ยุโรป…ดินแดน “สวรรค์” หรือ “นรก” สำหรับเด็กลี้ภัย??

กลุ่มค้าอวัยวะมนุษย์และค้าประเวณีเข้าครอบงำบรรดาเด็กๆ ที่อพยพไปยังยุโรป

1985
แฟ้มภาพ

ในปี 2015 เหล่าบรรดาเด็กกำพร้ามากกว่า 26,000 คนได้อพยพไปยังยุโรปพร้อมกับขบวนผู้ลี้ภัยขนาดใหญ่ด้วยคาดหวังที่จะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ แม้จะผ่านการเดินทางที่เสี่ยงภัยแต่หลังจากที่ได้ย่างเท้าเข้าสู่ยุโรป ดินแดนที่ถูกจินตนาการไว้เหมือนดั่งสวรรค์ แต่ไม่นานกลับกลายมาเป็นนรกบนโลกนี้อีกครั้งสำหรับพวกเขา

ตามรายงานของ นสพ. และหน่วยงานต่างประเทศ เด็กกำพร้าที่ขอลี้ภัยไปยังยุโรปได้หายตัวไปกว่าหมื่นชีวิตเมื่อเดือนที่ผ่านมา ซึ่งตำรวจยุโรปได้ออกมาประกาศว่า มีความกังวลเด็กเหล่านี้อาจได้รับบาดเจ็บที่รุนแรง หรือมีการปฏิบัติที่โหดร้าย รวมทั้งการล่วงละเมิดทางเพศจากเงื้อมมือของกลุ่มแก๊งอาชญากร

โดนัลด์ หัวหน้าตำรวจยุโรป หรือ ยูโรโพล (Europol) เชื่อว่า เหล่าเด็กๆ ได้หายตัวไประยะเวลา18-24 เดือนมาแล้ว และเป็นไปได้สูงที่เด็กเหล่าอาจพบกับความเสี่ยงของการล่วงละเมิดทางเพศและการแสวงหาผลประโยชน์ หรือการนำไปเป็นทาส โดนัลด์ ระบุว่าเฉพาะในประเทศอิตาลีเด็กกำพร้ากว่า 5,000 คนสูญหายไป เป็นไปได้ว่าบางส่วนของเด็กๆ อาจอาศัยอยู่กับญาติของตน แต่ตำรวจก็ไม่ได้รับข่าวคราวการเป็นอยู่ของบรรดาเด็กๆ

หนังสือพิมพ์ Observer ได้ออกมาเปิดเผยโดยอ้างรายงานจากตำรวจยุโรป ว่า มีเบาะแสการเคลื่อนไหวของกลุ่มขบวนการก่ออาชญากรรมมนุษย์เข้าล่อลวงบรรดาเด็กๆ ผู้ลี้ภัย โดยมีจุดประสงค์เพื่อการค้าประเวณี และการนำไปเป็นทาส สถาบันแห่งหนึ่งออกมาเปิดเผยว่า นักโทษในเรือนจำหลายแห่งของประเทศเยอรมนีและฮังการีมีเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยข้อหาว่ามีความเกี่ยวข้องกับขบวนการก่ออาชญากรรมมนุษย์และลักพาตัวเด็ก ซึ่งส่วนใหญ่ของบรรดาเด็กๆ ต้องเผชิญกับปัญหาการข่มขืนและติดกับดักของขบวนการค้ามนุษย์

เจ้าหน้าที่ตำรวจอังกฤษ ได้กล่าวไว้เมื่อท้ายสัปดาห์ที่ผ่านมา “เรายินดีต้อนรับบรรดาเด็กๆ ผู้ลี้ภัยจากซีเรีย โดยมีเงื่อนไขว่า พวกเขาจะต้องไม่ลี้ภัยมาที่นี่พร้อมกับครอบครัว”

