ฟื้นฟูมรดกจักรวรรดิออตโตมัน เบื้องหลังตุรกีสร้างมัสยิดในแอลเบเนีย

1391
มัสยิดขนาดใหญ่บนถนน “เซนต์จอร์จบุช” ในติรานา เมืองหลวงของแอลเบเนีย

iqna.ir  –  จนถึงวันนี้ทางกรมศาสนาตุรกีได้ให้เงินสนับสนุนในการสร้างมัสยิดและโรงเรียน 100 กว่าแห่งใน 25 ประเทศทั่วโลก และขณะนี้กำลังสร้างมัสยิดติรานาอันเป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในคาบสมุทรบอลข่านซึ่งอยู่ในระหว่างขั้นตอนของการก่อสร้าง และเป็นหนึ่งในโครงการที่ตุรกีให้การสนับสนุน

ขณะนี้กำลังมีการดำเนินการก่อสร้างมัสยิดขนาดใหญ่บนถนน “เซนต์จอร์จบุช” ในติรานา เมืองหลวงของแอลเบเนีย ใกล้กับอาคารรัฐสภาของประเทศ ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการที่ได้รับการสนับสนุนจากตุรกี  เมื่อการก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้วก็จะเป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในคาบสมุทรบอลข่าน

จนถึงวันนี้ทางกรมศาสนาตุรกีได้ให้เงินสนับสนุนในการสร้างมัสยิดและโรงเรียน 100 กว่าแห่งใน 25 ประเทศทั่วโลก   ซึ่งกรมศาสนาตุรกีให้การสนับสนุนเงินทุนในการสร้างและซ่อมแซมบูรณะศาสนสถานของอิสลามที่ถูกทำลายในช่วงเกิดสงครามหรือภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่นบอสเนียเฮอร์เซโกวิน่า ฟิลิปปินส์ และโซมาเลีย

ในฉนวนกาซา ตุรกีก็ได้ให้การสนับสนุนในการบูรณะซ่อมแซมมัสยิดที่ถูกทำลายจากการโจมตีของอิสราเอลเมื่อปี  2014  ซึ่งคาดว่ากรมศาสนาตุรกีจะให้การสนับสนุนประมาณ  200 ล้านดอลลาร์

ความพยายามที่จะฟื้นฟูมรดกของจักรวรรดิออตโตมัน

มัศฮัร เบลคิน เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกรมกิจการศาสนาตุรกี ย้ำว่า ค่าใช้จ่ายทั้งหมดได้รับทุนจากผู้มีจิตศรัทธา จากภาคเอกชนและการได้รับของขวัญ  แต่ยังนักวิจารณ์ที่ไม่เชื่อในเรื่องนี้และเชื่อว่าด้วยการกระทำเช่นนี้  ตอบยิบ เออร์โดกัน ประธานนาธิบดีตุรกี มีความมุ่งมั่นที่จะฟื้นฟูมรดกของจักรวรรดิออตโตมันอีกครั้ง   กลุ่มฆราวาสและชาตินิยมในแอลเบเนียซึ่งเป็นประเทศที่อยู่ภายใต้ของการปกครองของคอมมิวนิสต์มาช้านาน  (ปฏิเสธพระเจ้า) เกิดความตะลึงและฉงนใจขึ้นมาว่า อาคารรัฐสภาของพวกเขาจะกลายเป็นอาคารที่เล็กโดยปริยาย เมื่อเทียบกับมัสยิดใหญ่แห่งติรานา และอีกด้านหนึ่งนั้นหากมองในด้านพลเมืองที่ให้การสนับสนุนและรูปแบบของสถาปัตยกรรมและสไตล์มัสยิดออตโตที่มีความใหญ่โตแห่งติรานานั้นเป็นการบ่งชี้ถึงข้อเท็จจริงในเรื่องนี้

ประชาชนชาวแอลเบเนียส่วนใหญ่กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐ หลังจากพ้นยุคสมัยของคอมมิวนิสต์แล้วได้อนุญาตให้มีการสร้างวิหารโบสถ์อันใหญ่ให้กับชาวคริสต์นิกายคาทอลิกและออโตดอกส์ในติรานา แต่ปล่อยให้ชาวมุสลิมทำการนมัสการ (นมาซ) นอกสถานที่ท่ามกลางอากาศที่หนาวเหน็บ  (เนื่องจากการนมาซอีดฟิตร์และกุรบานของมวลมุสลิม จะทำการนมาตามท้องถนนหลักในใจกลางเมืองอิสกันดาร์ บิก)  สำหรับพี่น้องมุสลิมผู้ศรัทธาต้องนมาซภายในมัสยิดเล็ก ๆ หลังหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 19 ท่ามกลางสายฝนและความหนาวเย็นที่พัดผ่านมา   ไม่เป็นที่ชัดเจนว่าทำไมรัฐบาลจึงล่าช้าในการอนุญาตให้สร้างมัสยิดตีรานาเช่นนี้ แต่จะอย่างไรก็ตามในที่สุดในปี 2013 ก็ออกคำสั่งให้ทำการก่อสร้างมัสยิด

