึกอาวุธเพิ่มเติม อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่รัฐอมริกันหลายๆ คนก็ยังคงพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ซาอุดีฯ คือผู้ให้การสนับสนุนรายใหญ่ที่สุดในปฏิบัติการลับของซีไอเอ

ขณะที่คณะบริหารของโอบามา เห็นว่า พรรคร่วมรัฐบาลชุดนี้ เป็นจุดขายในสภาคองเกรส – เจ้าหน้าที่รัฐอเมริกันคนหนึ่ง เล่าให้ฟังว่า บางคนจากคณะฯ- อย่าง วุฒิสมาชิก Ron Wyden, จากพรรคเดมอเคทประจำรัฐ Oregon ได้โยนคำถามให้กับคณะบริหารในประเด็นดังกล่าว อันเกี่ยวข้องกับสาเหตุที่ทำไม ซีไอเอ จึงจำเป็นต้องใช้เงินจากซาอุดีอาระเบีย สำหรับการดำเนินงานปฏิบัติการนี้ อย่างไรก็ดี Ron Wyden ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ ทว่า สำนักงานของเข้าได้ออกคำประกาศ เรียกร้องให้มีการชี้แจงจากรัฐบาล เพื่อความโปร่งใสที่มากขึ้น

“เจ้าหน้าที่รัฐอาวุโส ได้เคยกล่าวเอาไว้อย่างเปิดเผย ว่า สหรัฐฯ กำลังพยายามก่อสร้างสมรภูมิที่สามารถ (สร้าง) แรงต่อต้านบาชาร์ ทว่าพวกเขาไม่ได้แจกแจงอย่างเปิดเผย อันเกี่ยวกับรายละเอียดวิธีการที่พวกเขาจะใช้กระทำแผนการจนสำเร็จ (พวกเขาไม่ได้บอกเราว่า) หน่วยงานสหรัฐฯใดบ้างจะมีเอี่ยวด้วย และหุ้นส่วนจากต่างประเทศใดบ้างที่หน่วยงานพวกนั้นจะเข้าร่วมประสานงานด้วย,” – ส่วนหนึ่งจากคำประกาศ

เมื่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่มีส่วนร่วมในโปรแกรมการฝึกอาวุธกบฏซีเรียมีความตึงเครียด ปัญหาส่วนมากจึงตกเป็นภาระของสหรัฐฯในการคิดหาหนทางแก้ – ในฐานะเจ้าภาพ – จอร์แดนคาดหวังการชำระเงินจากซาอุดีฯ และอเมริกัน อดีตเจ้าหน้าหน่วยงานข่าวกรองอาวุโสเล่าว่า เมื่อซาอุดีฯ จ่ายมาช้า จอร์แดนจะนำเรื่องไปเรียกร้องกับเจ้าหน้าที่ซีไอเอ

เจ้าหน้าที่ทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่ชี้ – แม้ว่า ซาอุดีฯ จะเคยให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ปฎิบัติการก่อนหน้านี้ของ ซีไอเอ มาโดยเสมอ แต่เงินสำหรับส่งมอบไปยังซีเรีย นั้น ซาอุดีฯไม่ได้ให้ไปฟรีๆ “พวกเขาต้องการที่นั่งบนโต๊ะ เราลองมาดูกันว่า วาระเบื้องหลังโต๊ะใบนั้นจะเป็นอะไรกัน” – Bruce Riedel อดีตนักวิเคราะห์จากหน่วยสืบราชการลับซีไอเอ และปัจจุบันคือ นักวิชาการอาวุโส สถาบัน Brookings กล่าว

โปรแกรมฝึกอาวุธของซีไอเอแยกออกมาจากโปรแกรมเพื่อฝึกอาวุธให้แก่กบฏซีเรียอีกโปรแกรมหนึ่ง ที่แพนตากอนเคยกำกับงานอยู่ โปรแกรมดังกล่าวได้ถูกออกแบบมาเพื่อฝึกฝนบรรดากบฏให้ประจันหน้ากับนักรบไอเอสในซีเรีย ซึ่งต่างออกไปจากโปรแกรมของซีไอเอที่โฟกัสไปที่การฝึกฝนพวกกบฏให้สู้รบกับกองกำลังทหารซีเรีย (รัฐบาล)

เจ้าชาย บันดาร บิน ซุลต่าน ในปี 2007
เจ้าชาย บันดาร บิน ซุลต่าน ในปี 2007

ในขณะที่พันธมิตรหน่วยงานข่าวกรองให้ความสนใจไปที่การต่อสู้ในซีเรีย และให้ความสำคัญกับการทำสงครามกับอัลกออิดะอฺ ในความสัมพันธ์ระหว่าง อเมริกัน- ซาอุดีอาระเบีย สิ่งหนึ่งที่ยังคงสร้างความรำคาญใจให้กับเรามาโดยเสมอคือ จำนวนพลเมืองชาวซาอุดีฯ ที่คอยให้การสนับสนุนกลุ่มก่อการร้าย นักวิเคราะห์กล่าว