ราฟาเอล มีลาโน (Raffaella Milano) ประธานคณะกรรมการช่วยเหลือเด็กลี้ภัยอิตาลีและยุโรปได้กล่าวว่า มีเด็กลี้ภัยจำนวนมากได้อพยพมายังยุโรปพร้อมครอบครัวของพวกเขา และบางส่วนได้ลี้ภัยมาอย่างโดเดี่ยวซึ่งประสบปัญหามากมายและต้องใช้ชีวิตแบบหลบๆ ซ่อนๆ จากสายตาผู้อื่นเนื่องจากกลัวถูกเนรเทศโดยรัฐบาล

ยุโรปดินแดนสวรรค์หรือนรกสำหรับเด็กลี้ภัย

กรีซซึ่งเป็นอีกหนึ่งเกตเวย์หลักในการอพยพไปยังยุโรป Lara Papa ผู้อำนวยการการกุศลด้านการย้ายถิ่นฐาน ที่ได้ทำงานร่วมกับเด็กๆ ลี้ภัยที่เดินทางมายังกรีซอย่างโดดเดี่ยว ได้เปิดเผยว่า บรรดาเด็กๆ ที่เดินทางมาโดยปราศจากครอบครัวถือเป็นกลุ่มที่ต้องเจอชะตากรรมที่เลวร้ายที่สุดมากกว่ากลุ่มอื่นๆ กระบวนการในการค้นหาครอบครัวของเด็กเหล่านี้มีความเป็นไปได้ที่จะต้องใช้เวลามากถึง 7 เดือน และขั้นตอนการค้นหาอาจมีความยากลำบากและวุ่นวาย ซึ่งก็เป็นไปได้ว่าอาจจะมีเหล่าพวกแก๊งมาเฟียหรือแก๊งอาชญากรรมต่างๆ จะเข้ามาในรูปแบบขององค์กรต่างๆ เพื่อใช้ประโยชน์โดยการกล่าวอ้างว่าเป็นครอบครัวของเด็กเหล่านี้ และด้วยกับความไร้เดียงสาของบรรดาเด็กพวกเขาอาจพาเด็กเหล่านี้ไปค้าประเวณีและอื่นๆ ซึ่งปัจจุบันองค์กรของเราสามารถนำพาเด็กๆ ผู้ลี้ภัยส่งมอบคืนให้แก่ครอบครัวของพวกเขาได้แล้วกว่า 3 พันคนแต่ก็ยังไม่ถือว่าเพียงพอ สวีเดน เมื่อปีที่ผ่านมาได้ให้ที่พักพิงแก่ผู้ลี้ภัยกว่า 35,369 คน ล่าสุดอังกฤษยังได้ออกมาประกาศว่าพร้อมที่จะช่วยเหลือและให้ที่พักพิงเฉพาะแก่เด็กที่ลี้ภัยมาโดยปราศจากผู้ปกครองหรือครอบครัว และยุโรปปฏิเสธที่จะรับดูแลเด็กผู้ลี้ภัย 3,000 คน โดยอ้างว่านโยบายการเมืองดังกล่าวจะช่วยลดความเสี่ยงของบรรดาผ้ลี้ภัยไปยังยุโรป

บรรดาผู้ลี้ภัยหลังจากที่ได้รับข่าวคราวการเดินทางที่เลวร้ายของกลุ่มก่อนหน้าพวกเขาคือเหตุการณ์ถูกแช่แข็งในทะเลหรือจมทะเลจึงทำให้พวกเขาสนใจที่จะอพยพไปยังทวีปสีเขียวมากกว่า ซึ่งก่อนหน้านี้มีการค้นพบร่างกายซึ่งคาดว่าเป็นผู้หญิงและเด็กกว่า 37 คนตามชายหาดตุรกี และสภาพของยุโรปก็ไม่ได้เอื้อเฟื้อสิ่งใดให้แก่กลุ่มผู้ลี้ภัย เขาจะต้องถูกมองจากกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยและสุดโต่งในยุโรปด้วยสายตาที่ตึงเครียดและดูถูก ในประเทศอังกฤษกลุ่มคนดังกล่าวได้เรียกร้องให้มีการขับไล่กลุ่มผู้ลี้ภัยเหล่านี้ออกจากประเทศ ในสวีเดนกลุ่มพรรคนีโอนาซีซึ่งสวมหน้ากากบนใบหน้าหลายสิบคนได้ออกมารวมตัวกันในกรุงสตอกโฮล์มโดยได้เรียกร้องให้มีการโจมตีไปยังกลุ่มผู้ลี้ภัย ในเยอรมันเมื่อปีที่ผ่านได้อาสารับผู้ลี้ภัยเข้าประเทศกว่าล้านคน แต่ในที่สุดความนิยมของ แองเจลาเมอร์เค ต้องลดวูบอย่างรวดเร็วด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ คือ การโจมตีระเบิดที่พักพิงของกลุ่มผู้ลี้ภัย