บทบาทของตุรกีในสังคมอิสลามแห่งแอลเบเนียนั้นมีนัยยะที่นอกเหนือจากการก่อสร้างมัสยิด ในบรรดางานสัมมนามุสลิมทั้งเจ็ดครั้งที่จะจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในแอลเบเนียนั้น  มี 6 ครั้งด้วยกันที่เชื่อมต่อกับ Gulen ตุรกีซึ่งเป็นประธานจัดงาน   สำนักงานพัฒนาตุรกี (Tika) ในแอลเบเนียจนถึงวันนี้ ได้ทำการโครงการสำเร็จมาแล้ว  248  ครั้งด้วยกัน  นอกเหนือไปจากการบริจาคและการช่วยเหลือทางการเงินแล้ว  ชาวแอลเบเนียจำนวนมากต่างตอบรับการแทรกซึมของตุรกีในฐานะเป็นทางสายกลางในการเผชิญหน้ากับกับการแพร่กระจายของพวกก่อการร้ายมุสลิม (หัวรุนแรง)

โอลา โควารา  เผยว่า มุฟตีแห่งกรุงตีรานา เปิดเผย กรณีมีพลเมืองมุสลิมในประเทศจำนวน 150 คนเข้าร่วมกับกลุ่มไอซิสในซีเรีย  ซึ่งเขาถือว่า บรรดาสลาฟีและวะหาบีที่เป็นผู้ก่อตั้งสถาบันต่างๆ ในประเทศในปี 1990 เป็นตัวการละต้นเหตุในเรื่องนี้(ผู้ก่อตั้งสถาบันเหล่านี้จำนวนมากถูกไล่ออกจากแอลเบเนียหลังจากเหตุการณ์ 11 กันยา )

โอลา โควารา กล่าวว่า ส่วนใหญ่ชาวแอลเบเนียจะเป็นศัตรูกับกลุ่มอิสลามหัวรุนแรงและส่วนใหญ่จะมีความสนใจและเป็นมิตรกับอิสลามสายกลาง (ซึ่งจะหมายถึงอิสลามแบบตุรกี) และในความเป็นจริงแล้วมุสลิมในแอลเบเนียจะมีความอ่อนแอเสียยิ่งกว่ามุสลิมในตุรกีและโน้มเอียงคลั่งไคล้ตะวันตกอย่างมาก

ในอีกด้านหนึ่งในสถาบันศาสนาในตุรกีก็มีความขัดแย้งภายใน  รัฐบาลตุรกีจะมีความสัมพันธ์ร้าวกับ Gulen  และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ Gulen หลายคนถูกจองจังในคุก

การแทรกซึมของกรมศาสนาตุรกีในบางประเทศ

ครั้นที่ เออร์โดกัน ได้มาเยือนแอลเบเนียในปี 2014  และเขาได้เข้าร่วมพิธีเปิดการก่อสร้างมัสยิดกรุงติรานา  เขาได้เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลแอลเบเนียสั่งปิดโรงเรียนที่อยู่สังกัดของ Gulen แต่เจ้าหน้าที่แอลเบเนียปฏิเสธคำขอนี้  อย่างไรก็ตามในแอลเบเนียและประเทศอื่น ๆ ที่สังคมและชุมชนมุสลิมได้รับการสนับสนุนจากตุรกีได้รับการกดดันอย่างหนัก  กะรัม  อักตัม ศาสตราจารย์ชาวเตริก์แห่งมหาวิทยาลัยเป็น “กราซ” ออสเตรีย กล่าวว่า เออร์โดกัน เป็นผู้บีบบังคับให้พวกเขาออกไป !

ในทางตรงกันข้าม กรมศาสนาตุรกียังคงขยายอิทธิพลและการเข้าไปแทรกซึมในประเทศต่างๆที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับจักรวรรดิออตโตมัน

ในปี 2014 Erdogan ได้กล่าวว่า ประเทศคิวบาก่อนที่จะถูกค้นพบโดยคริสโตเฟอร์โคลัมบัส มีมุสลิมอยู่อาศัยมาก่อนแล้ว ซึ่งการแสดงทัศนะของเขาเพื่อจะใช้โอกาสเพื่อจะสร้างมัสยิดในประเทศนี้

ตุรกียังมีแผนที่จะสร้างมัสยิดในประเทศเฮติอีกด้วย

กะรัม อักตัม  กล่าวสรุป ว่า   เป้าหมายหลักของตุรกีในการนี้เพื่อเข้าไปแทรกซึมในดินแดนใหม่ต่างๆ และยังมีความคิดที่ว่า  “ตุรกีจะต้องเป็นผู้นำของโลกอิสลาม”

อ้างอิง http://iqna.ir/fa/news/3472679/پشت-پرده-حمایت-ترکیه-از-ساخت-مساجد-در-آلبانی