“ยิ่ง(ใจความของ) คำโต้แย้ง มุ่งไปที่, ‘เราจำเป็นต้องพึ่งพาพวกเขา ในฐานะคู่หูในการต่อกรกับผู้ก่อการร้าย’ ความน่าเชื่อถือ(ของคำโต้แย้ง) ก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น” –  William McCants อดีตที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศว่าด้วยการต่อกรกับการก่อการร้ายและผู้เขียน หนังสือเกี่ยวกับรัฐอิสลาม (book on the Islamic State) กล่าว

“หากนี่เป็นเพียงแค่การสนทนาว่าด้วยเรื่องการต่อกรกับปฏิบัติการจากลัทธินิยมการก่อการร้าย และหากว่า ซาอุดีฯคือส่วนที่ใหญ่ที่สุดของปัญหาการก่อการร้ายมาตั้งแต่เริ่มต้น  ดังนั้น คำโต้แย้งเช่นนั้น จะน่าคล้อยตามมากสักแค่ไหนกัน?”

คำนึงถึงช่วงระยะเวลาสั้นๆ พันธมิตรร่วมยังคงแข็งแรงอยู่ ความเป็นปึกแผ่นมาจากเยื่อใยที่มีให้กันระหว่างเจ้าหน้าที่สืบราชการลับ – เจ้าชาย โมฮัมหมัด บิน นาเยฟ (Mohammed bin Nayef) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยซาอุดิฯ ผู้ที่มีความมุ่งมั่น กระทำการติดอาวุธให้แก่กองกำลังกบฏซีเรีย รู้จักดีกับผู้กำกับงานหน่วยข่าวกรองซีไอเอ นาย John O. Brennan ณ ตอนนั้น Brennan คือหัวหน้าหน่วยงานสถานีประจำกรุงริยาด ในช่วงปี 1990s – อดีตผู้ร่วมงานกล่าวว่า ทั้งสองยังคงรักษาความสัมพันธ์เอาไว้อย่างแนบแน่น เจ้าชายโมฮัมหมัด กล่าวเตือนเหล่าสหายในวอชิงตันด้วยการเคลื่อนไหวเชิงรุกประกาศจะรื้อถอนกลุ่มก่อการร้ายอย่าง อัล กออิดะอฺ ออกจากคาบสมุทรอาหรับ

ยิ่งไปกว่านักการทูต Brennan มีบทบาทที่สำคัญเป็นอย่างมากในริยาด ตำแหน่งของเขา ว่ากันว่า สำคัญถึงขั้นเรียกได้ว่า เป็น ตัวตนของอำนาจอเมริกาที่แท้จริงภายในราชอาณาจักร อดีตทูตหลายๆ คนเล่าว่า การอภิปรายที่สำคัญมากๆ ที่สุดจะไหลผ่านหัวหน้าสถานีข่าวกรองซีไอเอเสมอ

เจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับในปัจจุบันและอดีตบอกว่า มันมีประโยชน์แฝงอยู่ในช่องทางการสื่อสารนี้: นั่นก็คือ ซาอุดิฯ จะไม่ตอบโต้คำวิพากษ์วิจารณ์ของอเมริกามากนัก หากเป็นการวิจารณ์ ที่เป็นไปอย่างเป็นส่วนตัว และช่องทางเสวนาลับนี้ได้ช่วยควบคุมพฤติกรรมของซาอุดีอาระเบียต่อผลประโยชน์ของอเมริกา เอาไว้ได้มากเสียกว่า การตำหนิ หรือ ประณามซาอุดิฯ อย่างเปิดเผยเป็นหลายเท่าตัว

ความสัมพันธ์นี้หยั่งรากลึกเป็นอย่างมาก ในช่วงปลายยุคปี 1970s ซาอุดิฯจัดตั้ง สิ่งซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนาม เดอะ “Safari Club” (ซาฟารี คลับ) – รัฐบาลร่วมระหว่างหลายๆ ประเทศ ได้แก่ ประเทศ โมรอกโก อียิปต์ และฝรั่งเศส – ซึ่งปฏิบัติกิจการลับร่วมกันอยู่ในเขตแอฟริกา ในขณะนั้น – ช่วงเวลาเดียวกันที่ สภาครองแกรส ได้ตัดปีกของซีไอเอไว้ในหลายปีฐานละเมิดสิทธิมนุษยชน

“และดังนี้ ผมคิดว่า ราชอาณาจักรร่วมด้วยกับประเทศเหล่านี้ ได้ช่วยโลกเอาไว้ในระดับหนึ่ง (พวกเขาช่วย) ทำให้โลกเป็นที่ที่ปลอดภัยในเวลานั้น ที่ซึ่งสหรัฐๆไม่มีความสามารถจะทำ (รักษาความปลอดภัยให้แก่โลก) ได้” เจ้าชาย ตุรกี อัลไฟซอล (Turki al-Faisal) อดีตหัวหน้าหน่วยข่าวกรองซาอุดิฯ เล่าถึงความหลังในคำปราศรัย ที่ มหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ (Georgetown University) เมื่อปี 2002