BBC ได้ออกมารายงานล่าสุดเกี่ยวกับการหายไปของเด็กๆ กว่า 5,000 คนในอิตาลีและอีก 1,000 คนในกรณีสวีเดนว่า บางส่วนของบรรดาเด็กๆ พร้อมที่สละขายชีวิตตนเองเพียงเพราะต้องหาปัจจัยยังชีพ รายงานยังเสริมอีกว่า กรีซเป็นประตูสู่ยุโรปซึ่งเป็นทางผ่านและส่งผู้อพยพเข้าสู่ยุโรป แต่เนื่องด้วยมีระบบที่ค่อนข้างจะอ่อนแอจึงมักถูกสหภาพยุโรปตำหนิอยู่สม่ำเสมอ

ตามรายงานของ BBC “ลีโอนาร์ดอยล์” ประธานองค์กรอพยพสากลเชื่อว่า การหายตัวไปของเด็กผู้อพยพกว่า 10,000 คนถือเป็นสิ่งที่น่าตกใจอย่างยิ่ง แต่ก็ไม่ได้เหนือความคาดคิด Fabio sorgun ประธานมูลนิธิการกุศลสู่หนเส้นทางอิตาลี เชื่อว่า ศูนย์ในอิตาลีที่ใช้ติดต่อกับผู้ลี้ภัยมีจำนวนน้อยมากที่เจ้าหน้าที่จะรู้ภาษาอาหรับ ซึ่งนั้นก็อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เด็กกว่า 5,000 คนหายสาบสูญไป จึงทำให้ใครก็ตามที่เข้ามาติดต่อกับศูนย์กลางและนำตัวเด็กๆไปโดยใช้ภาษาอาหรับเป็นข้ออ้างว่าเป็นญาติของเด็ก และยังมีเด็กอีกหลายคนที่ถูกลักพาตัวไปตามท้องถนน

1460779_390ในปี 2015 มีผู้อพยพเข้ายุโรปกว่า 1,573,000 คนมีการอพยพมาทางน้ำ อากาศ หรือทางบก และในปีนี้มีผู้อพยพจมน้ำทะเลเมดิเตอร์เรเนียนแล้วกว่า 244 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็ก

ผู้อพยพทั้งหมดที่เดินทางเข้ายุโรปโดยรวมแล้วราว 1 ล้านคนในปี 2015 ซึ่งเป็นเด็กราว 270,000 คน เฉลี่ยเป็น 27% เป็นเด็กไร้ญาติราว 26% ซึ่ง 10,000 คนที่หายตัวไปจากเด็กเหล่านั้น ซึ่งปัจจุบันก็ยังไม่ทราบชะตากรรมของบรรดาเด็กๆผู้บริสุทธิ์ว่าจะถูกกลุ่มอาชญากรรมนำไปเป็นทาส ค้าประเวณี หรืออาจถูกสังหารและนำอวัยวะส่งออกขายไปยังประเทศต่างๆ

 

อ้างอิง

http://www.mashreghnews.ir/fa

http://www.aljazeera.com/

http://www.bbc.co.uk/

https://www.rt.com/news

http://www.euronews.com/