ในช่วงปี 1980s ซาอุดิฯ ได้ให้การช่วยเหลือทางการเงินแก่ปฏิบัติการของซีไอเอ ในแองโกลา (Angola) ที่ซึ่ง สหรัฐฯ หนุนหลังกลุ่มกบฏเข้าต่อต้าน รัฐบาลพันธมิตรโซเวียต ซาอุฯ ต่อต้านคอมมิวนิสต์อย่างแข็งขัน ดูเหมือนว่า แรงจูงใจหลักของกรุงริยาด คือ ซาอุดิฯต้องการเสริมสร้างความเหนียวแน่นให้กับโซ่คล้องความสัมพันธ์ของมันกับ ซีไอเอ

บางที ภาคที่สำคัญที่สุดในการอธิบาบภาพยนตร์ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองนี้ อาจจะเป็นตอนที่ ซาอุดิฯ ช่วยติดอาวุธให้กับกบฏมุจาฮิดีน เพื่อขับไล่โซเวียตออกจากอัฟกานิสถาน สหรัฐอเมริกาทุ่มไปหลายร้อยล้านดอลลาร์ในแต่ละปีให้กับภารกิจดังกล่าว และซาอุดิอาระเบียก็เข้าคู่ด้วย ดอลลาร์ต่อดอลลาร์

ก้อนเงินไหลเวียนผ่าน บัญชีธนาคาร Swiss ของซีไอเอ – ในหนังสือ “Charlie Wilson’s War,”  นักข่าว George Crile III อธิบายถึงวิธีการที่ซีไอเอ จัดการไม่ให้บัญชีมีดอกเบี้ย เพื่อรักษากฎเกณฑ์ที่ไม่ให้มีการกินดอก ตามหลักศาสนาอิสลาม

ในปี 1984 เมื่อคณะบริหารของประธานาธิบดี Reagan พยายามให้การช่วยเหลือ ด้วยแผนการลับขายอาวุธให้อิหร่าน เพื่อนำเอาเงินไปใช้สนับสนุนกลุ่มกบฏใน นิการากัว – Robert C. McFarlane ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ ได้พบกับเจ้าชายบันดาร์ (Bandar) ซึ่งเป็นทูตซาอุฯ ประจำกรุงวอชิงตัน ณ ขณะนั้น ทำเนียบขาวออกตัวเกี่ยวกับกรณีนี้อย่างชัดเจน โดยกล่าวว่า ซาอุดิฯจะ “ได้รับสิ่งตอบแทนในจำนวนที่ยุติธรรม” จากการให้ความร่วมมือ

ในผลงานการให้การสนับสนุนที่ผ่านมาของซาอุฯที่มีต่อ คณะบริหาร เป็นที่รับรู้ว่า เจ้าชายบันดาร์ ได้ให้คำมั่น พร้อมส่งเงิน กว่า ล้านเหรียญดอลลาร์ทุกเดือนเพื่อช่วยระดมทุนฝ่ายต่อต้าน การสนับสนุนยังคงดำเนินอยู่ต่อไป แม้ภายหลังจากที่สภาคองเกรสได้ตัดงบประมาณสนับสนุนฝ่ายต่อต้านไปแล้ว ในท้ายที่สุด ซาอุดิฯ ได้ให้การสนับสนุนทางการเงินไปมากถึง 32 ล้านเหรียญดอลลาร์ จ่ายผ่านบัญชีธนาคารที่เกาะเคย์แมน (Cayman Islands)

ครั้นเมื่อ กรณีอื้อฉาวอิหร่าน-คอนทรา แตกโพละ และคำถามเกี่ยวกับบทบาทของซาอุดิฯ ผุดขึ้นอย่างมากมาย ราชอาณาจักรเก็บความลับของมันเอาไว้ เจ้าชายบันดร์ ปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือในงานสืบสวนสอบสวน นำโดย Lawrence E. Walsh ผู้ไต่สวนอิสระ

ในจดหมาย เจ้าชายปฏิเสธที่จะเบิกความ อธิบายว่า “ความเชื่อมั่น และข้อผูกมัด เฉกเช่น มิตรภาพของเรา ไม่ได้มีไว้ให้กันและกันเพียงชั่วครู่ แต่ (มันมีไว้สำหรับความสัมพันธ์) ในระยะยาว”

—-
บทความโดย MARK MAZZETTI and MATT APUZZO
ที่มา http://www.nytimes.com/2016/01/24/world/middleeast/us-relies-heavily-on-saudi-money-to-support-syrian-rebels.html